“ปิ่นอยากเรียนค่ะ แต่คงไม่สะดวก ติดอะไรหลาย ๆ อย่างค่ะ ปิ่นไม่มีเงินที่จะจ่ายค่าเทอมด้วยค่ะ” เธอบอกอย่างใจจริง
“เรื่องเงินไม่มีปัญหา แต่มีข้อแลกเปลี่ยน”
ปิ่นฉัตรมองหน้าคุณย่านวลปรางอย่างสงสัย
เธออยากรู้ข้อแลกเปลี่ยน มันคืออะไรกันแน่
“เอาไว้ย่าจะบอกทีหลังนะหนูปิ่น ช่วงนี้เขาใกล้ปิดรับแล้ว เตรียมตัวให้พร้อม เดี๋ยวย่าให้ตาภู พาไปสมัครเรียนนะหนูปิ่น” ตอนนี้ต้องให้หญิงสาวหาที่เรียนก่อน อย่างน้อยก็เพื่ออนาคตที่ดี
มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังใจกลางกรุงเทพฯ ความตื่นตาตื่นใจที่ได้มาเห็นมหาวิทยาลัย ปิ่นฉัตรตื่นเต้นจนเหงื่อเปียกอุ้งมือ ไม่คิดไม่ฝันจะได้มาเหยียบที่นี่
ภูมินทร์เป็นศิษย์เก่าที่นี่ จึงรู้ทุกที่ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เขาถือวิสาสะจับมือหญิงสาว ด้วยความตกใจเธอพยายามจะชักมือกลับ แต่กลับถูกชายหนุ่มบีบแน่นขึ้น
เมื่อทำอะไรไม่ได้ก็ปล่อยให้เขาจูงแบบนั้น ก่อนพาไปยังห้องหนึ่ง ยื่นซองสีน้ำตาลซึ่งเป็นเอกสารของหญิงสาว
หลังจากอาจารย์ท่านนั้นรับเอกสารครบ ก็ให้นั่งรอเพื่อส่งหนังสือและเอกสารต่าง ๆ ให้กับชายหนุ่ม ท่าทางของปิ่นฉัตรถึงกับหลุดหัวเราะ
“ตื่นเต้นเหรอครับสุดสวย” เขายังคงขี้เล่นเหมือนเดิม
“ค่ะ ปิ่นตื่นเต้น ไม่เคยเจอคนเยอะขนาดนี้เลยค่ะ” เธอยอมรับตามตรง
“เดี๋ยวก็ชินเองแหละสุดสวย” เขาเป็นกันเองมาก จนทำให้ปิ่นฉัตรรู้สึกสบายใจ ทั้งสองใช้เวลาประมาณสามชั่วโมงกว่า ๆ ก็เสร็จจากการยื่นสมัครเรียน จากนั้นรถคันหรูราคาแพง มุ่งหน้าตรงไปยังห้างสรรพสินค้า
เพื่อเลือกซื้อชุดนักศึกษาและของใช้ต่าง ๆ ตามคำสั่งของผู้เป็นย่า
ความบังเอิญทำให้ต้องมาพบเจอคนเงียบขรึม เมื่อพวกเขาต้องมาเจอกันในร้านอาหารเดียวกัน
“อ้าวคุณภู มาทำอะไรที่นี่คะ” นางแบบสาวที่ควงแขนพี่ชายเขาเอ่ยถาม
“พวกคุณมาทำอะไร ผมก็มาทำอย่างนั้นแหละครับ”
ชายหนุ่มตอบชวนยียวน สายตาเข้มจ้องมองหญิงสาวคนข้างกายน้องชายที่เอาแต่ก้มหน้า แต่ไม่รอดพ้นสายตาเขาไปได้ วันนี้เธอดูแปลกหูแปลกตา ใบหน้าแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางบาง ๆ ริมฝีปากดูอิ่มเอิบชวนมอง
“ฉันพาน้องแพรวมาทานข้าว ไปนั่งด้วยกันสิภู” เตชินท์เอ่ยชวนน้องชายพร้อมหญิงสาว
“มันจะดีเหรอครับ ดูเหมือนบางคนไม่ค่อยสบายใจ” สายตาเบี่ยงเบนไปทางแฟนของพี่ชาย
“ไปเถอะ ฉันมีงานต้องทำ” เขามีงานมากมายที่รออยู่ ไม่อยากเสียเวลาไร้สาระมากกว่านี้
สรุปทั้งภูมินทร์และปิ่นฉัตร จำใจต้องเดินตามหลังคนทั้งคู่ ไปยังโต๊ะที่คนทั้งสองจองไว้ ท่ามกลางสีหน้าไม่พอใจของแพรวพรรณ
ลำพังน้องชายของเตชินท์ไม่มีปัญหา แต่สำหรับหญิงสาวบ้านนอกคนนี้ เธอไม่อยากนั่งร่วมวงด้วย แต่เธอไม่อยากให้เตชินท์ไม่สบายใจ
ใช่ว่าน้องชายของชายหนุ่มจะมองไม่ออก เขาแค่อยากแกล้งเพียงเท่านั้น ปิ่นฉัตรก็ลำบากใจไม่แพ้กัน แต่โดนภูมินทร์จับมือจูงมานั่งที่เก้าอี้
เตชินท์มองหญิงสาวเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อเธอ โดยที่เธอก็ไม่ได้ทำอะไรผิด ทำได้เพียงหลบสายตาคู่นั้น ภูมินทร์ได้แต่นั่งนิ่งอมยิ้มกับท่าทีของพี่ชาย คงคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกล้ามานั่งทานอาหารด้วย ยิ่งเห็นท่าทีของแพรวพรรณ เขายิ่งชอบใจใหญ่ ที่ได้เห็นเธอไม่ชอบใจ เขาก็สะใจไม่น้อย
เวลาสิบเก้านาฬิกาสิบนาที
“ขอบคุณนะคะคุณภู ที่ช่วยเหลือปิ่นค่ะ” เธอลงจากรถได้ก็ยกมือไหว้
“ไม่เป็นไรหรอกน้อง น้องอะไรนะสุดสวย” เขาแกล้งจำชื่อหญิงสาวไม่ได้
“ปิ่นค่ะ” เธอบอกชื่อแก่เขา
“เอ้อ น้องปิ่นสุดสวย” ก่อนยกมือวางบนศีรษะหญิงสาวแล้วโยกเบา ๆ ใบหน้าหวานส่งมอบรอยยิ้มแก่ชายหนุ่ม เธอเห็นเขาเป็นพี่ชายคนหนึ่ง ที่ใจดี ตลก ขี้เล่น อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไม่เหมือนกับใครบางคน
ภาพหยอกล้อระหว่างน้องชายกับหญิงสาวปรากฏให้เห็น มีคนเริ่มไม่พอใจ อยู่ไปก็หงุดหงิดไม่รู้สาเหตุ
เขาต้องหาเวลาคุยกับคุณย่าสักวัน เด็กสาวคนนี้เป็นใคร พื้นเพที่ไหน ทำไมคุณย่าถึงต้องให้มาทำงานในบ้านแถมยังให้ไปเรียนอีก หรือเธอมีอะไรแอบแฝงกันแน่
ก๊อก... ก๊อก… ประตูห้องคุณย่านวลปรางถูกเคาะ ซึ่งเวลานี้เป็นเวลานอนของคุณย่า โดยมีปิ่นฉัตรคอยบีบนวดให้ เสียงเคาะประตูทำให้เจ้าของห้องบอกให้หญิงสาวไปเปิด
เพียงแค่ประตูแง้มเท่านั้น ปิ่นฉัตรรีบถอยหลังกรูดอย่างไว เธอเห็นรังสีอำมหิตแผ่รัศมี ใบหน้าเรียบเฉยแต่ฉายความน่ากลัว ชายหนุ่มก้าวมายืนในห้องก่อนที่เสียงประตูปิดลง
หญิงสาวคงยืนเกาะลูกบิดประตู เธอทำตัวไม่ถูกเพราะคุณย่านวลปรางยังไม่อนุญาตให้เธอกลับห้องพักได้
“คุณย่าครับ” เตชินท์นั่งลงข้างคุณย่านวลปราง
“อ้าว ตาเตหรอกหรือลูก มีอะไรถึงมาหาย่าที่ห้อง ฮึ”
คุณย่าที่กำลังจะหลับตา ต้องลืมตาขึ้น พลางมองหาหญิงสาว ที่ตอนนี้ยืนเกาะประตูยิ่งกว่าตุ๊กแกเสียอีก
“หนูปิ่นไปพักเถอะลูก เหนื่อยมาทั้งวันละ”
“ค่ะคุณท่าน” เธอยกมือไหว้แล้วรีบเปิดประตูออกไป มือยกทาบอกถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ผมอยากรู้ว่าเด็กคนนั้นเป็นใคร มาจากไหน ลูกเต้าเหล่าใคร ทำไมคุณย่าถึงให้เข้ามาทำงานที่บ้าน แถมยังส่งให้เรียนอีก” เตชินท์ยิงคำถามรัว ๆ จนคนฟังต้องถอนหายใจ
“แล้วแกอยากรู้เรื่องของหนูปิ่นไปทำไมตาเต ปกติย่าเห็นแกสนใจแต่แม่นางแบบสาว ปากแดง” คุณย่านวลปรางย้อนถาม
“ผมแค่เป็นห่วง กลัวจะเป็นมิจฉาชีพมาปั่นมาหลอกคุณย่าครับ” หญิงสาวเป็นใครก็ไม่รู้ แถมยังทำตัวสนิทสนมกับน้องชายเขาด้วย
“แค่นี้จริง ๆ น่ะหรือ” แววตามองหลานชายคนโต ไหน ๆ ละก็เล่าเรื่องราวให้ฟังเสียเลย
คุณย่านวลปรางเล่าเหตุการณ์ เมื่อสองเดือนกว่าให้เตชินท์ฟังทุกอย่าง มันเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงต้องให้หญิงสาวมาทำงานที่บ้าน และเหตุผลสำคัญทำไมถึงต้องส่งให้เรียน แต่อันหลังคุณย่าไม่ได้บอก บอกแค่อนาคตของหญิงสาว แต่คนเป็นหลานชายไม่ค่อยเชื่อเท่าไร คุณย่ากำลังคิดจะทำอะไรกันแน่
“ทำไมคุณย่าไม่ให้เงินสักก้อน ดีกว่าให้มาอยู่ในบ้าน” เป็นเขาคงให้เงินจะได้จบ ๆ กันไป
“ก็อย่างที่ย่าบอก ย่าถูกชะตากับหนูปิ่น อีกอย่างเธอก็พึ่งเข้ามากรุงเทพฯ ผู้หญิงตัวคนเดียวมันอันตราย จะใช้ชีวิตอย่างไรเล่า” คนแก่นึกห่วงหญิงสาวจึงพามาทำงานด้วย
“เขาไม่มีญาติพี่น้องในกรุงเทพหรือไงครับ”
“ไม่มี ย่าก็บอกนี่ไงว่าหนูปิ่นตัวคนเดียว แกจะอะไรนักหนา ฮึ ตาเต”
“ผมเป็นห่วง กลัวคุณย่าหลงกลยัยเด็กบ้านนอกมากกว่า” เขายังมองว่าหญิงสาวเป็นนักต้มตุ๋นหลอกลวง
“โอ๊ย แกไม่ต้องมาห่วงฉันหรอก แกควรจะห่วงตัวเอง ระวังแม่นางแบบปากแดงจะหลอกแกหมดตัวนู้น หมดเรื่องหนูปิ่นยัง ฉันจะนอนละ” คุณย่านวลปรางมองออก ผู้หญิงสองคนแตกต่างกัน ปิ่นฉัตรใสซื่อไร้เดียงสา