“ทำไมต้องอยากรู้อะไรที่ไม่เกี่ยวกับงานด้วยวะ”
“ก็กูตื่นเต้น ว่ากูกำลังจะมีน้องสะใภ้หรือเปล่านี่หว่า”
“ไม่ใช่แม่บ้าน”
“เห้ย! งั้นก็น้องสะใภ้!”
“นั่นก็ไม่ใช่”
“อ่าว! เหี้ยไรเนี่ย”
“จะบอกว่าไง ก็ไม่ได้เป็นอะไรที่สำคัญขนาดนั้น.. พอดีลูกหนี้กูไม่มีเงินใช้ แล้วเอาตัวลูกสาวมาใช้หนี้ .. เธอก็มีฐานะแบบนั้นแหละ”
“กูไม่โอเคนะราชันย์ ถ้ามึงจะทำกับผู้หญิงแบบนี้ มึงขืนใจเขาหรอ”
“กูไม่เคยขืนใจใคร มึงก็รู้”
“แล้วมึงจะทำไงต่อไป มึงก็รู้ว่าคนแบบพวกเราศัตรูเยอะขนาดไหน”
“แต่เธอไม่ใช่จุดอ่อนของกูไงมังกร เธอก็เป็นแค่นางบำเรอถึงเวลาก็หายไป ก็เท่านั้น กูไม่ได้คิดอะไรมากกว่านี้”
“พูดเรื่องอะไรกันอยู่หรอเฮีย”
ทั้งราชันย์และมังกรที่กำลังคุยกันโดยที่ไม่ได้ยินเสียงการเปิดประตูเข้ามาของพราวฟ้าและกอหญ้า ต่างก็ชะงักและกลืนน้ำลายลงคอทั้งคู่ที่รับรู้ว่าไม่ได้มีแค่เขาสองคน กอหญ้าที่ยืนเฉย ๆ อยู่ด้านหลังพราวฟ้าไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่เธอได้ยินเกือบทุกคำที่ทั้งคู่คุยกัน แม้จะได้ยินแค่ช่วงท้าย ๆ เพราะพราวฟ้าบอกว่าลืมกระเป๋าเงินไว้ขอขึ้นมาเอาก่อน
แม้จะรู้ว่าฐานะของตัวเองคืออะไรแต่เมื่อได้ยินกับปากของเขา มันทำให้หน้าอกข้างซ้ายของเธอกลับปวดหนึบขึ้นมาอย่างช่วยได้ราวกับว่ามันกำลังจะแตกออกมาเป็นเสี่ยง ๆ บรรยากาศแปลก ๆ นี้ยังคงดำเนินไปไม่มีท่าทีว่าจะมีใครพูดอะไรขึ้นมาเลยสักคน
พราวฟ้าเอื้อมมือไปกำมือกอหญ้าแล้วเธอก็ต้องหันไปมองเธอทันทีเพราะตอนนี้มือของกอหญ้าสั่นมากทำให้พราวฟ้าเข้าใจในทันทีว่าสำหรับกอหญ้าแล้วไม่ใช่แค่นายจ้างหรือเจ้าหนี้ พราวฟ้ามองเข้าไปในดวงตาของเธอที่ตอนนี้มันกำลังสั่นระริกราวกับว่ากำลังกักเก็บหยดน้ำตาเอาไว้กลัวว่ามันจะหล่นออกมาอย่างไรอย่างนั้น
พราวฟ้าละมือจากเธอก่อนจะเดินเข้าไปหยิบกระเป๋าเงินและมือถือออกมา คว้าข้อมือเล็ก ๆ ของกอหญ้าให้เดินตามมา ปิดประตูเสียงดังราวกับว่ามีไม่สบอารมณ์มาก ๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้และเปิดประตูเข้าไปอีกครั้งก็ยังเห็นว่าทั้งคู่ยังอยู่ที่ท่าเดิม ไม่มีใครขยับหรือพูดอะไรเลย
“วันนี้พราวขอยืมตัวกอหญ้าวันหนึ่งนะ ส่วนข้าว ก็หากินกันเอง!”
พราวฟ้าพูดจบก็ปิดประตูอีกครั้ง เธอยืนมองกอหญ้าที่เมื่อพ้นสายตาของราชันย์แล้ว น้ำตาเม็ดโต ๆ ก็ร่วงลงมาทันที ราวกับว่ามันไม่สามารถกลั้นเอาไว้ได้แล้วอย่างไรอย่างนั้น พราวฟ้าไม่ถามอะไรให้เธอไม่สบายใจ ฝ่ามือของเธอยกขึ้นไปลูบเส้นผมของกอหญ้าเบา ๆ เป็นการให้กำลังใจ
“กอหญ้าขอโทษนะคะคุณพราวฟ้า”
“ขอโทษทำไม”
“ที่กอหญ้าเป็นต้นเหตุให้คุณพราวฟ้าต้องทะเลาะกับคุณมังกร”
“อย่าเรียกคุณเลย ไหน! ลองเรียกพี่พราวสิ”
“กอหญ้าไม่กล้าหรอกค่ะ”
“ไม่เอาน่า พี่ไม่อยากให้เราดูห่างเหินกัน พี่เห็นกอหญ้าครั้งแรกก็ถูกชะตาแล้ว อยากมีน้องสาวด้วย”
“ขอบคุณนะคะ”
“งั้นเดี๋ยววันนี้พี่พาไปเปิดหูเปิดตาดีกว่า”
“แต่กอหญ้าต้องไปกาสิโนตอนเย็นค่ะ”
“กาสิโน?”
“ค่ะ ไปทำงานที่นั่น”
“ราชันย์ใช้งานเธอขนาดนี้เลยหรอเนี่ย”
“ไม่ใช่นะคะ คือ..”
พราวฟ้าหาได้สนใจคำพูดของกอหญ้า เธอหยิบมือถือขึ้นมาก่อนจะส่งข้อความหาใครสักคน สักพักก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นมา เธออ่านมันก่อนจะหันจอมือถือมาให้กอหญ้าดู ก็เห็นว่าพราวฟ้าคุยกับราชันย์เรื่องงานวันนี้ของกอหญ้า ประมาณว่าให้วันนี้กอหญ้าพักงานได้ เมื่อพราวฟ้าเห็นว่ากอหญ้าเข้าใจแล้วก็ปิดจอแล้วหยิบมือถือลงกระเป๋าอย่างอารมณ์ดี
“ไปไหนกันดี”
“กอหญ้าแล้วแต่คุณพราวเลยค่ะ”
“คุณอีกแล้ว”
“เอ่อ .. พี่พราว”
“น่ารักมาก กอหญ้ามีที่ ที่อยากไปไหม”
“ไม่มีค่ะ”
“งั้นไปที่ ที่พี่อยากไปละกัน”
พราวฟ้าพูดจบก็ลากข้อมือน้อย ๆ ของกอหญ้าให้ตามออกมาอย่างว่าง่าย ด้านกอหญ้าเองก็ไม่รีรอเดินตามพราวฟ้าออกมาอย่างเงียบ ๆ ยังไม่ทันที่เรื่องฟุ้งซ่านจะกลับเข้ามาในหัว พราวฟ้าก็พาเธอยังห้างดังใจกลางเมือง กอหญ้ามองพราวฟ้าสลับกับสถานที่ด้านหน้าไปมาอย่างสงสัย
“วันนี้พี่จะพากอหญ้ามาช็อปปิ้ง”
“แต่หญ้าไม่ได้อยากได้อะไรนะคะ”
“แต่พี่อยากให้ เราไปกันเถอะ!”
พราวฟ้าจูงแขนเธอให้เดินตามไปต้อย ๆ อย่างที่ไม่สามารถจะปฏิเสธได้ กอหญ้าเองก็ไม่อยากให้พราวฟ้าต้องลำบากใจ เธอจึงเดินตามไปอย่างว่านอนสอนง่าย แต่คนที่ดูจะสนุกที่สุดคงจะไม่พ้นพราวฟ้า เพราะเธอเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ และทุกร้านที่เข้าก็ไม่วายต้องหอบหิ้วถุงออกมาทุกร้าน คนละถุงสองถุง และแน่นอน ทุกอย่างรูดด้วยบัตรของมังกร ฮ่า ฮ่า
“กอหญ้าใส่ชุดนี้แล้วสวยมากเลย”
“แต่หญ้าว่า กระโปรงสั้นไปหน่อยนะคะ”
“ไม่สั้นหรอก ชุดนี้แหละ แล้วก็.. รองเท้าคู่นี้เข้ากันมาก”
“พี่ฟ้าจะให้หญ้าใส่ชุดนี้จริง ๆ หรอคะ”
“ใช่แล้ว ไหน ๆ ก็มาทั้งที น้องสาวพี่ก็ต้องสวย ๆ ซิ”
เมื่อกอหญ้าเห็นว่าไม่น่าจะขัดและห้ามสายตาแน่วแน่ของพราวฟ้าได้ เธอจึงเลยตามเลย สวมชุดที่ซื้อล่าสุดชุดนี้ จ่ายเงินแล้วเดินออกมาสวย ๆ จากร้านทันที ชุดกระโปรงสีฟ้าลุคคุณหนูใส ๆ กระโปรงฟู ๆ ให้ความรู้สึกเหมือนเจ้าหญิง เสื้อเกาะอกสีขาวถูกปิดทับด้วยเสื้อคลุมผืนบางสีฟ้าเข้ากันกับชุด รองเท้าสีฟ้าเข้าชุด พร้อมกับการแต่งหน้าทำผมอ่อน ๆ ยิ่งทำให้เธอดูสวยเป็นที่สะดุดตาของใครหลายคนที่เดินผ่าน
“พี่ฟ้า มันเยอะเกินไปแล้วหรือเปล่าคะ เรากลับกันดีกว่าไหม”
“กอหญ้า เราไม่ได้มาด้วยกันสองคนแบบนี้บ่อย ๆ นะเราต้องเที่ยวให้คุ้มสิ”
“งั้นเราไปต่อร้านไหนดีคะ อิอิ”
“ต้องแบบนี้ซิ ถึงจะเหมาะกับเป็นน้องสาวพี่ .. หิวหรือยัง”
“นิดหน่อยค่ะ พี่ฟ้าหิวหรือยังคะ เราไปหาอะไรทานกันไหม”
“ดีเหมือนกัน งั้นไปร้านนั้นดีกว่า ป่ะ!”
ทั้งคู่พากันเดินเข้ามาในร้านปิ้งย่างชื่อดัง เลือกที่นั่งและรอสั่งอาหาร เมื่อทั้งคู่สั่งอาหารจนเต็มโต๊ะ ก็ได้เวลาลิ้มรสชาติอันโอชะอย่างเอร็ดอร่อย เขาว่ากันว่าผู้หญิงกับความสุขในการกินมันคือของคู่กัน และมันก็ถูกต้องเช่นนั้นเพราะเมื่อทั้งคู่ได้ตักอาหารเข้าปาก เรื่องเจ็บปวดและเสียใจทั้งหลายก็ถูกลืมไปเสียสนิท
“กอหญ้า”
“คะพี่ฟ้า”
“พี่อยากดูหนัง เราไปดูหนังกันต่อดีมั้ย”
“จะสามทุ่มแล้ว น่าจะทันรอบสุดท้ายพอดี”
“โอเคเลย งั้นเดี๋ยวเราไปซื้อตั๋วกัน”
“ค่ะ งั้นเราไปกันเลยไหมคะ เดี๋ยวไม่ทัน”
เมื่อจัดการคิดค่าอาหารทั้งหมดแล้ว ทั้งคู่ก็พากับหอบหิ้วของพะรุงพะรังมาฝากไว้ที่จุดฝากของ และเมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยทั้งคู่ก็รีบวิ่งไปยังจุดขายตั๋วทันที
“แนวรักโรแมนติกคอมเมดี้รอบสุดท้ายมีฉายอยู่ไหมคะ”
“มีค่ะ กี่ที่คะ”
“สี่ที่ครับ”
“เฮียมาได้ไง”
“ก็ดึกแล้ว เฮียโทรหาก็ไม่รับ ทักหาก็ไม่ตอบ”
“ก็พราวบอกว่าจะมาเที่ยวกับกอหญ้าไง”
“ก็ .. ไอ้ราชันย์อยากดูหนัง เฮียแค่มาเป็นเพื่อน”
“แล้วรู้ได้ไงว่าพราวอยู่นี่”
“GPS”
พราวฟ้าที่ยืนหน้าย่นไม่สบอารมณ์ ยิ่งทำให้มังกรอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก มังกรหันไปพยักหน้าให้คนขายอีกครั้ง ทำการเลือกที่นั่งและซื้อน้ำกับป๊อปคอร์นมาอีกสองชุด เมื่อดูเวลาก็เห็นว่ายังมีเวลาว่างอีกกว่ายี่สิบนาที พราวฟ้ารีบเดินจ้ำอ้าวมาหากอหญ้าที่ยืนรออยู่ก่อนหน้าที่บัดนี้มีอีกคนยืนมองไม่ละสายตาอยู่ข้าง ๆ
“มองขนาดนั้นเขมือบน้องลงไปเลยไหมราชันย์”
“เขมือบได้หรอ”
“เราประชด!”
“ทำไมแต่งตัวแบบนี้ มีแต่คนมองไม่เห็นหรอ”
“คือ ..”
“กระโปรงก็สั้น เสื้อก็บาง จะเอาไปโชว์ใคร”
“อย่าไปดุน้องสิราชันย์ ชุดนี้พราวเป็นคนเลือกเอง กอหญ้าสวยขนาดนี้ จะให้แต่งเป็นป้าเฉิ่ม ๆ มันไม่ได้ไหม”
“แต่งเฉิ่ม ๆ ก็พอแล้ว จะแต่งสวยไปทำไม”
“ก็เผื่อน้องจะไปสะดุดสายตาคนอื่น ที่เขาเห็นค่าของน้องมากกว่าแม่บ้านไงราชันย์”
“พราวฟ้า! ถึงเธอจะเป็นเมียไอ้มังกร ฉันก็ตีหัวเธอได้นะ พูดอะไรให้เข้าหูหน่อย”
“แล้วฉันพูดไม่เข้าหูยังไง ถ้าไม่เข้าหูแล้วนายจะได้ยินหรอ จริงไหม?”
“พราว!”
“พอแล้ว ๆ ทั้งคู่เลย มาเถียงอะไรกันเป็นเด็กเลย คนอื่นมองหมดแล้ว ..ราชันย์ นี่ตั๋วของนายกับกอหญ้า ส่วนนี้น้ำเอาไปด้วย กูขี้เกียจถือ”
ราชันย์รับตั๋ว น้ำและป๊อปคอร์นมาถือไว้นิ่ง ๆ ก่อนจะหยิกแขนเสื้อคลุมผืนบางของกอหญ้าให้เดินตามมานั่งที่เก้าอี้ที่ว่างอยู่ข้าง ๆ กอหญ้าเองก็ไม่ได้ตอบหรือขัดขืนอะไรให้เกิดเรื่องราวใหญ่โต เธอเดินตามแรงดึงที่เสื้อมานั่งลงเงียบ ๆ แต่รับรู้ได้เลยว่าสายตาของราชันย์ยังคงจ้องแผ่รังสีอำมหิตยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่ไปไหน มันยิ่งสร้างความอึดอัดให้กับเธอขึ้นไปอีก
“เฮียจะพาราชันย์มาทำไม กว่าพราวจะทำให้น้องอารมณ์ดีได้ต้องใช้เวลามากเลยนะ”
“เฮียไม่ได้พามา .. มันเป็นคนพาเฮียมา”
“มาทำไมก็ไม่รู้ กอหญ้าอึดอัดเฮียเห็นไหม พราวจะไปคุยกับน้อง”
“อย่าไปเลย ไอ้ราชันย์มันเป็นห่วงกอหญ้า ถึงพาเฮียมา”
“หึ เป็นห่วงงั้นหรอ ใครจะไปเชื่อ”
“พราวโกรธราชันย์ แต่มาลงกับเฮีย เฮียน้อยใจแล้วนะ”
“ก็..ก็พราวโมโหนี่นา”
“งั้นตอนนี้เรามาคุยกันดี ๆ เนาะ เดี๋ยวกลับไป เฮียจัดชุดขอโทษให้ชุดใหญ่เลย”
“เฮีย!”