บทที่ 6 กลายร่างเป็นมนุษย์
ในมิติวิญญาณของดอกบัวนิรันดร์ ทุกอย่างเงียบสงบจนแทบได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง เหยียนหลีนอนเอนกายอยู่บนกลีบดอกบัวที่รองรับร่างวิญญาณของนาง แววตาคู่สวยเหม่อลอยมองฟ้าสีครามในมิติที่ไม่มีจุดสิ้นสุด
"เฮ้อ...น่าเบื่อเหลือเกิน"
นางพึมพำกับตัวเอง ขยับร่างไปมาด้วยความเบื่อหน่าย
"เมื่อก่อนข้ายังมีเฟิงหลงเหยียนอยู่ด้วย แม้เขาจะพูดน้อย แต่ก็พอให้ข้ามีเพื่อนคุยบ้าง แต่ตอนนี้..."
นางถอนหายใจยาวพลางพลิกตัวไปอีกด้าน แต่ไม่ว่าจะนอนตะแคงหรือนอนหงายก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง โลกในมิติวิญญาณนี้ช่างเงียบเหงาเกินไป
"จะกลายร่างเป็นมนุษย์ได้อย่างไรนะ?"
นางพึมพำพร้อมกับขมวดคิ้ว
"เฟิงหลงเหยียนมอบพลังตบะมาให้ถึงพันปี ข้าก็ไม่รู้จะใช้มันอย่างไร เขาไม่บอกวิธีเลยสักนิด หรือเขาคิดว่าข้าจะเข้าใจเอง?"
เหยียนหลีค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งบนกลีบดอกบัว ดวงตาของนางกวาดมองไปรอบ ๆ มิติวิญญาณนี้ เต็มไปด้วยแสงสีทองอ่อน ๆ และหมอกบาง ๆ ที่โอบล้อมรอบกลีบดอกบัวดอกใหญ่
ระหว่างที่นางกำลังครุ่นคิด สายตาของนางก็เหลือบไปเห็นไหสุราใบหนึ่งวางอยู่ที่มุมหนึ่งของมิติ
"สุราดอกท้อ..."
นางพึมพำ ดวงตาเป็นประกายเล็กน้อย นี่คือสุราที่เฟิงหลงเหยียนเคยดื่มและเก็บไว้ในมิตินี้ก่อนจากไป
"ของดี!"
นางเอ่ยพร้อมยิ้มบาง ๆ
"ข้าเคยได้ยินว่า สุราดอกท้อของเทพเซียนนั้นไม่ใช่สุราธรรมดา มันช่วยบำรุงพลังวิญญาณได้ดี หรือบางที...อาจช่วยให้ข้าเร่งการกลายร่างเป็นมนุษย์ได้!"
แต่ปัญหาคือ นางยังไม่สามารถขยับตัวได้เต็มที่ ร่างวิญญาณของนางเป็นหนึ่งเดียวกับดอกบัวนิรันดร์ ทำให้เคลื่อนไหวได้อย่างจำกัด
"จะทำอย่างไรดีนะ?"
เหยียนหลีนั่งครุ่นคิดพลางจ้องไปที่ไหสุรา
“จิตวิญญาณเป็นหนึ่งเดียวกับดอกบัว...”
นางพึมพำคำพูดที่เคยได้ยินจากเฟิงหลงเหยียน ดวงตาสวยคู่นั้นค่อย ๆ สว่างวาบขึ้นเหมือนเพิ่งนึกอะไรบางอย่างออก
"หากข้าควบคุมดอกบัวได้ ข้าก็อาจเคลื่อนที่ไปยังไหสุราได้!"
นางหลับตาลง ตั้งสมาธิปล่อยจิตให้สงบนิ่ง ดวงวิญญาณของนางค่อย ๆ แผ่กระจายเข้าสู่กลีบดอกบัวนิรันดร์รอบกาย ความอบอุ่นและพลังชีวิตในดอกบัวเริ่มหลอมรวมกับจิตวิญญาณของนาง
"จิตและดอกบัว...ต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน"
นางเอ่ยกับตัวเองเบา ๆ
ไม่นานนัก กลีบดอกบัวที่เคยนิ่งสงบก็เริ่มขยับเล็กน้อย ราวกับตอบสนองต่อความตั้งใจของเหยียนหลี
"สำเร็จแล้ว!"
นางลืมตาโพลงด้วยความดีใจ
แม้จะยังไม่คล่องแคล่ว แต่ดอกบัวดอกใหญ่ก็เริ่มลอยไปช้า ๆ ตามที่นางต้องการ มันเคลื่อนตัวไปใกล้ไหสุราดอกท้อทีละน้อยจนในที่สุดก็หยุดตรงหน้าไหสุรานั้น
เหยียนหลียิ้มอย่างภาคภูมิใจ
"ได้แล้ว!"
แต่ปัญหาใหม่ก็เกิดขึ้นอีก
"แล้วข้าจะดื่มสุราอย่างไร?"
นางจ้องไปที่ไหสุรา กลีบดอกบัวขยับเล็กน้อยราวกับมีชีวิต
เหยียนหลีลองควบคุมให้กลีบด้านล่างของดอกบัวแตะกับไหสุรา
ทันใดนั้น พลังวิญญาณของดอกบัวก็เริ่มดูดซับสุราดอกท้ออย่างช้า ๆ สุราสีใสบริสุทธิ์ถูกกลีบดอกบัวซึมซับเข้าไปจนหมดในเวลาไม่นาน
"หวา! ดื่มได้จริง ๆ ด้วย!"
นางร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น
แต่ไม่นานนัก ร่างของเหยียนหลีก็เริ่มรู้สึกมึนเบา ๆ
"ทำไม...ร้อนจัง?"
นางยกมือขึ้นแตะใบหน้าของตัวเอง แต่ก็สัมผัสได้ถึงความร้อนที่แผ่ออกมาจากภายใน
สุราดอกท้อที่นางดูดซับเข้าไปเริ่มแผ่พลังออกมาอย่างรุนแรง มันหลอมรวมกับพลังตบะที่เฟิงหลงเหยียนมอบให้นาง
"หรือว่านี่คือผลข้างเคียง?"
นางพึมพำ แต่ไม่นานร่างของนางก็ทรุดลงบนกลีบดอกบัว
"มึน...ง่วงจัง"
ดวงตาคู่งามของเหยียนหลีค่อย ๆ ปิดลงพร้อมกับเสียงลมหายใจที่แผ่วเบา ร่างวิญญาณของนางเข้าสู่ห้วงนิทราในมิติที่เต็มไปด้วยกลิ่นสุราดอกท้อที่หอมอบอวล
สองชั่วยามผ่านไป
ในมิติวิญญาณอันเงียบสงบ ดอกบัวนิรันดร์ที่เคยเปล่งแสงสีทองอ่อน ๆ ค่อย ๆ ดับลง เหยียนหลีที่นอนหลับอยู่บนกลีบดอกบัว
นิรันดร์ขยับตัวเล็กน้อย นัยน์ตาคู่สวยปรือขึ้นช้า ๆ ความมึนงงปกคลุมจิตใจของนางในชั่วขณะ
"ข้าเป็นอะไรไปงั้นหรือ?"
นางพึมพำ พลางยกมือขึ้นลูบหน้าผาก
ทันใดนั้น ความรู้สึกบางอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนก็เกิดขึ้น เมื่อมือนางสัมผัสเข้ากับใบหน้า มันไม่ใช่เพียงสัมผัสจากจิตวิญญาณ แต่เป็นผิวเนื้อจริง ๆ
"นี่มัน..."
นางเบิกตากว้าง มองมือตัวเองอย่างตกตะลึง
"นี่คือมือของข้า!"
มือนั้นขาวผ่อง เรียวงามราวกับหยก นางเพ่งมองอยู่นานราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง ก่อนจะยื่นเท้าออกมาดูอีกครั้ง
"เท้าด้วย! ข้ามีเท้าด้วย!"
นางตบที่แก้มตัวเองเบา ๆ เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป เสียงดัง แปะ เบา ๆ บนผิวหน้าทำให้นางรู้สึกเหมือนถูกปลุกจากฝันอันยาวนาน
"ข้าไม่ได้ฝันไป! ข้ากลายร่างเป็นมนุษย์ได้แล้ว!"
เสียงของนางดังไปทั่วมิติวิญญาณ ดวงตาคู่งามเต็มไปด้วยความตื่นเต้น นางลุกขึ้นยืน ร่างกายที่เคยเป็นเพียงดวงวิญญาณตอนนี้กลับแข็งแรงและมีน้ำหนัก นางหมุนตัวอย่างตื่นเต้น พลางกระโดดโลดเต้นบนกลีบดอกบัว
"ฮ่าฮ่า! ข้าทำได้! ข้าทำได้แล้ว!"
นางพูดด้วยความดีใจ
"เฟิงหลงเหยียน ข้าทำได้จริง ๆ! ต่อไปนี้ข้าจะได้สัมผัสโลกในแบบที่มนุษย์คนอื่นสัมผัสแล้ว!"
ทันใดนั้น นางก็หยุดนิ่งไปเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ นัยน์ตาของนางหรี่ลงเล็กน้อย
"ถ้าเช่นนั้น..."
นางพูดช้า ๆ
"ข้าก็จะได้อาบน้ำเหมือนมนุษย์คนอื่น ๆ สินะ ข้าอยากรู้นักว่าแช่น้ำจะรู้สึกดีเพียงใด!"
นางยิ้มกว้างอย่างมีความสุข ก่อนจะหันไปหยิบกำไลหยกที่เฟิงหลงเหยียนมอบให้ไว้
"เจ้าเป็นสิ่งสำคัญที่เขาให้ข้า ข้าจะใส่เจ้าติดตัวไว้"
นางพูดพร้อมกับสวมกำไลหยกลงบนข้อมือที่เรียวงาม
เมื่อทุกอย่างพร้อม นางก็ก้าวออกจากมิติวิญญาณของดอกบัว พร้อมกับเดินไปริมแม่น้ำบริเวณอันใกล้
ณ ริมธาร
เหยียนหลีกวาดตามองรอบ ๆ ด้วยความตื่นเต้น ลมเย็น ๆ พัดผ่านผิวเนื้อของนางทำให้รู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาของนางหันไปยังเสียงน้ำที่ไหลเอื่อยจากลำธารใกล้ ๆ
"นั่นไง แม่น้ำ!"
นางพูดขึ้นเสียงใส ก่อนจะเดินตรงไปยังลำธาร
ระหว่างทาง นางหยุดยืนใต้ต้นไม้ใหญ่ สัมผัสกับใบไม้และดอกไม้ที่อยู่ใกล้ ๆ ทุกอย่างดูเหมือนจะมีชีวิตชีวาในสายตาของนาง
"นี่สินะ สิ่งที่มนุษย์เรียกว่าความงดงามของธรรมชาติ"
นางพูดเบา ๆ ก่อนจะสูดลมหายใจลึก
หลังจากชื่นชมธรรมชาติอยู่ครู่หนึ่ง นางก็เดินไปถึงลำธาร เสียงน้ำไหลเบา ๆ ฟังดูราวกับบทเพลงที่ขับกล่อม นางก้มลงมองเงาของตัวเองที่สะท้อนอยู่ในน้ำ
"นี่คือข้าเองหรือ?"
นางพึมพำ ขยับใบหน้าและมือดูเพื่อยืนยัน นางตกตะลึงกับความงามของตัวเอง ใบหน้าขาวนวลไร้ที่ติ ผิวพรรณเนียนละเอียดราวกับหยก
"ไม่น่าเชื่อเลยว่าข้าจะกลายเป็นเช่นนี้ได้"
นางหัวเราะเบา ๆ
"ท่านเฟิง ขอบคุณท่านจริง ๆ"
หลังจากชื่นชมตัวเองในน้ำอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ปลดชุดที่ใส่ออกเพื่อเตรียมลงแช่ในลำธาร
"นี่คือครั้งแรกที่ข้าจะได้สัมผัสน้ำจริง ๆ!"
นางพูดกับตัวเองอย่างตื่นเต้น
เหยียนหลีเพิ่งก้าวลงไปแช่ตัวในลำธาร น้ำเย็นสดชื่นพัดผ่านร่างกาย นางรู้สึกสบายจนเผลอหลับตาพริ้ม ลำธารเงียบสงบ มีเพียงเสียงนกร้องและเสียงน้ำไหลเอื่อย ๆ เป็นเพื่อน
แต่ทันใดนั้น
ตุ้บ!
เสียงดังขึ้นมาจากที่ไม่ไกล คล้ายเสียงอะไรบางอย่างตกจากที่สูง นางสะดุ้งเฮือก ลืมตาขึ้นทันที
"ใครน่ะ!"