“ไปทำอะไรให้กินหน่อย หิว”
“ในตู้มีแต่อาหารแช่แข็งนะคะ”
“อืม”
อาการมึนหัวที่ยังไม่หายดี ตีวนไปมาแทบคลื่นไส้ แต่เธอก็ลุกขึ้นเดินออกไปเปิดตู้เย็นหยิบอาหารแช่แข็งมาสองกล่อง ก่อนจะเอาเข้าไมโครเวฟจัดการอุ่นเป็นที่เรียบร้อย เทออกจากกล่องใส่จาน นำมาวางให้ราชันย์พร้อมน้ำเปล่าอีกหนึ่งแก้ว ราชันย์ที่เดินมามองอาหารในจาน สลับกับใบหน้าของกอหญ้าเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจ แล้วนั่งลงทานอาหารเงียบ ๆ กอหญ้า ค่อย ๆ นั่งลงตักอาหารในจานทานเงียบ ๆ เช่นกัน
“ทุกวันตอนเช้าทำอาหารด้วย หน้าที่เก็บกวาดห้องเป็นของเธอ ทุกอย่างที่แม่บ้านทำเธอเอาไปทำทั้งหมด”
“ค่ะ”
“ช่วงค่ำไปที่กาสิโน เดี๋ยวจะมีคนสอนงานเธอเอง”
“ค่ะ”
“แล้วอย่าทำให้ฉันโมโห อย่าคิดหนี อย่าทำตัวน่ารำคาญ อย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
“ค่ะ”
เขาพูดก่อนจะเดินไปหยิบโน๊ตบุ๊คมานั่งที่โซฟาตัวใหญ่กลางห้อง พอเห็นโซฟาตัวนั้น หน้าขอเธอก็แดงระเรื่อขึ้นสมองพรางนึกไปถึงค่ำคืนอันเร่าร้อนที่ราชันย์ปรนเปรอเธอ เขาหันมามองเธอและขมวดคิ้วสงสัยที่เธอยืนนิ่ง ๆ แล้วมีอาการหน้าแดงก่อนที่เขาจะหลุบตาลงไปมองที่โซฟาแล้วหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ให้เธออีกครั้ง
“มาทบทวนความหลังกับโซฟาตัวนี้หน่อยไหมกอหญ้า”
เธอส่ายหน้าพรืดแล้วรีบหยิบจานทั้งสองใบไปล้างทันที ราชันย์ที่เห็นการกระทำของเธอก็อดหัวเราะไม่ได้ ก่อนที่เขาจะหันกลับไปจดจ่อกับโน๊ตบุ๊กตัวโปรดวันนี้ราชันย์ไม่เข้าบริษัท และช่วงค่ำจะพากอหญ้าไปที่กาสิโน เขากำลังรอให้ไอ้ธันเอาชุดมาส่งอยู่ กอหญ้าที่จัดการกับจานข้าวแก้วน้ำเรียบร้อยแล้ว ก็เดินไล่ดูความเรียบร้อยของห้อง
ในเมื่อราชันย์ให้เธอจัดการดูแลห้องนี้ เพื่อที่จะได้ชดใช้หนี้ให้ลดลงไว ๆ แค่นี้สบายมากแต่เมื่อเปิดตู้เย็น ห้องน้ำ ห้องรับรอง และส่วนอื่น ๆ กลับพบว่าทุกที่ไม่มีอุปกรณ์อะไรเลย ทุกที่ ที่ดูเอี่ยมสะอาด คาดว่าคงมีแม่บ้านเข้ามาทำให้แน่ ๆ แล้วสายตาก็ไปสะดุดที่กรงขนาดกลาง ด้านในมีที่นอนเล็ก ๆ คาดว่าเป็นกรงใส่แมวหรือสุนัขแน่ ๆ
เธอหันไปมองราชันย์ครั้งหนึ่ง ก่อนจะหันกลับมามองที่กรงสลับกันไปมา ด้วยความที่เธอเป็นทาสแมวอยู่เป็นทุนเดิม เธอจึงค่อย ๆ เดินไปหาราชันย์ช้า ๆ
“คุณเลี้ยงแมวด้วยหรอคะ?”
“ห๊ะ!”
“ก็ฉันเห็นมีกรงกับที่นอนตรงนั้น”
เธอไม่พูดเปล่าแต่ชี้นิ้วเล็ก ๆ ไปที่กรงที่ถูกวางทิ้งไว้ใต้บาร์เป็นตัวยืนยันคำพูด ราชันย์หันไปมองตามเรียวนิ้วของเธอ สลับกับมองหน้าเธอเป็นระยะ ก่อนจะหันไปจ้องโน๊ตบุ๊คตามเดิม
“เข้าไปอยู่ซิ”
“เอ๊ะ?”
“ไม่มีหรอก ไม่ชอบ”
“แต่น้องแมวน่ารักนะคะ ขี้อ้อนด้วย”
“ไม่ชอบ”
กอหญ้าไม่ซักไซ้ให้เสียเวลา เธอเดินไปหยิบเงินที่เขาให้เมื่อวานก่อนจะเดินมาหยุดที่ราชันย์ที่กำลังทำงานอย่างเคร่งเครียด เมื่อเขาเห็นดังนั้นก็หยุดจดจ่อกับหน้าจอแล้วเงยขึ้นมามองเธอก่อนจะเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไร
“ฉันจะออกไปซื้ออุปกรณ์ทำความสะอาด กับอาหารสด คุณอยากได้อะไรไหมคะ?”
“ถุงยาง”
“ห๊ะ!”
“ส่วนขนาดเธอคงรู้อยู่แล้ว”
ราชันย์ที่มองหน้ากอหญ้าที่บัดนี้หน้าแดงเป็นลูกตำลึง อย่างขบขันพรางปิดจอโน๊ตบุ๊คลงลุกยืนบิดความเมื่อยขบ
“เดี๋ยวพาไป ไปสภาพนี้คงไม่ถึงห้างหรอก”
ราชันย์พูดก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่ออกมายื่นให้เธอเปลี่ยน กอหญ้าไม่รอให้เขาต้องพูดซ้ำรับเสื้อมาแล้วเดินเข้าไปเปลี่ยนทันที ก่อนจะเดินออกมาอีกครั้ง ราชันย์มองปาดเดียวก่อนจะเดินไปหยิบกุญแจรถแล้วเดินนำเธอออกไป
เมื่อทั้งคู่มาถึงห้างดังใจกลางเมือง กอหญ้าก็จัดการพาราชันย์ไปซื้อของใช้และอุปกรณ์จำเป็นหลายอย่างจนข้างของเกือบจะเต็มรถเข็น แต่กอหญ้าก็ยังไม่วายที่จะเดินต่อไปอีกเรื่อย ๆ อยู่ดี
“มันต้องใช้หมดนี่เลยหรอ?”
“ใช่ค่ะ ก็ที่ห้องคุณไม่มีอะไรเลย จะให้ฉันทำโดยที่ไม่มีอุปกรณ์ฉันทำไม่ได้หรอกนะคะ”
“ก็แค่ถามไหม แล้วครบหรือยัง”
ราชันย์บ่นอึบ ขณะที่มือก็เข็นรถเข็นที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ทำความสะอาดเกือบเต็มคันรถนั้นไปด้วย
“อุปกรณ์ครบแล้วค่ะ ไปซื้ออาหารสดกัน”
“ยังไม่หมดอีกหรอ”
“ค่ะ!”
หลังจากที่ซื้อของมาครบเรียบร้อยตามที่ต้องการ ทั้งราชันย์และกอหญ้าก็พากันหอบหิ้วพะรุงพะรังเปิดประตูเข้ามาในคอนโด ก็ต้องตกใจเมื่อพบธันวาที่นั่งทำหน้าตกใจราวกับเห็นผีอยู่ที่โซฟา เมื่อเห็นเช่นนั้นราชันย์ก็ตั้งสติและทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เดินเอาของที่ไปวางที่บาร์ในครัว กอหญ้าเองก็ทำตัวลีบ ๆ ค่อย ๆ เดินตามไปโดยที่ทุกคนไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมาแม้แต่คำเดียว
“กูตาฝาดปะวะ”
“เปล่า ก็งานทุกอย่างเธอต้องจัดการ แล้วห้องกูไม่มีอะไรเลย แค่พาไปซื้อ จะได้ประหยัดค่าแม่บ้าน”
“อ๋อ หรอ”
“ว่าแต่มึงเหอะ เดี๋ยวนี้เข้าห้องกูตามใจชอบเชียวนะ”
“ก็กูลืม ว่ามึงไม่ได้อยู่คนเดียว..แล้วสภาพน้องเขาคือ?”
“เพิ่งไปซื้อเสื้อผ้ามา”
“เออ ๆ กูเอาเสื้อมาให้ละ มึงจะให้ไปเมื่อไหร่”
“วันนี้กูไม่ว่าง มึงจัดการด้วยแล้วกัน”
“เออ ๆ”
ณ กาสิโนใต้ดินที่มีอิทธิพลของราชันย์ ผู้หญิงหน้าตาจิ้มลิ้ม ใบหน้าขาวผ่องตัดกับชุดเดรสรัดรูปสั้นเสมอหูสีแดงเลื่อม โชว์ส่วนเว้า ส่วนโค้งสีผิวขาวจั๊วะตัดกับแสงสีในกาสิโน ผมสั้นประบ่าหยักศกสีน้ำตาลคาราเมลบัดนี้ถูกมัดรวบเผยให้เห็นลำคอระหงน่าเจี๊ยะ ปากสีพีชแบบธรรมชาติที่ไม่ถูกเติมแต่งกับรองเท้าส้นสูงหกนิ้วสีเดียวกับชุด เดินตามหลังธันวามาอย่างประหม่า เพราะปกติเธอไม่เคยต้องแต่งตัวแบบนี้เลยสักครั้ง ธันวาพามาพบกับผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่ง ก่อนจะพูดคุยกันเล็กน้อย แล้วเขาก็เดินออกจากกาสิโนไปทิ้งให้เธอได้แต่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ
“ตามมาสิ”
“ค่ะ”
03.00 น.
“กอหญ้า มาวันแรกลูกค้าก็ติดอกติดใจซะละ”
“ขอบคุณค่ะพี่กันต์”
“กลับบ้านกัน ว่าแต่เรากลับยังไง พักที่ไหน ให้พี่ไปส่งไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวกอหญ้าเรียกรถแถวนี้กลับได้ค่ะ”
“อันตรายนะ ให้พี่ไปส่งเถอะ”
“ไม่เป็นไรจริง ๆ ค่ะ กอหญ้ากลับก่อนนะคะ”
เธอไม่รอให้พี่กันต์ได้ตอบรับอะไร กอหญ้าหยิบกระเป๋าแล้วออกมาจากกาสิโนราวกับว่าอยู่ต่อเธอจะไม่สามารถหาข้ออ้างได้ เธอจึงทำได้แต่มุ่งหน้ากลับคอนโดอย่างลีกเลี่ยงไม่ได้เท่านั้น สองขาน้อยของเธอค่อย ๆ เดินตามทางไปเรื่อย ๆ เป็นเรื่องดีที่กาสิโนนี้ไม่ได้เปลี่ยวเหมือนในนิยายแต่อย่างใด
เรียกได้ว่าตั้งอยู่ใจกลางเมืองอย่างล่อหน้าล่อตากฎหมายเลยก็ว่าได้ และเปิดให้บริการอย่างไม่ปกปิดเดาว่าคุณราชันย์คงมีอิทธิพลมากถึงได้เปิดแบบโจ่งแจ้งแบบนี้ได้ เธอเดินไปเรื่อย ๆ แต่ไม่เห็นมีรถแท็กซี่ผ่านเลยสักคัน เมื่อเป็นดังนั้นก็ยิ่งทำให้เธอก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ ในกระเป๋าใบเล็กนี้ก็เห็นจะมีเพียงแค่เงินที่ราชันย์ให้ไว้ กับคีย์การ์ดและกุญแจห้องเท่านั้น โทรศัพท์ก็ไม่มี บัตรประจำตัวก็ไม่มี ไม่ได้พกอะไรมาจากบ้านเลยด้วยซ้ำ
ปี๊ด! ปี๊ด!
กอหญ้าสะดุ้งตัวโยน เมื่อได้ยินเสียงแตรจากทางด้านหลัง เมื่อหันไปก็บว่าเป็นรถของธันวา ที่เธอเพิ่งลงมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนนั่นเอง
“เดินออกมานี่จำทางกลับคอนโดถูกหรอ?”
“เอ่อ .. กอหญ้าลืมไปค่ะ ว่าจำทางไม่ได้”
“ขึ้นรถเถอะ”
“ค่ะ”
รถสปอร์ตคันหรูถูกจอดด้านหน้าคอนโดของราชันย์ เธอก้าวเท้าลงรถทันทีที่รถจอดสนิท ก่อนจะหันไปขอบคุณธันวาแล้วเปิดกระเป๋าหยิบคีย์การ์ดมุ่งหน้าขึ้นห้องอย่างรีบร้อน ถ้าปกติเวลานี้เธอคงจะกำลังดูซีรี่ย์เกาหลีฟิน ๆ จนบ่อน้ำตาแตกไปแล้วก็ได้
ติ๊ด! แอ๊ด!
เธอเลือกที่จะเปิดประตูห้องเข้ามาเองแทนการกดกริ่ง เพราะนี่ก็ดึกมากแล้วราชันย์อาจจะกำลังพักผ่อน ถ้าเธอทำเสียงดังรบกวนมีหวังโดนราชันย์จับฉีกร่างแน่ แต่เมื่อประตูห้องถูกเปิดออกเธอกลับพบว่าในห้องนี้นั้นมืดสนิท ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตใด ๆ ก่อนที่เธอจะรีบก้าวเข้ามาในห้องเมื่อ เปิดไฟ และวางกระเป๋าลงก่อนจะทิ้งตัวเองลงที่โซฟาตัวใหญ่ด้วยความเหนื่อยล้า
ทันทีที่ร่างกายที่เมื่อยล้าแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน การยืนสลับกับเดินเป็นเวลานาน ๆ และเวลาตอนนี้ที่เกือบจะตีสี่แล้วนั้น มันยิ่งทำให้ร่างกายของเธอค่อย ๆ ไหลลงไปรวมกับโซฟาตัวนุ่มนี้อย่างง่ายดายเปรียบเสมือนว่าโซฟานี้คือโซฟาดูดวิญญาณอย่างไรอย่างนั้น ดวงตากลมโตดวงสวยที่บัดนี้กับปรือจนแทบจะลืมไม่ขึ้นนั้นค่อย ๆ ปิดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ตืด ตืด
กอหญ้าสะลึมสะลือขึ้นมาอย่างงัวเงียพรางพลิกใบหน้าหันหาต้นตอของเสียงที่ได้ยิน ก่อนเห็นว่ามีมือถือยี่ห้อดังเครื่องหนึ่งวางอยู่กับโซฟาอีกฝั่งกับที่เธอนอนอยู่ เธอลุกขึ้นก่อนจะเอื้อมไปหยิบขึ้นมาดู ก็เห็นว่าบนหน้าจอปรากฏชื่อ "มาหยา" มือถือเครื่องนี้ต้องเป็นของราชันย์ไม่ผิดแน่ แต่ทำไมมีงานอะไรถึงโทรมาดึกดื่นขนาดนี้กันนะ เธอหันซ้ายหันขวาหาผู้เป็นเจ้าของมือถือแต่ก็ไร้ซึ่งวี่แววบุคคลอื่นในห้องนี้
ด้วยความที่แม่เคยสอนมาตลอดเรื่องมารยาทกับของใช้ส่วนตัวคนอื่น ทำให้กอหญ้าได้แต่ปิดเสียงมือถือของเขาแล้วนำมันวางไว้บนโต๊ะแทน เธอบิดไล่ความเมื่อยล้าสองสามที ก่อนจะลุกขึ้นแล้วขยับขาเดินเข้าห้องนอนมองเวลาจากนาฬิกาบนหัวเตียงก็พบว่าเป็นเวลาตีห้ากว่า ๆ เมื่อเห็นว่ายังพอมีเวลาเธอจึงทิ้งตัวลงบนที่นอนนุ่มแล้วหลับตาเพื่อจะไปเข้าเฝ้าพระอินทร์อีกครั้ง