นี่น่ะเหรอพ่อของเรา (1)

1184 คำ
8 นี่น่ะเหรอพ่อของเรา “เราจะเจอพ่อเราได้ยังไงอะพี่เตอร์” ฮันนี่ยืนเกาหัวแกรกๆ อยู่หน้าบริษัทนาถสุวรรณกรูป แหงนมองตึกสูงชะลูดก็ได้แต่กลืนน้ำลายเอื๊อก ฮันนี่ไม่อยากเชื่อเลยว่าบิดาผู้ให้กำเนิดจะเป็นถึงรองประธานบริหารที่ทำงานในตึกใหญ่แห่งนี้ “ก็นั่นน่ะสิ ขืนเราเล่นเดินเข้าไปข้างในแบบนั้นมีหวังโดนรปภ.จับโยนออกมาแน่” เพราะเขาและน้องสาวเป็นเพียงเด็กสิบขวบที่ดูไม่น่ามีธุระใดในตึกนี้ “เราเล่นมาแบบไม่มีแผนการอะไรด้วย เพราะฮันนี่น่ะแหละที่ใจร้อน นึกอยากมาก็มา” “อ้าว! ก็เราคุยกันมาสามวันแล้วนี่นา ผ่านมาตั้งหลายวันแล้วนับตั้งแต่รู้ว่าพ่อเราเป็นใคร เรียกว่าใจร้อนตรงไหนอะ” “กลับกันไหม” “ไม่กลับ!” น้องสาวส่ายหน้าระรัวพลางกระชับกระเป๋าเป้ที่สะพายไว้ด้านหลัง เธอและพี่ชายเพิ่งเลิกเรียนและชักชวนกันขึ้นแท็กซี่มาที่บริษัทนาถสุวรรณกรูป โดยโกหกคุณตาว่าวันนี้มีกิจกรรมกับทางโรงเรียนเลยเลิกช้ากว่าปกติ ซึ่งมานพเป็นคนคอยรับส่งเด็กแฝดในทุกวัน หากวันใดที่พิณลดาหยุดก็จะทำหน้าที่นี้เอง “แล้วจะเอายังไงล่ะ เขาดูไม่ธรรมดาเลยนะ ถ้าเขาเป็นพ่อเราจริงก็ไม่น่าจะเข้าถึงได้ง่าย เอ๊ะ? หรือว่าคนชื่อจรณ์ นาถสุวรรณมีหลายคนในประเทศไทย” “ไม่น่าใช่หรอกมั้งคะ หลายวันมานี้ฮันนี่นั่งดูรูปพ่อบ่อยครั้งและรู้สึกว่าเราทั้งสองมีใบหน้าที่คล้ายเขาอยู่มาก” “อย่าเรียกเขาว่าพ่อสิ ยังไม่ใช่สักหน่อย” “ก็ถ้าใช่ล่ะ” “แต่เขาทิ้งเรานะ ไม่เห็นอยากได้มาเป็นพ่อเลย” ฮันนี่เพียงส่ายหน้าไม่โต้เถียง พี่ชายเธอก็เป็นแบบนี้แหละ “พี่ว่าเสียเวลาเปล่า เรากลับกันดีกว่า จากตรงนี้กว่าจะถึงโรงเรียนก็อีกนานเลย ไหนจะรถติดอีก เดี๋ยวตาจะสงสัยเอานะ อีกอย่างพี่ว่าเขาไม่น่าใช่พ่อของเราหรอก” “เพราะว่า?” “เขารวยมาก ดูเป็นคนในอีกระดับที่ต่างจากเรามาก” จากการค้นหาข้อมูลของฮันเตอร์ พบว่านาถสุวรรณคือตระกูลเก่าแก่ที่มั่งคั่งทั้งทรัพย์สินและอำนาจบารมี เจ้าสัวล้อมเดชคือบิดาของจักรินและจรณ์ เป็นบุคคลผู้ทรงอิทธิพลในวงการธุรกิจของไทย กิจการภายใต้การบริหารมีมากมายหลายแขนง ทั้งอสังหาริมทรัพย์ โครงการบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม ที่ดินทำเลทองหลายผืนในประเทศ ห้างสรรพสินค้าชื่อดังที่กระจายตัวอยู่ในหลายจังหวัด นอกจากนี้ยังนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและยา เป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางชื่อดัง นับว่าธุรกิจของตระกูลนี้แผ่ขยายครอบคลุมทั่วทิศทาง ยิ่งฮันเตอร์อ่านประวัติของเขาก็ยิ่งไม่อยากเชื่อว่าชายคนนี้คือพ่อผู้ให้กำเนิด พร้อมกันนั้นก็เกิดคำถามที่ตามมาด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ว่าคนที่เพียบพร้อมและมากล้นด้วยเงินทอง เหตุใดถึงทอดทิ้งตนกับน้อง อย่างน้อยก็ควรรับผิดชอบค่าเลี้ยงดูให้สมน้ำสมเนื้อ แต่นี่ทั้งแม่และตายังทำงานหาเงินเช้าจรดค่ำ “ถึงเราแตกต่างกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นพ่อลูกกันไม่ได้นะพี่เตอร์” “สมมติว่าใช่พ่อของเราจริง แต่พี่ก็ไม่อยากได้เขามาเป็นพ่อ ฮันนี่ก็เห็นจากในเน็ตไม่ใช่เหรอว่าเขามีฉายาว่าคุณชายมาเฟีย มาเฟียในเมืองไทยน่ะไม่มีแบบฮ่องกงหรืออิตาลีก็จริง แต่จะเป็นพวกคนมีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรม ทำธุรกิจเทาๆ ไม่โปร่งใสอะไรแบบนี้ ซึ่งเท่ากับเป็นคนไม่ดีไง น้องคิดว่าสมควรแล้วเหรอที่จะเปิดเผยตัวกับคนแบบนี้” “นั่นมันเป็นข้อมูลด้านเดียวที่มีแต่คนพูดถึงเขา ไม่เห็นเขาออกมาโต้ตอบเลย” “ที่ไม่โต้ตอบก็แปลว่าจริงไง คุณชายมาเฟีย เหอะ! เอาอะไรมาคู่ควรกับแม่หมอของเรา” “พี่เตอร์ก็คิดเยอะคิดไปไกลเลย ก่อนอื่นเราต้องหาคำตอบว่าเขาใช่พ่อของเราจริงหรือเปล่า อุตส่าห์ดั้นด้นมาถึงที่นี่แล้ว เราเก็บความตื้นเต้นและสงสัยมาตลอดสามวันเต็มๆ เลยนะ ถ้าเราไม่หาคำตอบเอาเองแล้วพี่เตอร์จะกล้าถามจากแม่หรือตาเหรอ ยังไงฮันนี่ก็ปล่อยผ่านไม่ได้แล้วอะ มันมาถึงขั้นนี้แล้ว” ในขณะที่พี่ชายกำลังจะอ้าปากเถียง สายตาของเขาก็สบเข้ากับคนที่รอคอย บุรุษร่างสูงสวมสูทสามชิ้นสีเทาลายทางกำลังเดินออกมาจากประตูหมุนสามร้อยหกสิบองศา เขาหยุดคุยกับลูกน้องเพียงไม่กี่คำแล้วทำท่าจะอ้อมไปขึ้นรถหรูที่มาจอดเทียบท่า ฮันเตอร์กลัวคลาดกับเขาจึงวิ่งฉิวตรงไปหา พร้อมกับดึงบานประตูรถฝั่งคนขับที่กำลังจะปิดลง “หนูเป็นใครเนี่ย” ชายในชุดสูทสีดำรีบปรี่มากันเด็กชายออกห่างจากเจ้านายที่กำลังจะเร้นร่างเข้าไปในรถ ฮันนี่ตามมาสมทบพร้อมกับดึงแขนชายฉกรรจ์ที่จับตัวพี่ชายของเธอ “ปล่อยนะคะ อย่าทำอะไรพี่หนู” “พวกหนูเป็นใคร ต้องการอะไรเหรอ” จรณ์เอ่ยถามและวางสายตาบนหน้าเด็กชายที่ขมวดคิ้วจ้องเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย จะว่ามาขอเงินก็ไม่น่าใช่เพราะเด็กทั้งสองสวมชุดนักเรียนที่เรียบร้อยไร้รอยยับย่น หน้าตาสะอาดสะอ้าน ผิวพรรณขาวเหลืองด้วยกันทั้งคู่ เด็กหญิงรวบผมเป็นหางม้า ส่วนเด็กชายตัดรองทรงสูงแบบเปิดข้าง รองเท้านักเรียนก็เงาวับเหมือนได้รับการขัดถูในทุกวัน จากที่เห็นเพียงเท่านี้จรณ์ก็ลงความเห็นได้แล้วว่าไม่ใช่พวกขอทานอย่างแน่นอน “หนูกับพี่มารอเจอคุณค่ะ” “ฉันเหรอ?” จรณ์ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง นึกไม่ออกเลยว่าเคยรู้จักเด็กสองคนตั้งแต่เมื่อไร บอดีการ์ดไม่อยากให้เจ้านายถูกรบกวนจึงพยายามดึงตัวพวกเขาออกไป แต่ทั้งสองขัดขืน จรณ์จึงส่ายหน้าแล้วโบกมือให้ลูกน้องล่าถอยออกไป เด็กเพียงสองคนทำไมเขาจะจัดการเองไม่ได้ “เอาล่ะ ไหนบอกมาซิว่าพวกหนูต้องการอะไร เราเคยเจอกันมาก่อนเหรอ แต่ลุงนึกไม่ออกเลยแฮะว่าเราเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ไปรู้จักกันตอนไหน” “จะรู้จักได้ยังไงก็ทิ้งเราไปตั้งแต่ตอนเราเกิด” ฮันเตอร์โต้อย่างมีอารมณ์และอดเบะปากใส่ไม่ได้ หน้าตาท่าทางก็ดูสมาร์ตน่าเกรงขามอยู่หรอก แต่ฮันเตอร์จะไม่ชื่นชม เขาตั้งป้อมกำแพงไว้แล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม