พิธีผูกข้อมือตามประเพณีเล็ก ๆ ถูกจัดขึ้นที่บ้านรถเกี่ยว แขกเหรื่อที่เชิญมาส่วนใหญ่ก็ญาติสนิทไม่กี่สิบคนเท่านั้น พิธีถูกจัดขึ้นตอนเช้าพร้อมเลี้ยงอาหารไม่นานก็เสร็จสิ้น ให้ชาวบ้านรับรู้ถึงสถานะที่เปลี่ยนไปของลูกชายและหญิงสาวที่อยู่ที่นี่มานานหลายปี
“ฉันทำตามสัญญาแล้วนะจันทร์ ตอนนี้ลูกของเราได้เกี่ยวดองกันแล้ว ฉันจะดูแลน้องหวานให้ดีไม่แพ้เธอ” นางนงพูดออกมาด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นลูก ๆ ทั้งสองได้ตกล่องปล่องชิ้นกันแล้ว
แต่คนเป็นพ่อเป็นแม่ดีใจกับคำสัญญาที่เคยให้กันไว้ได้ถูกปฏิบัติตามอย่างดีและมีความสุข จนลืมดูไปว่ามีใครบางคนไม่ได้มีความสุขอย่างที่ควร
“มีเมียกับเขาทำหน้าให้มันดี ๆ ดิวะ” บูมว่าให้เพื่อนที่พอพิธีเสร็จก็ปลีกตัวออกมาตั้งวงกับเพื่อน กระดกเหล้าไม่หยุดเหมือนเครียด
“ไอ้เหี้ยแม่ง! ไม่ใช่วันสองวันที่กูชอบเธอ ไม่ใช่อาทิตย์สองอาทิตย์ที่กูตัดใจจากเธอ” บ่นออกมาอย่างเหนื่อยใจ “พอกูทำได้ มองเธอเป็นน้อง อยู่ ๆ มาบังคับให้เป็นผัว...กูแม่ง!”
อธิบายไม่ถูก รู้แต่ว่าไม่ชอบ ไม่พอใจ และไม่เต็มใจเลยสักนิด
“มึงจะโกรธพ่อแม่มึงก็ได้ถ้ามึงไม่ได้กับน้องอ่ะ” ธีร์แย้งออกมากับความเป็นจริงที่เข้าใจได้ว่าไม่พอใจ แต่เรื่องเกิดแบบนี้แล้วคนผิดก็ตัวของนายเองด้วย
“เมาไหมวะ ใครจะมีสติ” ยังไม่ยอมรับความผิดของตัวเอง “ถ้าใครจะผิดก็เป็นเธอนั่นแหละ ทำไมชอบมาอยู่ใกล้กูตอนเมาตลอด!”
บ่นให้ตัวต้นเหตุหลักที่ทำให้เรื่องยุ่งยากแบบนี้ แล้วพอเกิดขึ้นแล้วแทนที่จะเห็นด้วยช่วยกันปฏิเสธกับเขา แต่กลับก้มหน้าเงียบไม่มีคำตอบอะไร ท่าทางแบบนั้นพ่อแม่เขาเห็นก็คงสงสารและเห็นใจจนไม่มีทางฟังเขา
สุดท้ายเป็นไง ต้องหมั้นกันทั้งที่เขาก็ไม่ได้เต็มใจ
“มีเมียไม่เห็นจะแย่ตรงไหน ดีจะตายมีคนให้นอนกอด” ภีมพูดอย่างไม่คิดมาก ไม่อยากให้เพื่อนอารมณ์เสียแล้วพาลไปโกรธเกลียดน้ำหวานกว่านี้ “อีกอย่างก็เคยชอบเธอมากไม่ใช่เหรอ”
“ดีดิถ้าเต็มใจแล้วหาเอง” นายยังยืนยันความคิดและความรู้สึกของตัวเองไม่เปลี่ยน “แล้วแค่เคยชอบไง มันเลิกชอบมานาน นานจนกูมองเธอเป็นน้องแบบไม่คิดอะไรไปแล้วอ่ะ”
มันเลยยากจะยอมรับและไม่พอใจกับสิ่งที่เป็นตอนนี้
“พอเถอะ ยังไงน้องเขาก็เป็นเมียมึงแล้ว ไปโกรธไปเกลียดเขาไม่ได้นะเว้ย” ธีร์พูดขึ้นบ้างเพื่อเตือนสติเพื่อนอีกคน
“...” แต่คนทุกข์ใจกลับเหมือนฟังหูซ้ายทะลุหูขวา จิตใจของเขาไม่สงบนิ่งเลยสักนิด มันร้อนระอุและไม่พอใจกับอะไรสักอย่าง
โมโหขัดใจไปหมด กระดกเหล้าให้เมาจะได้ไม่ต้องรับรู้อะไรให้สิ้นเรื่องสิ้นราว
“กินข้าวจ้ะ” เสียงหวานดังขึ้นราวกับกำลังทำตัวไม่ถูกทั้งที่ปกติเธอเรียกเขากินข้าวบ่อย ๆ แต่วันนี้กลับแปลกไป เตรียมอาหารเย็นให้เขาเรียบร้อยแม้เขาไม่ได้สั่ง
“เอ็งอยากหมั้นกับพี่เหรอ” นายที่ยังนั่งกินเหล้าอยู่คนเดียวเพราะเพื่อนอยากให้เวลากับเมียเลยพากันกลับช่วงบ่าย ช้อนสายตาแดงก่ำไปมองคนที่ได้ชื่อว่าเมียแล้วถามออกมาด้วยน้ำเสียงเหมือนหาเรื่อง
“...” น้ำหวานไม่ได้ตอบ หลบสายตาที่เปลี่ยนไปของเขาอย่างทำตัวไม่ถูก
“ถ้าเอ็งช่วยพี่พูดกับพ่อแม่เรื่องนี้ก็คงไม่เกิดขึ้นไหมวะ” เธอไม่ตอบแต่เขายังพูดต่ออย่างไม่พอใจ “เอ็งก็รู้ว่าพี่เห็นเอ็งเหมือนน้องคนหนึ่ง แล้วตอนนี้จะให้มองเอ็งเป็นเมียได้ยังไง”
เปลี่ยนปุบปับแบบนี้มันทำไม่ได้หรอก
“แล้วที่ผ่านมาเอ็งก็คิดไม่ต่างจากพี่ แล้วทำไมเอ็งถึงยอม” เธอไม่รู้สึกแปลกบ้างหรือไง ไม่รู้สึกขัดใจและลำบากใจบ้างเหรอ “หรือพี่คิดผิด”
ถามแล้วจ้องมองเธองไม่ละสายตา เพ่งหาความจริงในตัวเธอว่ามีอะไรที่เขาพลาดไปหรือเปล่า เพราะตัวเขาเองก็คิดมาตลอดว่าเธอก็มองเขาเหมือนที่เขามองเธอ
“...”
“ทำไมเอาแต่เงียบวะหวาน!” ตะคอกเสียงดังเมื่อถามอะไรพูดอะไรเธอก็ไม่ตอบสักอย่างจนหงุดหงิด กระแทกแก้วอย่างแรงจนคนยืนสะดุ้งตกใจ
“ตอนนี้พี่อารมณ์ไม่ดี หวานตอบอะไรไปก็จะหงุดหงิดเปล่า ๆ” ตอบเสียงเบาเริ่มกลัวเพราะเขาไม่เคยทำแบบนี้ใส่เธอ ไม่ได้เป็นพี่ที่แสนดี แต่ก็ไม่เคยตวาดตะคอกหรือหงุดหงิดใส่เธออย่างรุนแรง
“เอ็งแค่ตอบตรง ๆ ตอบสิ่งที่พี่ถามและพูดกับเอ็ง มันจะมีอะไรให้น่าหงุดหงิดวะ” ยังคงไม่พอใจกับเธอเหมือนเดิม ตอนนี้เขากำลังใจเย็นพูดกับเธออยู่ เธอก็แค่ตอบโต้กลับมาในเรื่องเดียวกันให้เขารู้และฟังก็แค่นั้นเอง “หรือที่เอ็งไม่กล้าตอบอะไรตรง ๆ เพราะสิ่งที่พี่คิดมันผิด”
“...” เธอไม่อยากตอบอะไร เธอกลัว เพราะขนาดเธอยังไม่ตอบเขายังไม่รู้ยังดูไม่พอใจเลย แล้วหากเขารู้ความรู้สึกจริงของเธอ เขาจะไม่เกลียดเธอไปเลยเหรอ
“เอ็งชอบพี่เหรอ” น้ำเสียงเยือกเย็นขึ้นพร้อมกับร่างสูงลุกจากโซฟาชุดเล็กในบ้านของเขาที่นั่งกินเหล้าเดินตรงมาหาเธอที่โต๊ะกินข้าว “ตอบ!”
กดเสียงต่ำใส่คนที่ไม่พูดและหลบหน้า ยังถอยหนีเหมือนกลัวเขามาก
“นี่เอ็งชอบพี่จริง ๆ เหรอวะ” ยิ่งเธอเงียบและหลบตาเขาเท่าไหร่ มันกลับทำให้เขาเหมือนเชื่อในสิ่งที่สงสัยเมื่อกี้ไปแล้ว ทวนย้ำออกมาด้วยความเย้ยหยันกับความรู้สึกของเธอที่เขาไม่เคยรู้
เพราะถ้าเขารู้สักนิด
“ถ้าเอ็งชอบพี่จริงเอ็งไม่อายเหรอที่ทำเพื่อให้ได้พี่แบบนี้” ว่าให้อย่างไม่พอใจ “พี่เคยชอบเอ็ง เคยให้เอ็งลองคบกับพี่ แต่เอ็งก็ปฏิเสธมาตลอดจนพี่ท้อ”
แล้วมาตอนนี้หมายความว่ายังไง
“แล้วทำไมสุดท้ายกลับเป็นเอ็งที่ทำให้เรื่องมันวุ่นวายแบบนี้ล่ะ” เขาไม่เข้าใจเลยจริง ๆ “เอ็งไม่รู้เหรอว่าตอนนี้พี่ไม่ได้คิดอะไรกับเอ็ง ไม่รู้สึกอะไรกับเอ็งเลย”
“...” รู้สิ รู้ดีจนใจเจ็บเลยไม่น้อย
“หรือที่เอ็งชอบพาตัวเองมาอยู่ใกล้พี่ตอนเมาเพราะหวังอะไรแบบนี้เหรอ” กัดฟันถามอย่างไม่พอใจ
“ไม่ใช่” ครั้งนี้รีบเงยหน้าปฏิเสธไม่ให้เขาเข้าใจผิด เพราะเธอไม่เคยคิดหวังให้เกิดเรื่องแบบคืนนั้นเลย ที่เธอทำก็แค่เป็นห่วง คนเมาไร้สติมันมีอันตรายเกิดขึ้นได้
“แต่เอ็งควรรู้ว่าคนเมามันไม่รู้ห่าเหวอะไร มันไม่มีสติยั้งคิดยั้งทำ แล้วเอ็งยังมาใกล้พี่ ดึกดื่นแค่ไหนก็พาตัวเองมา แล้วเอ็งจะให้พี่คิดยังไง” แต่ตอนนี้คำปฏิเสธของเธอกลับฟังไม่ขึ้นสำหรับเขาไปแล้ว
ความจริงที่ออกจากปากเธอมันเหมือนคำโกหกสำหรับเขาเป็นที่เรียบร้อย
“โคตรผิดหวังเลยว่ะ เหมือนไว้ใจคนผิดยังไงก็ไม่รู้” น้ำเสียงและสีหน้าเขาทั้งเย้ยหยันและดูผิดหวังมากจริง ๆ ตอนพูดออกมา
สายตาที่เขามองเธอเปลี่ยนไปไม่เหลือความใจดีเหมือนเดิมอีกแล้ว
“เพราะแบบนี้สินะถึงไม่คิดจะช่วยกันพูดปฏิเสธพ่อกับแม่ เพราะเอ็งก็หวังจับพี่ทำผัวอยู่นี่เอง” โคตรเสียความรู้สึกเลยที่พึ่งได้รู้ความจริงในตอนนี้ รู้ในตอนที่สายไป
แล้วก็โคตรเสียดายความรู้สึกดี ๆ ที่เคยมองเธอและมีให้เธอมาตลอดมาก ๆ
“งั้นเอ็งก็จำไว้ว่าพี่ไม่คิดจะรักเอ็งที่เคยปฏิเสธพี่ ไม่เคยมองเอ็งเป็นเมียเพราะเอ็งเคยไม่อยากเป็น” ย้ำเสียงเย็น “ถ้าทนได้ก็ทน ทนไม่ได้ก็ไปบอกพ่อกับแม่ขอถอนหมั้น”