รมตีนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงนอน ขณะที่สายตาจับจ้องมองบานประตูเพื่อเฝ้ารอเวลาที่มันจะถูกเปิดออก หญิงสาวนึกไปถึงกระเป๋าสะพายและโทรศัพท์มือถือรวมถึงโฉนดที่ดิน ซึ่งตอนนี้น่าจะถูกคนใจร้ายยึดเอาไว้
"หรือว่าพวกเขาจับเรามาเรียกค่าไถ่?" รมตีพยายามคิดหาเหตุผลที่ตนโดนจับตัวไว้ ทว่าทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงไขกุญแจจากด้านนอก
ร่างกะทัดรัดรีบลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นใครคนหนึ่งเปิดประตูออก เขาสืบเท้ายาวเดินตรงมาหยุดอยู่ตรงหน้า รมตีจึงยืนตัวเกร็งไม่กล้าขยับ เพราะอีกฝ่ายยืนอยู่ใกล้จนสัมผัสได้ถึงเสียงลมหายใจอุ่น
ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าหล่อคมเข้มยืนนิ่งด้วยท่าทางน่าเกรงขาม เขาสวมกางเกงยีนกับเสื้อเชิ้ตแขนยาวลายสก๊อตสีขาวดำ และยังสวมหมวกทรงคาวบอยอีกด้วย
"เอ่อ...คุณเป็นใคร?" รมตีถามไม่เต็มเสียง เพราะหวาดกลัวสายตาของเขาที่จ้องมองเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
"พ่อเลี้ยงแสน" ชายหนุ่มตอบสั้นๆ ทว่าสายตาดุดันยังคงจ้องมองใบหน้าสวยโดดเด่นไม่วางตา เขาได้กลิ่นหอมจากร่างกายของรมตี สายตาเรียบเฉยสัมผัสได้ถึงผิวกายขาวผุดผ่อง บ่งบอกว่าเธอเป็นหญิงผู้ดีที่ไม่ใช่คนท้องถิ่นนี้อย่างแน่นอน
"คุณจับฉันมาทำไม แล้วกระเป๋ากับของสำคัญของฉันอยู่ที่ไหน ฉันขอคืนด้วย" รมตีพยายามพูดเสียงหนักแน่น และกำลังพยายามทำเหมือนไม่ได้กลัวคนตรงหน้า
"เธอเป็นคนซื้อที่ดินผืนนี้ใช่หรือเปล่า?" พ่อเลี้ยงแสนดึงโฉนดที่ดินออกมาจากซองสีน้ำตาลและยื่นมาตรงหน้ารมตี
"เอ่อ...ทำไม?"
"ฉันถาม! ว่าเธอคือคนที่ซื้อที่ดินผืนนี้ใช่หรือเปล่า?" พ่อเลี้ยงแสนตะคอกถามเสียงดังเสียจนหญิงสาวควบคุมความกลัวไม่ได้
"ปะ เปล่า ฉันไม่ได้เป็นคนซื้อ"
"แล้วใครซื้อ แล้วมันเป็นชื่อของเธอได้ยังไง?"
"มีคนซื้อให้ฉัน" รมตีตอบเสียงสั่น
"ใคร?" ชายหนุ่มถามอีก เพราะจำเป็นต้องรู้ให้ได้ ทว่าเธอกลับเอาแต่ส่ายหน้า
"ฉันถามว่าใครเป็นคนซื้อที่ดินผืนนี้ให้เธอ ตอบ!" พ่อเลี้ยงแสนโน้มใบหน้าลงมาใกล้ เขายิ่งได้โอกาสมีสูดดมกลิ่นกายหอมหวานอันน่าเสน่หาของรมตี
"คุณจะอยากรู้ไปทำไม ตกลงนี่มันเรื่องอะไรกันแน่ คุณบอกฉันได้หรือเปล่า?" หญิงสาวสงสัยว่าจะเป็นเรื่องไม่ดี จึงยังไม่ยอมบอกไปว่าที่ดินผืนนี้บิดาเป็นคนซื้อให้
"ฉันถามเธอดีๆ ตอบมาว่าใครเป็นคนซื้อที่ดินผืนนี้ให้เธอ?" พ่อเลี้ยงแสนเดินเข้าประชิดลำตัวของรมตีอีก เธอจึงขยับถอยหลังไปชนเข้ากับขอบเตียง ทำให้ร่างเล็กเสียหลักล้มลงบนฟูกนอน
"ถอยออกไปนะ"
"ตอบมา! ใครเป็นคนซื้อที่ดินผืนนี้ให้เธอ อย่าให้ฉันต้องโมโหมากกว่านี้"
"ฉะ ฉันไม่รู้"
"เป็นไปไม่ได้ เธอจะไม่รู้ได้ยังไงว่าใครที่เป็นคนซื้อที่ดินให้เธอ หรือว่าเธอ...เป็นคนแรกที่เธอซื้อที่ดินจากลุงพอนเจ้าของที่ดินคนเก่า?" แววตาของพ่อเลี้ยงแสนกำลังทวีความโกรธมากยิ่งขึ้น
"คุณพูดเรื่องอะไร ฉันไม่เข้าใจ ฉันไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น คุณถอยออกไปเดี๋ยวนี้นะ แล้วก็ปล่อยฉันไปได้แล้ว" รมตีทำหน้าเหมือนกำลังจะร้องไห้ ชายหนุ่มเห็นว่าเธอกำลังหวาดกลัว เขาจึงยอมก้าวถอยหลังออกไปหนึ่งก้าว และพยายามทำอารมณ์ให้เย็นลง
"ฉันแค่มีเรื่องสำคัญจะถามคนที่ซื้อที่ดินจากลุงพอน เธอก็แค่บอกมาว่าเขาเป็นใคร" รมตีจ้องมองแสนพลันส่ายหน้าไม่ยอมพูดอะไร
"ตอบมา"
"ฉะ ฉันไม่รู้...ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดเรื่องอะไร"
"โกหก!" พ่อเลี้ยงแสนตะคอกเสียงดังอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ทำให้รมตีสะดุ้งตกใจจนร่ำไห้ออกมา
"อึก ฮืออ..."
"บ้าชะมัด!" ชายหนุ่มสบถหัวเสีย
"ผู้หญิงมันเหมือนกันหมดทุกคนหรือยังไงวะ เจ้าน้ำตา น่าเบื่อฉิบหาย!" เขาพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ จากนั้นจึงเดินกระฟัดกระเฟียดออกไปและปิดประตูเสียงดัง ปล่อยให้รมตีนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่เช่นนั้นคนเดียว
"พ่อเลี้ยงครับ ถ้าเธอไม่ได้เป็นคนซื้อที่ดินคนแรกจริงๆ ผมว่าเธอก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้นะครับ" คมกฤษณ์พูดกับเจ้านาย เพราะเขาไม่เห็นด้วยกับการที่เขากระทำรุนแรงเช่นนี้
"แต่ผู้หญิงคนนี้รู้ว่าใครที่เป็นคนซื้อที่ดินไป กูต้องหาคำตอบจากผู้หญิงคนนี้ให้ได้ กูมั่นใจว่าพวกมันจะต้องรู้เห็นเกี่ยวกับการตายของพ่อกู"
"แต่นี่มันก็ผ่านมาเจ็ดเดือนแล้ว ที่ดินอาจจะถูกขายต่อมาหลายทอดแล้วก็ได้นะครับ"
"กูถึงต้องเริ่มสืบจากผู้หญิงคนนี้ไงว่าที่ดินถูกขายต่อมาจากใครบ้าง มึงเฝ้าไว้ให้ดีอย่าให้คลาดสายตา อย่าให้หนีออกไปได้เด็ดขาด"
พ่อเลี้ยงแสนออกคำสั่งเท่านั้นแล้วจึงเดินไปขึ้นรถและขับออกไป คมกฤษณ์ได้แต่ส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยใจ แต่ก็จำใจต้องเฝ้ารมตีอยู่ที่นี่ต่อไป
ไร่บัวริม
ร่างอรชรเปลือยเปล่าขยับกายเล็กน้อยหลังจากรู้สึกตัวตื่น ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว ทว่าทับทิมและพ่อเลี้ยงผันยังคงสวมกอดคลอเคลียกันอยู่บนเตียง
"พ่อเลี้ยง วันนี้พ่อเลี้ยงไม่ออกไปที่ไร่ไม่ได้เหรอ ทับทิมอยากอยู่กับพ่อเลี้ยงทั้งวันทั้งคืนเลย" หล่อนพูดเสียงอ้อน พลันซบใบหน้าลงบนแผงอกกำยำของเขาและพรมจูบขึ้นมายังซอกคอ
พ่อเลี้ยงผันขนลุกซู่ สัมผัสจากริมฝีปากของทับทิมปลุกอารมณ์หื่นกระหายให้เดือดพล่านขึ้นอีกครั้ง ขณะที่มือของเขากำลังนวดคลึงแก้มก้นอวบอัด
"อื้ม...เธอนี่เหมือนคนของขาดเลยนะทับทิม ผัวเก่าของเธอมันไม่ทำให้เลยหรือยังไง?" พ่อเลี้ยงผันพูดจาเสียดสีแล้วยังแค่นหัวเราะ ทำให้ทับทิมไม่พอใจกับความปากร้ายของเขา
"จะไปพูดถึงผัวเก่าทับทิมทำไมคะ เราสองคนเลิกกันไปเกือบสองปีแล้วนะ อีกอย่างรายนั้นก็หนุ่มซะเปล่า แต่เรื่องบนเตียงแค่เดือนละครั้งทับทิมยังแทบจะไม่ได้เลย สู้พ่อเลี้ยงผันของทับทิมก็ไม่ได้" หล่อนพูดเสียงออดอ้อนในประโยคท้าย
จากนั้นจึงขยับกายขึ้นมาคร่อมต้นขากำยำของพ่อเลี้ยงผันไว้ ขณะที่แก่นกายของหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบห้าปีกำลังแข็งชันพร้อมสู้ศึกอีกครั้ง
ทับทิมหยัดก้นงอนขึ้นเล็กน้อย มือเรียวกำลังชักรูดท่อนเอ็นใหญ่ของพ่อเลี้ยงผัน จากนั้นจึงประคองปลายหัวเห็ดสอดเข้าไปในร่องกลีบฉ่ำของตนเอง
"อ้าส์ พ่อเลี้ยง อื้ม..." หล่อนครวญครางเสียงเบา และโยกคลอนกายให้ลำเอ็นยาวเสียดสีโพรงเนื้ออุ่นและร่องกลีบบางของตน
"อื้อ...เสียวจัง พ่อเลี้ยงขา...อ้าส์" ทับทิมครวญคราง มือเรียวของหล่อนกำลังนวดคลึงเต้านมอวบอิ่มที่กระเพื่อมสั่นไปตามแรงขยับกายขึ้นลง
"โอวส์ ทับทิม อ่าส์" พ่อเลี้ยงผันเปล่งเสียงครางกระเส่า ขณะที่มือแข็งแรงของเขากำลังโอบประคองเอวเล็กไว้
"อ๊ะ! อ๊าส์! เสียวจังเลย อื้ม...พ่อเลี้ยงขา อ้าส์..." ทับทิมครวญครางแทบไม่เป็นภาษา เมื่อพ่อเลี้ยงผันกระแทกร่องกลีบฉ่ำจากด้านล่างในจังหวะที่รุนแรงขึ้น
จากนั้นเขาจึงหยัดกายลุกขึ้นนั่ง และโอบรั้งร่างอวบอัดให้เป็นฝ่ายนอนแผ่หลาลงบนเตียง สองกายยังคงประสานหลอมรวม
ทับทิมแอ่นเต้านมขึ้นหาริมฝีปากร้อนที่กำลังตะโบมดูดดุนยอดบัวตูมอวบอิ่มของตนเอง ขณะที่ลำเอ็นอุ่นยังคงร่วมรักสอดเข้าออกในจังหวะถี่
"อ้าส์ พ่อเลี้ยง ไม่ไหวแล้ว อื้อ! อ้าส์"
"อื้ม ชอบไม่ใช่เหรอ อ้าส์!" พ่อเลี้ยงผันถอนริมฝีปากออกจากยอดรัก และขยับใบหน้าขึ้นมากระซิบแนบใบหูเล็ก
"ชอบ อ้าส์ พ่อเลี้ยงเก่งที่สุด อ๊าส์ ทับทิมรักพ่อเลี้ยงที่สุด อ้าส์ ไม่ไหวแล้ว จะเสร็จแล้ว" ทั้งสองครวญครางประสานเสียงดังจนได้ยินออกไปนอกห้องนอน
ขณะที่จังหวะรักกำลังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบจะถึงสวรรค์ พ่อเลี้ยงผันกลับยังไม่ยอมแผ่วเบาจังหวะร่วมรัก เพราะเขากำลังอิ่มเอมกับเรือนร่างขาวอวบแสนยั่วยวนที่ตนได้ครอบครองแล้วในตอนนี้...