กลับมาทำไม

1802 คำ
ตอนที่ 3 กลับมาทำไม "มาทำงานกันแต่เช้าเลย พักอยู่แถวนี้เหรอ" ขุนพลเอ่ยทักทายเมื่อเห็นปรางขวัญกับชัยพฤกษ์เดินเข้าห้องทำงานมาในเวลาเจ็ดโมงตรง บริษัทนี้จะเริ่มงานเวลาเก้าโมงตรง และเลิกงานห้าโมงตรง ตอนนี้เพิ่งจะเจ็ดโมงยังไม่ถึงเวลาเข้างานด้วยซ้ำ ขุนพลจึงแปลกใจนิดหน่อยที่เห็นทั้งคู่มาถึงที่ทำงานในเวลานี้ เพราะพนักงานส่วนมากมักจะมาในเวลาใกล้ ๆ จะเริ่มงานนู่นแหละ ชัยพฤกษ์กับปรางขวัญยกมือไหว้วิศวกรรุ่นพี่ ก่อนที่ปรางขวัญจะเป็นคนตอบ "ที่พักของพวกเราห่างจากที่นี่ประมาณห้ากิโลค่ะ แต่ยังปรับเวลากันไม่ได้ กลัวรถติดด้วย วันนี้เลยออกเช้ากันก่อน กลัวจะมาทำงานสายค่ะ" ขึ้นชื่อว่ากรุงเทพมหานคร เป็นเมืองที่รถติดติดอันดับ Top ten ของโลก ไว้ใจเรื่องเวลาไม่ได้เด็ดขาด ต้องเผื่อเวลาเดินทางเอาไว้มาก ๆ "แค่ห้ากิโล ก็ใกล้ ๆ เอง ออกสักแปดโมงก็ทัน แต่ถ้าจะมาทานมื้อเช้าที่นี่ก็ออกสักเจ็ดโมงครึ่ง กำลังดีเลย" ขุนพลแนะนำรุ่นน้องทั้งสองด้วยความชำนาญ เพราะอาศัยและใช้รถใช้ถนนในกรุงเทพฯ มานานพอสมควร "แล้ววันนี้ทานข้าวกันมาหรือยังล่ะ" "ยังเลยค่ะ" "งั้นไปทานด้วยกันสิ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง" ปรางขวัญหันไปมองชัยพฤกษ์อย่างขอความเห็น ชายหนุ่มรู้สึกว่าไม่ควรปฏิเสธไมตรีที่รุ่นพี่หยิบยื่นให้จึงพยักหน้า เบา ๆ ให้ ปรางขวัญจึงหันไปตอบตกลงรับคำชวนของขุนพล "ได้ค่ะ เดี๋ยวขวัญขอเอากระเป๋าไปเก็บที่โต๊ะสักครู่นะคะ" "ได้สิ งั้นเดี๋ยวพี่ออกไปรอข้างนอกนะ เสร็จแล้วก็ค่อยตามออกไป" ว่าจบขุนพลก็หยิบกระเป๋าเงินแล้วเดินออกไปรอข้างนอกตามที่บอกทันที ไม่นานชัยพฤกษ์กับปรางขวัญก็เดินออกมา ทั้งสามพยักหน้าให้กัน ส่งสัญญาณว่าพร้อมแล้ว จากนั้นขุนพลก็เดินนำปรางขวัญกับชัยพฤกษ์ลงไปยังฟู้ดคอร์ตของบริษัทเลยทันที มาถึงขุนพลก็ทำหน้าที่เป็นไกด์ที่ดี แนะนำร้านอาหาร ต่าง ๆ ให้ทั้งคู่ได้พิจารณาเลือก ร้านไหนได้เยอะ ร้านไหนได้น้อย ร้านนี้แม่ค้าเป็นยังไง ร้านนู้นแม่ค้าปากร้ายแต่ทำกับข้าวอร่อย แนะนำจนครบทุกร้านก็ยื่นการ์ดที่แลกตอนเดินเข้ามาให้ชัยพฤกษ์กับปรางขวัญคนละใบ ก่อนจะเดินแยกไปซื้อข้าวของตัวเอง แล้วเดินไปนั่งรอที่โต๊ะ "ปกติพี่ขุนมาเช้าแบบนี้ทุกวันเลยเหรอครับ" ชัยพฤกษ์เอ่ยถามอย่างชวนคุยหลังจากนั่งรับประทานข้าวด้วยกันมาได้สักพักแล้ว "อือ พี่มาเวลานี้ทุกวันแหละ ออกพร้อมเมียน่ะ เมียพี่เข้างานเช้า ต้องไปส่งเมียที่บริษัทของเขาก่อน" ปรางขวัญยิ้มนิด ๆ เพราะสัมผัสได้ถึงความรักที่ขุนพลมีต่อภรรยา ประโยคเมื่อกี้อาจจะฟังดูเหมือนบ่น แต่ดูจากสีหน้าแล้วไม่น่าจะเป็นการฝืน ออกจะดูเต็มใจเสียด้วยซ้ำ "แล้วเราสองคนล่ะ คบกันนานหรือยัง" คำถามของขุนพลทำเอาชัยพฤกษ์กับปรางขวัญนิ่งไป ชัยพฤกษ์นิ่งเพราะรอฟังว่าปรางขวัญจะตอบว่ายังไง ส่วนปรางขวัญนิ่งเพราะไม่รู้จะตอบรุ่นพี่ยังไง เพราะเธอรู้อยู่เต็มอกว่าชัยพฤกษ์คิดยังไงกับเธอ ถ้าเธอตอบออกไปตรง ๆ ก็กลัวจะเป็นการทำร้ายความรู้สึกของอีกฝ่าย "เราสองคนไม่ได้คบกันครับ" สุดท้ายชัยพฤกษ์ก็เป็นฝ่ายตอบ แววตาเขาไหววูบไปเล็กน้อยก่อนจะกลับมาปกติเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว แต่แน่นอนว่าช้าไป เพราะขุนพลที่นั่งตรงข้ามสายตาเร็วพอที่จะสังเกตเห็นแววตาไหววูบของชัยพฤกษ์ ทำให้พอเข้าใจอะไรได้บ้างแล้ว "เอ่อ...พี่ขอโทษนะ เห็นสนิทกันพี่ก็เลยคิดว่าคบกัน" จริง ๆ ก็ไม่ใช่แค่เขาหรอก แทบจะทุกคนที่ทำงานอยู่ในฝ่ายเดียวกัน ก็ต่างคิดว่าชัยพฤกษ์กับปรางขวัญเป็นแฟนกันทั้งนั้น ชัยพฤกษ์ก้มหน้าลงมือรับประทานข้าวต่อ ส่วนปรางขวัญยิ้มรับบาง ๆ แล้วเขี่ยข้าวในจานไปมา พลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงตัดสินใจเอ่ยถาม "เอ่อ...พี่ขุนคะ ขวัญมีเรื่องจะถามหน่อยค่ะ" "ครับ ว่าไง ถามมาได้เลย" ขุนพลขานรับพร้อมเงยหน้าขึ้นจากจานข้าว เลิกคิ้วขึ้นนิด ๆ รอว่าหญิงสาวรุ่นน้องจะถามอะไร "วันนี้หัวหน้า เอ่อ...จะเข้าบริษัทหรือเปล่าคะ" เธอเสียงสั่นนิดหน่อย อันที่จริงเธอยังไม่รู้หรอกว่าใครคือหัวหน้าฝ่ายที่เธอทำงานอยู่ แต่เธอก็ค่อนข้างแน่ใจว่าต้องเป็น ‘เขา’ แน่ ๆ เพราะเขากับเธอเรียนสาขาเดียวกัน อีกอย่างเมื่อวานนี้เธอได้ยินพี่ที่ทำงานโต๊ะข้าง ๆ คุยกันถึงหัวหน้า แว่ว ๆ ว่าชื่อ ‘ริว’ และเธอรู้ว่ายังไงก็ต้องได้เจอกับเขาในเร็ว ๆ นี้แน่นอน แต่ก็ได้แต่ภาวนาให้วันนี้เขาไม่เข้าบริษัท ยืดเวลาออกไปให้เธอทำใจอีกสักวัน เธอยังไม่พร้อมที่จะเจอเขาตอนนี้ ทว่าเหมือนว่าคำภาวนาของเธอจะไม่ได้ผลเสียแล้ว "น่าจะเข้านะ ได้ยินไอ้จอร์จมันบอกอยู่ว่าวันนี้คุณริวจะเข้าบริษัท" หลังจากพี่ขุนพลพูดจบ จู่ ๆ หัวใจของปรางขวัญก็เต้นแรงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เกิดความรู้สึกที่เธอก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน และแน่นอนว่าเธอไม่ได้รู้สึกดีใจเลยสักนิดที่จะได้เจอเขา เพราะความรู้สึกของเธอตอนนี้มันค่อนไปหาคำว่า ‘กลัว’ มากกว่า... "แล้วหัวหน้าเป็นคนยังไงเหรอครับ" คราวนี้ชัยพฤกษ์ถามบ้างด้วยความอยากรู้ "ถ้าเป็นเรื่องงานก็จะจริงจังทุกอย่าง แต่ใจดีนะ คุณริวเป็นคนง่าย ๆ กินง่ายอยู่ง่าย มีเหตุผล ถ้ามีปัญหาอะไรก็คุยได้ หรือไม่ถ้าเหงา ๆ ก็ชวนไปเที่ยวได้ คุณริวกับไอ้จอร์จนั่นน่ะเที่ยวกันประจำเลย แต่ถ้าชวนพี่ พี่คงไปด้วยไม่ได้ทุกครั้งหรอก เมียดุ" ขุนพลว่าอย่างขำ ๆ ชัยพฤกษ์พยักหน้าเข้าใจพลางขำออกมาเบา ๆ ตอนที่ขุนพลบอกว่าเมียดุ จากนั้นทั้งสามก็รับประทานข้าวต่อและพูดคุยกันต่อนิดหน่อย พอทานข้าวเสร็จก็ยังเหลือเวลาอีก เกือบ ๆ หนึ่งชั่วโมง ขุนพลจึงชวนทั้งคู่ออกไปซื้อกาแฟหน้าบริษัท แน่นอนว่าขุนพลเลี้ยงเหมือนเดิม ทั้งสองไม่มีใครกล้าปฏิเสธ จึงต้องรับน้ำใจจากรุ่นพี่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังจากได้กาแฟมาถือกันคนละแก้ว ทั้งสามคนก็เดินกลับเข้าบริษัทเพราะใกล้จะถึงเวลาทำงานแล้ว เดินออกลิฟต์มา ก็เห็นจิรายุกำลังหอบหิ้วถุงพะรุงพะรังออกมาจากลิฟต์อีกตัวพอดี ขุนพลจึงเอ่ยถาม "ไอ้จอร์จ หิ้วอะไรมาเยอะแยะวะ" "ของฝากจากพี่ริวอะพี่ บังเอิญเจอกันอยู่ที่จอดรถ ได้ทีใช้ผมยกของเฉยเลย" จิรายุบ่นสีหน้าเซ็ง ๆ พลางยื่นถุงบางส่วนให้ชัยพฤกษ์ที่ยื่นมือออกไปอาสาช่วยถือ ปรางขวัญก็ยื่นมือออกไปอาสาจะช่วยอีกคน แต่ชัยพฤกษ์ส่ายหน้าพร้อมบอกว่าไม่เป็นไร และถือที่จิรายุส่งมาทั้งหมด ขุนพลรู้ดีว่าจิรายุก็แค่บ่นไปงั้นไม่ได้จริงจังอะไรมากหรอก เพราะเจ้านายกับลูกน้องคู่นี้ซี้กันจะตาย "แล้วตอนนี้คุณริวอยู่ไหนแล้วล่ะ" ขุนพลถามต่อ เพราะต้องพาน้องใหม่ทั้งสองคนไปแนะนำให้รู้จัก "แวะขึ้นไปหาท่านรองฯ เดี๋ยวก็ลงมา" ท่านรองฯ ที่จิรายุพูดถึงก็คือคีรินภัทรและศรัณภัทร พี่ชายทั้งสองคนของภัท**นนที่ตอนนี้นั่งเก้าอี้ผู้บริหารในตำแหน่งรองประธานกรรมการบริหารทั้งสองคน โดยมีประวิตรบิดาของเขานั่งเก้าอี้ประธาน อันที่จริงภัท**นนก็มีสิทธิ์ขึ้นไปนั่งเก้าอี้บริหาร แต่เขาปฏิเสธ เขาอยากทำงานขั้นปฏิบัติตรงนี้ เพราะเขาชอบอะไรที่มันลุย ๆ มากกว่า เข้ามาในห้องปรางขวัญก็รีบเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเองทันที มือไม้สั่น สติเริ่มหลุดไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จนเธอต้องสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ แล้วบอกให้ตัวเองตั้งสติดี ๆ ไม่ว่าจะช้าจะเร็วยังไงก็ต้องเจอ เธอเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว และไม่ปล่อยให้เธอได้ตั้งสตินาน ก็มีเสียงทักทายกันดังขึ้น ก่อนที่จะมีเสียงของผู้มาใหม่ทักทายกลับอย่างอารมณ์ดี "หวัดดีครับทุกคน เมื่อวานผมไปตรวจไซต์งานที่เพชรบุรีมา เลยซื้อหม้อแกงมาฝาก เอาไว้ทานที่นี่แล้วก็เอากลับไปฝากคนที่บ้านด้วยนะ ผมซื้อมาให้คนละสามกล่อง" ภัท**นนบอกและยิ้มให้อย่างใจดีพลางกวาดสายตามองรอบห้อง ก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะเลือนหายไปจากใบหน้าหล่อเหลาอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นใครบางคนที่เอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตา ไม่ยอมเงยขึ้นมาสบตากับเขา ปรางขวัญ...เป็นเธอจริง ๆ ด้วย ที่เขาคิดว่าโลกคงไม่ได้กลมขนาดนั้น เขาคงคิดผิดเสียแล้วละ เพราะโลกนี้มันกลมกว่าที่เขาคิด แต่ก็นะ...ไม่รู้ว่าโลกมันกลม หรือว่ามีใครบางคนจงใจที่จะให้มันเป็นแบบนี้กันแน่ หึ! จิรายุเห็นเจ้านายหนุ่มนิ่งไปและไม่ได้รับรู้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของเขา จึงรีบเดินเข้าไปใกล้ ๆ แล้วเอียงตัวเข้าไปกระซิบเสียงเบา "เห็นไหมลูกพี่ มองตาค้างเลยดิ ผมบอกแล้วว่าสวย สวยแบบโคตรสวยเลย แต่เสียดาย เพราะผัวเขานั่งอยู่ ข้าง ๆ" ภัท**นนไม่ได้สนใจสิ่งที่ลูกน้องพูดเลยสักนิด เขาเดินตรงเข้าไปหาปรางขวัญแล้วฉุดกระชากแขนเธอให้ลุกขึ้น ก่อนจะลากเธอเข้าไปในห้องทำงานของตัวเองและใช้เท้าถีบปิดประตูเสียงดังลั่น โดยไม่ฟังเสียงห้ามของชัยพฤกษ์และไม่สนใจว่าใครจะคิดยังไง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม