บทที่ 3 จุดเปลี่ยนของชีวิตทั้งสามชีวิต
ผ่านไปไม่นาน รมิดาได้หยุดเถียงกับปรเมศและพาน้องอชิไปเข้านอน
ชายหนุ่มได้เดินมานั่งที่โซฟา ความเงียบที่หนักหน่วงเริ่มเข้าครอบงำทุกมุมห้อง เสียงหายใจของเขาเป็นจังหวะที่ชัดเจนขึ้นในบรรยากาศที่ว่างเปล่า แม้จะพยายามเก็บความคิด แต่บางครั้งคำพูดของรมิดากลับก้องอยู่ในหัวเขา
“ถ้าคุณคิดว่าคุณจะอยู่ที่นี่แล้วทุกอย่างจะง่ายขึ้น คุณคิดผิด”
“ชีวิตของฉันและน้องอชิไม่ได้เหมาะกับใครบางคนที่มองมันเป็นแค่หน้าที่”
ก่อนจะเดินไปที่หน้าต่าง แล้วมองออกไปนอกบ้าน สายลมในยามค่ำคืนพัดผ่านหน้าต่างเข้ามา ทำให้เขารู้สึกถึงความหนาวเย็นและความเปล่าเปลี่ยว เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเรื่องราวของธีรดาจะเกี่ยวข้องกับเขาในทางที่เขาไม่เคยตั้งใจ
ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าของรมิดาดังขึ้นจากห้องนอน เธอเดินออกมาพร้อมกับความเงียบสงบที่ทำให้ทั้งสองคนรู้สึกเหมือนกำลังยืนอยู่คนละฝั่งของแม่น้ำที่กว้างใหญ่
“จะไปไหนเหรอ?” รมิดาถามเสียงเรียบ เมื่อเห็นเขากำลังจะออกไป
เมศหันกลับไปมองเธอ “ผมจะกลับไปคืนนี้” เขาตอบ ด้วยน้ำเสียงที่แฝงความหนักใจ “แต่เรายังมีเรื่องต้องคุยกันอีก”
รมิดาเงียบไป ไม่รู้จะตอบอย่างไร คำพูดของเขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองถูกดึงไปในทิศทางที่ไม่สามารถควบคุมได้
“เรื่องอะไร?” เธอถามเสียงเบา แม้ว่าจะพยายามทำให้มันฟังดูไม่ใส่ใจ แต่จริงๆ แล้วความสงสัยกำลังโหมกระหน่ำอยู่ในใจ
เมศเดินไปที่ประตู เขาหยุดแล้วหันกลับมา ท่าทางของเขานิ่งสงบ แม้ในใจของเขาจะเต็มไปด้วยคำถามมากมาย
“เรื่องทั้งหมด” เขาตอบแค่สั้น ๆ “เรื่องที่คุณยังไม่ได้บอกผม เรื่องที่ผมต้องรู้เกี่ยวกับน้องอชิและ…เรื่องของคุณ”
รมิดาเหลือบมองเขาอย่างลังเล ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย เธอรู้ดีว่าเขาจะกลับมาพร้อมคำตอบบางอย่างที่เธออาจไม่อยากฟัง
“ก็ได้…” เธอพูดเสียงต่ำ “แต่ถ้าคุณจะกลับมาคุย คุณต้องมั่นใจว่าคุณจะไม่ทำให้เรื่องทุกอย่างยิ่งซับซ้อนขึ้นไปอีก”
เมศยิ้มเล็กน้อย เขาเปิดประตูและหมุนตัวออกไปพร้อมกับคำพูดสุดท้ายที่ทำให้รมิดารู้สึกถึงความหนักแน่นในคำมั่นสัญญา
“ผมจะกลับมาอีกครั้ง…พร้อมคำตอบเพิ่มเติมที่คุณต้องการ” เขาพูด ก่อนจะปิดประตูเบา ๆ ตามหลัง
รมิดามองตามเขาจนประตูปิด เสียงประตูดังเป็นสัญญาณของการจากไป แต่ในใจของเธอกลับเต็มไปด้วยความสับสน เธอไม่รู้ว่าการปรากฏตัวของเมศจะนำพาอะไรเข้ามาในชีวิตของเธอและหลานชาย แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่เธอไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ในห้องเล็ก ๆ
เสียงหายใจเบาของน้องอชิยังคงดังอย่างสม่ำเสมอจากเตียงเด็กเล็กที่อยู่มุมห้อง รมิดาเงียบไปยืนมองหลานชายที่นอนหลับสบาย เสียงหัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้นเหมือนสะท้อนความรู้สึกที่เธอไม่สามารถบอกออกมาเป็นคำพูด
เธอมองไปที่ใบหน้าน้อย ๆ ของน้องอชิที่ตอนนี้กำลังหลับสนิท แต่ภายในใจของเธอ รมิดารู้ดีว่าอนาคตของเด็กคนนี้กำลังอยู่ในมือของเธอ
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ป้าดาจะปกป้องหนูให้ดีที่สุด” เธอพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ความมั่นคงในใจเริ่มกลับมาอีกครั้ง แม้ว่าจะยังมีคำถามมากมายที่ต้องการคำตอบ
ก่อนจะเอื้อมมือเล็กไปปิดไฟห้องเด็กอย่างเบามือ แล้วเดินกลับห้องนอนของตัวเองด้วยความรู้สึกหนักอึ้งในใจ ความคิดเกี่ยวกับเมศและการตัดสินใจที่เขาจะทำยังวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ
เช้าวันรุ่งขึ้น
แสงแดดเช้าลอดผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาในห้องนั่งเล่น ทำให้รมิดาค่อย ๆ ลืมตาตื่น เธอลุกจากเตียงและเดินออกไปที่หน้าบ้าน หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว มือบางเคลื่อนไปเปิดประตูบ้าน นัยน์๖าสีน้ำผึ้งก็หยุดมองไปที่ถนนหน้าบ้านที่มีรถคันหรูไม่คุ้นตาจอดอยู่ตรงนั้น ใบหน้าสวยก็แสดงอาการสงสัยทันที
“คงไม่ใช่รถของใครในหมู่บ้านหรอกนะ…” รมิดาพึมพำกับตัวเอง ก่อนที่สายตาของเธอจะไปสะดุดที่ชายหนุ่มคนหนึ่งลงจากรถคันหรูนั้น
ทันทีที่เธอเห็นเมศในชุดเสื้อช็อปคณะวิศวะ กำลังเดินออกมาจากรถ ท่าทางเขาเหมือนจะไม่ได้มีความเร่งรีบอะไร ใบหน้าของรมิดาก็เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งขึ้นทันที
“ทำไมถึงมาที่นี่อีกแล้วคะ?” รมิดาถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ
เมศยิ้มเล็กน้อย แต่สายตาของเขาก็จริงจังอยู่ดี “ผมมาทำหน้าที่ของผู้ปกครองของน้องอชิครับ” เขาตอบแบบไม่ลังเล ก่อนจะเดินไปยืนที่ข้างรถ
รมิดาเลิกคิ้ว แสดงอาการไม่พอใจชัดเจน “ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันกับน้องอชิเดินทางไปมหาวิทยาลัยเองได้ ไม่ต้องมาห่วงหรอก”
เมศขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกไปอย่างตรงไปตรงมา “ไปรถเมล์น่ะเหรอครับ? คุณจะพาน้องอชิไปบนรถเมล์?”
คำถามของเมศทำให้รมิดาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองเขาอีกครั้งและตอบกลับ “มันก็ไม่ปลอดภัยสำหรับเด็กหรอกค่ะ แต่… ฉันก็ระวังทุกฝีก้าว”
เมศยืนพิงรถมองเธอด้วยความจริงจัง “ผมเข้าใจครับ แต่มันไม่ใช่แค่เรื่องของการระวังทุกฝีก้าวหรอกนะครับบางครั้งมันก็เกี่ยวกับการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของคนที่เรารัก”
คำพูดของเมศทำให้รมิดารู้สึกถึงความจริงจังในตัวเขา เธอไม่ชอบที่จะยอมรับว่ามีคนมาจับจ้องชีวิตเธอ แต่ในใจลึก ๆ รู้ว่าคำพูดของเขาก็มีเหตุผล
“ฉันไม่ต้องการให้ใครเข้ามามีส่วนในชีวิตของฉัน” รมิดาพูดออกมาอย่างไม่ค่อยพอใจ แต่ในแววตาของเธอก็มีความอ่อนแอที่ซ่อนไว้
เมศยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะยกมือขึ้นทำท่าทางเหมือนจะอธิบาย “ไม่ใช่ว่าผมจะเข้ามายุ่งกับชีวิตของคุณหรอกนะครับ ผมแค่ห่วงเรื่องความปลอดภัยของน้องอชิเท่านั้นเองครับ”
รมิดาพยายามจะตัดสินใจในใจ แต่สุดท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจ “ก็ได้ค่ะ ก็แค่วันนี้แหละ"
เมื่อรมิดาตัดสินใจยอมขึ้นรถไปกับเมศแล้ว ทั้งคู่ก็เริ่มเดินไปที่รถเมศด้วยกัน เมศเปิดประตูให้รมิดานั่ง ก่อนที่จะขึ้นไปขับรถเอง
ขณะที่รมิดานั่งลงและมองไปที่เบาะหลัง เธอก็เห็นกระเป๋าของเมศที่วางไว้ด้านหลังเบาะ ทั้งๆ ที่ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่กระเป๋าสำหรับการเดินทางไปมหาวิทยาลัย
“คุณจะย้ายบ้านเหรอคะ?” รมิดาถามโดยไม่ทันคิดมาก เธอเหลือบไปเห็นข้าวของในกระเป๋าของเขาที่ดูเหมือนจะเตรียมไว้มากมาย
เมศขับรถไปช้า ๆ และตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “ครับ ผมจะย้ายไปอยู่กับน้องอชิครับ” เขาพูดอย่างจริงจัง แต่ก็ยังมีรอยยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก
รมิดาหันไปมองเมศด้วยความตกใจและสงสัย “อะไรนะคะ? คุณจะไปอยู่กับน้องอชิ?”
เมศพยักหน้าอย่างมั่นใจ “ครับ ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ผมจะรับผิดชอบมากขึ้น น้องอชิเป็นลูกของพี่ชายผม ผมไม่สามารถปล่อยให้เขาอยู่เพียงลำพังได้”
รมิดามองเขาด้วยความรู้สึกที่ปะปนกัน ทั้งความตกใจและความไม่แน่ใจ “แต่คุณจะไปอยู่ที่ไหน? ที่นี่เหรอคะ?”
เมศยิ้มบาง ๆ “ใช่ครับ ผมคิดว่าจะย้ายมาอยู่ใกล้ๆ น้องอชิ”
รมิดาเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเบา “คุณจะอยู่ที่นี่จริงเหรอคะ?”
เมศมองเธอด้วยความมั่นใจ “ครับ ผมจะอยู่ที่นี่และช่วยคุณดูแลน้องอชิอย่างดีที่สุด”
รมิดายังคงรู้สึกตกใจและไม่แน่ใจ เธอคิดในใจว่าทุกอย่างกำลังเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เธอไม่เคยคิดมาก่อน
“คุณรู้ใช่ไหมว่าผมไม่ได้ต้องการให้คุณมายุ่งกับชีวิตของฉันนะคะ?” รมิดาถามขึ้นมาอย่างกลัวการสูญเสียความเป็นตัวเอง
เมศตอบกลับอย่างจริงจัง “ผมไม่ได้มายุ่งครับ ผมแค่จะช่วยดูแลน้องอชิ…”
เสียงตอบของเมศทำให้รมิดาเงียบไป สัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นที่เขามี แม้ว่าเธอจะไม่อยากให้ใครมายุ่งกับชีวิตของเธอ แต่บางครั้งก็ไม่สามารถปฏิเสธความช่วยเหลือที่มาจากใจจริงได้
สุดท้าย รมิดาก็ได้แต่พูดในใจ “ถ้าฉันยอมรับสิ่งนี้ มันจะทำให้ชีวิตของเราทุกคนดีขึ้นจริงเหรอ?”