“อาการออก”

2545 คำ
[หมoก : พักเที่ยงกินข้าวกับฉัน] หืม… เขาเป็นอะไรของเขาเนี่ย? ร้อยวันพันปีไม่เคยชวนไปกินข้าว ถ้าไม่ใช่เพราะป้าสุบังคับ คนอย่างเขาน่ะหรอ จะอยู่ดี ๆ ส่งข้อความมาชวนแบบนี้? สองสามวันมานี้ฉันก็ว่าแปลก ๆ เขาดูนิ่ง…แต่นิ่งแปลกแล้วฉันก็รู้สึกแปลก ๆ กับเขาขึ้นทุกวันด้วยสิ ฉันยืนจ้องหน้าจอมือถืออย่างไม่เข้าใจ ข้อความสั้น ๆ จากเขากำลังวนเวียนอยู่ในหัว จนไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตัวเองเดินช้ากว่าปกติ “ไอหวาน! เดินเร็ว ๆ ดิ มัวแต่จ้องโทรศัพท์อยู่นั่นแหละ” เสียงเมย์ดังขึ้นจากด้านหลัง ก่อนเจ้าตัวจะเดินแซงหน้าฉันไปเล็กน้อย เธอหันมามองฉันแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ “ทำไมล่ะ…พี่หมอกทักมาหรือไง?” ฉันสะดุ้งเล็กน้อย รีบกดปิดหน้าจอมือถือทันที หัวใจกระตุกแปลก ๆ อย่างบอกไม่ถูก มันก็แค่ข้อความชวนไปกินข้าว…แต่ทำไมถึงทำให้ใจเต้นแรงแบบนี้นะ? “อ๋อ…ไม่มีอะไร แม่ทักมาน่ะ” ฉันตอบเมย์ไปแบบปัด ๆ พยายามเก็บสีหน้าให้ดูเฉยชาเหมือนไม่มีอะไร ทั้งที่ในใจยังเต้นตุบ ๆ ไม่หยุด พอพูดจบ ฉันก็รีบก้าวขาให้เร็วขึ้นเพื่อเดินให้ทันเพื่อน ๆ มุ่งหน้าไปที่ศูนย์อาหารกลางตามปกติ… แค่ภายนอกเท่านั้นแหละที่ดูเหมือนปกติ เพราะข้างในฉันวุ่นวายชะมัด ——— …กลุ่มหนุ่มวิศวะยังคงนั่งกระจายกันอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในมุมประจำ ลมพัดเอื่อย ๆ พอให้คลายร้อนในวันแดดจัด “ไปไหนวะ ไอ้หมอก” แทนไทถามขึ้นเมื่อเห็นหมอกลุกขึ้นจากโต๊ะ หยิบโทรศัพท์เก็บใส่กระเป๋ากางเกงอย่างรู้จุดหมาย “แดกข้าว” หมอกตอบเรียบ ๆ น้ำเสียงนิ่งตามสไตล์ ก่อนจะหมุนตัวเตรียมเดินออกไป “เออ ไปด้วยดิ ตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงกระเพาะเลย” กองทัพที่เงยหน้าจากแฟ้มเอกสารกองโตรีบเสริมอย่างหิวจัด “งั้นก็ไปพร้อมกันนี่แหละ กูจะได้ไปนั่งดูสาว ๆ ด้วย” เจเจว่าเสียงลั่น พร้อมยิ้มกว้างอย่างเคย ทุกคนที่ได้ยินต่างพากันหันไปมองเจเจเป็นตาเดียว… “หิวข้าว หรือหิวสาวกันแน่วะมึง” ไทเกอร์แซวเข้าให้ จนเสียงหัวเราะดังขึ้นทั่วโต๊ะ ——— กลุ่มวิศวะหนุ่มห้าคนค่อย ๆ ลุกเดินจากมุมใต้ต้นไม้ใหญ่ มุ่งหน้าไปยังศูนย์อาหารกลางอย่างอารมณ์ดี เสียงพูดคุยหยอกล้อกันตลอดทาง แม้อากาศจะร้อนแต่ก็ไม่ได้ทำให้อารมณ์เสีย “นี่มึงนัดใครไว้หรือเปล่าวะ ถึงรีบเดินขนาดนี้” แทนไทหรี่ตามองหมอกอย่างจับผิด มือก็ยังถือขวดน้ำจิบไปด้วย หมอกไม่ตอบอะไร เพียงแค่ก้มหน้ามองโทรศัพท์ในมือที่ไม่มีการตอบกลับจากข้อความที่เขาส่งไปก่อนหน้านี้ [หมoก : พักเที่ยงกินข้าวกับฉัน] เงียบ… ไม่มีแม้แต่ “โอเค” หรือ “ไม่ว่าง” เขาไม่ชินกับการรอแบบนี้ มันชวนให้หงุดหงิดนิด ๆ ในใจ แต่ใบหน้าก็ยังนิ่งเหมือนเดิม “เอ้า! หรือว่า… ไอ้หมอกทักไปชวนใครแล้วเขาไม่ตอบวะ ฮ่า ๆๆๆ” เจเจกระเซ้าเสียงดัง เล่นเอาทุกคนหันไปสนใจ “หุบปากไปเลยมึง” หมอกตอบเรียบ ๆ แต่สายตาเหล่มองไปทางเจเจอย่างเตือน “เฮ้ยๆๆ อย่าบอกนะว่า…” แทนไททำตาโตเล็กน้อย “…น้องน้ำหวาน?” “เงียบไปเลย” หมอกพูดสั้น ๆ พร้อมก้าวขาเร็วขึ้น ทิ้งห่างเพื่อนที่เริ่มแซวจนเสียงหัวเราะดังตามหลังมา “แม่งงง น่ารักฉิบหายเลยว่ะ กูชักอยากเห็นตอนคู่นี้ไปกินข้าวด้วยกันแล้วสิวะ” ไทเกอร์ว่าเบา ๆ กับกองทัพที่เดินเคียงข้าง “รอดูตอนไอหมอกยิ้มดิ กูให้ร้อยนึงเลยถ้ามันจะยิ้มเกินสามวินาที” กองทัพหัวเราะเบา ๆ แล้วกลุ่มวิศวะก็ค่อย ๆ มาถึงหน้าศูนย์อาหาร… สายตาของหมอกสอดส่องหาบางคนที่เขาอยากเห็นก่อนใคร แต่กลับยังไม่เจอเธอ “ยังไม่มาอีกเหรอวะ…” เขาพึมพำเบา ๆ พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง ศูนย์อาหารกลางเริ่มแน่นขนัดด้วยนักศึกษาจากหลากหลายคณะที่ทยอยมาหาอะไรกินในช่วงพักเที่ยง ฉัน แจม เมย์ แบมแบม และนุ่นเพิ่งเดินมาถึง หน้าศูนย์อาหารมีโต๊ะนั่งใต้ร่มไม้บางโต๊ะว่างอยู่ “ไปหาโต๊ะก่อน เดี๋ยวกูไปซื้อข้าวมาให้” แบมแบมอาสา แล้วรีบเดินแยกออกไป ฉัน แจม เมย์กำลังจะเดินตามนุ่นไปหาที่นั่ง แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งเรียกไว้ก่อน “น้องครับ เรียนคณะอะไรเหรอ?” ฉันหันไปมอง ก่อนจะพบกับผู้ชายคนหนึ่ง ใส่เสื้อวิศวะสีเลือดหมู ดูรุ่นพี่นิด ๆ เขายิ้มให้แบบมั่นใจสุดขีด “เอ่อ…วิศวะค่ะ” ฉันตอบไปด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่ก็ไม่ได้หยุดยิ้มให้ “อ๋อ เรียนวิศวะเหมือนกันนี่เอง ถึงว่าทำไมถึงดูน่ารักขนาดนี้” เขาหยอดประโยคที่ชัดเจนว่าไม่ใช่คำถามทั่วไป ฉันยิ้มเจื่อน ๆ พยายามถอยหลังหน่อย ๆ “ขอโทษนะคะ กำลังจะไปกินข้าวกับเพื่อน” “งั้นกินด้วยกันเลยไหมล่ะ พี่กำลังจะเข้าไปเหมือนกัน” เขายังไม่ละความพยายาม “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะ” ฉันพูดพร้อมโค้งหัวเล็กน้อยแล้วรีบจะเดินหนี แต่พอฉันหมุนตัวออกมา ดันเจอสายตาใครบางคนที่มองมาจากระยะไม่ไกล แทนไทที่ยืนอยู่ข้างหมอก มือถือขวดน้ำอยู่กลางอากาศ ดวงตาเบิกนิด ๆ เมื่อเห็นฉากเมื่อครู่ชัดถนัด เขาหันไปแตะไหล่หมอกเบา ๆ “เห้ย…ดูนั่นดิ” หมอกที่ยังดูหงุดหงิดเล็กน้อยจากการไม่ได้รับข้อความตอบกลับ ก็หันตามสายตาแทนไทไปทันที แล้วก็เห็น… น้ำหวานที่เหมือนจะกำลังพยายามเลี่ยงผู้ชายคนหนึ่งอยู่ หน้าของเขาเริ่มเปลี่ยนสีอย่างช้า ๆ จากเรียบเฉยเป็นนิ่งสนิท พร้อมกับแววตาเย็นเฉียบจ้องตรงไปยังฉากตรงหน้า “เอาแล้ว…อาการหึงกำเนิบแน่เลย” เจเจพึมพำเบา ๆ หมอกจ้องภาพตรงหน้าโดยไม่พูดอะไรซักคำ สีหน้าเขานิ่งสนิทเกินกว่าปกติ เหมือนความเงียบรอบตัวกลายเป็นเสียงดังที่สุดในหู เขาขยับเท้าเดินออกไปโดยไม่รอให้ใครพูดอะไร “เฮ้ยๆๆ ไอหมอกจะไปไหนวะ!” เจเจอุทานเบา ๆ “อย่าบอกนะว่าจะเข้าไปจริง…” แทนไทพึมพำกับตัวเองก่อนจะรีบเดินตามไป หมอกก้าวเดินไปยังโต๊ะด้านหน้าอย่างมั่นคง สายตาเขาไม่ได้หลุดจากร่างเล็กของน้ำหวานเลยแม้แต่น้อย ขณะที่ผู้ชายคนนั้นยังไม่ทันสังเกต ร่างสูงในเสื้อช็อปอีกสีก็มาหยุดยืนอยู่ข้างๆ น้ำหวาน “มีอะไรกัน?” เสียงทุ้มต่ำของหมอกดังขึ้น เรียบ เย็น และไม่เปิดช่องว่างให้ตีความ น้ำหวานชะงัก ใจเต้นแรงขึ้นทันที เงยหน้าขึ้นสบตาเขาอย่างตกใจ ส่วนพี่วิศวะคนนั้นชะงักเล็กน้อย ก่อนจะถามกลับอย่างไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคือใคร “ใครเหรอครับ?” หมอกไม่ได้ตอบคำถามนั้น แต่กลับเอื้อมมือไปจับข้อมือของน้ำหวานเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง “ฉันรอนานแล้ว ไปกินข้าว” น้ำหวานเบิกตากว้างนิดหน่อย แต่ก็ยอมเดินตามเขาไปเงียบ ๆ โดยไม่ปริปากอะไร พี่คนนั้นได้แต่มองตามงง ๆ ก่อนจะหันไปทางเพื่อนๆ น้ำหวานที่ยืนอึ้งกันทั้งแถบ แทนไทที่ยืนดูอยู่ห่าง ๆ ถึงกับหลุดหัวเราะเบา ๆ แล้วเอ่ยถามเจเจ “รู้ยังล่ะ ว่าเพื่อนมึงนัดใครไว้” แทนไทหันไปพูดกับเจเจพลางยักคิ้วใส่ เจเจที่ยืนอ้าปากค้างมองเหตุการณ์อยู่ถึงกับหลุดหัวเราะเบา ๆ “เห้ย…กูนึกว่ามันพูดเล่น ที่แท้คือ น้องหวานจริง ๆ ว่ะ!” ไทเกอร์ที่เดินตามมาทีหลังยกมือปิดปากหัวเราะ “แถมเดินเข้าไปแบบไม่เปิดโอกาสให้ไอ้นั่นหายใจเลยด้วย” “ช่วงนี้กูตกข่าวไปเยอะนะ ตามไม่ทันเลย” กองทัพเสริม พร้อมกับปรายตามองร่างสูงที่เดินเคียงข้างผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ไปยังโรงอาหาร “ทีงี้ล่ะ อาการชัดเจนเลย” แทนไทพูดพลางยกมือล้วงกระเป๋ากางเกง ส่ายหน้ายิ้ม ๆ อย่างเอ็นดูเพื่อน “เดี๋ยวพวกกูก็ต้องไปแสดงความยินดีแล้วมั้ง…งานเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการ” ——— ฉันนั่งลงที่โต๊ะโดยมีพี่หมอกนั่งลงฝั่งตรงข้าม พร้อมอาหารในมือที่เขาเพิ่งซื้อเสร็จ รู้สึกแปลก ๆ ยังไงก็ไม่รู้ ไม่ใช่แค่เพราะสายตาหลายคู่จากโต๊ะอื่นที่มองมาทางเรา แต่เพราะคนตรงหน้าดูนิ่งเกินไปจนฉันอ่านไม่ออก “เมื่อกี้…” ฉันพูดขึ้นเบา ๆ ระหว่างที่เขากำลังคลุกข้าวในจานตัวเอง “ทำแบบนั้นทำไมเหรอ” พี่หมอกเงยหน้ามองฉัน ดวงตานิ่ง ๆ คู่นั้นยังเหมือนเดิม ไม่มีอารมณ์อะไรเลย แต่กลับทำให้ฉันใจเต้นได้ทุกที “ไม่ชอบให้ใครมายืนใกล้เธอ” เขาพูดเรียบ ๆ ก่อนจะตักข้าวเข้าปากเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันชะงัก กะพริบตาถี่ ๆ แล้วรีบหลบสายตาเขา พลางก้มหน้ากินข้าวแทน ให้ตายเถอะ…นี่มันอะไรของเขาอีกเนี่ย อยู่ดี ๆ มาทำให้ใจเต้นเฉยเลย เพื่อน ๆ ของฉันที่นั่งกระจายกันอยู่โต๊ะอื่นคงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดชัดเจน เพราะไม่ถึงนาที ไลน์กลุ่ม “หวานหวี” ก็เด้งรัว ๆ จนฉันแทบไม่กล้าเปิดดู แจม : “ไม่ชอบให้ใครมายืนใกล้เธอ แหวะ จะอ้วกค่ะพี่!!” เมย์ : “สายตาแบบนี้หึงมึงแน่เลยไอหวาน” นุ่น : “นิ่ง เย็นชา แต่สนใจเธอคนเดียว พี่หมอกนี่พระเอกซีรีส์ในดวงใจกูเลย” แบมแบม : “แดกข้าว” ฉันเผลอกลั้นขำจนเกือบสำลักข้าว รีบยกน้ำขึ้นมาดื่มพลางเบือนหน้าหนีไม่ให้เขาเห็นว่าฉันกำลังขำกับอะไรอยู่ แต่สายตาเขานี่สิ… เหมือนจะรู้ “เป็นอะไร” เขาถามขึ้นเบา ๆ น้ำเสียงยังนิ่งเหมือนเดิม แต่แววตานี่มันจับผิดชัด ๆ “เปล่าค่ะ แค่ข้าวติดคอนิดหน่อย” ฉันตอบพลางรีบก้มหน้ากินข้าวต่อ …แล้วฉันก็รีบพิมพ์ตอบเพื่อนในกลุ่มแบบเงียบ ๆ ใต้โต๊ะ ฉัน : “พวกแกหยุดแซวได้ละ!! เขานั่งตรงหน้ากู!!” ยังไม่ทันได้กดล็อกหน้าจอ เสียงทุ้ม ๆ ของคนตรงหน้าก็ดังขึ้นเบา ๆ แต่ชัดเจนพอให้ใจสะดุ้ง “ตอนเย็นเลิกกิจกรรมแล้ว รอกลับพร้อมฉัน” ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขาทันที “หวานกลับเองได้ค่ะ” เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แต่ฟังแล้วรู้สึกแปลก ๆ อย่างบอกไม่ถูก “แม่บังคับ” ——— 17.30 น. เสียงประกาศจากไมค์กลางสนามกิจกรรมเรียกความสนใจจากนักศึกษาปีหนึ่งทุกคนที่นั่งกระจายกันเป็นกลุ่มเล็กใหญ่ใต้ร่มไม้ “ถึงเวลาของกิจกรรมจับสายรหัสแล้วนะค้าบบบบบ ปีหนึ่งเตรียมตัวให้พร้อมเลยนะ!” ฉันมองไปรอบ ๆ สนามหญ้าหน้าคณะที่เต็มไปด้วยรุ่นพี่รุ่นน้อง เสียงหัวเราะดังขึ้นเป็นระยะจากกลุ่มต่าง ๆ บางคนดูตื่นเต้น บางคนก็ลุ้นว่าจะได้พี่สายรหัสแบบไหน “ตื่นเต้นไหมมึง” เมย์สะกิดฉันเบา ๆ ขณะที่เรานั่งล้อมวงกันอยู่กับเพื่อนอีกสองสามคน “นิดหน่อยอ่ะ…” ฉันตอบพลางมองไปรอบ ๆ ก่อนสายตาจะไปสะดุดเข้ากับใครบางคนที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามสนาม พี่หมอก… เขายืนพิงเสาไฟต้นหนึ่งอย่างไม่สนใจใคร มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกง ส่วนอีกข้างถือขวดน้ำไว้หลวม ๆ ท่าทางนิ่ง ๆ เย็น ๆ แบบนั้น…แต่ฉันรู้ว่าเขาเห็นฉัน แล้วอยู่ดี ๆ ก็มีข้อความแจ้งเตือนเด้งขึ้นบนหน้าจอ หมoก : ถ้าได้สายรหัสเป็นฉัน จะหนีไหม ฉันยิ้มขำออกมาเบา ๆ ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไปใต้โต๊ะ ฉัน : จะหนีทำไมคะ ดีซะอีก ถ้าได้พี่เป็นสายรหัสแล้วถ้าพี่แกล้งหวาน หวานก็จะไปฟ้องป้าสุ หมoก : ดี จะได้ไม่ต้องสุ่ม ฉันชะงัก แล้วเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้ง พี่หมอกส่งยิ้มมุมปากให้ รอยยิ้มที่นาน ๆ ทีจะเห็น และมักทำให้หัวใจฉันเต้นผิดจังหวะเสมอ ไม่ทันไร รุ่นพี่พิธีกรก็พูดขึ้นอีกครั้ง “โอเค! ตอนนี้ขอให้น้อง ๆ มายืนต่อแถวรับสุ่มสายรหัสกันได้เลย!” ฉันลุกขึ้นด้วยหัวใจที่เต้นแรงกว่าปกติ ถ้าพี่หมอกพูดจริง…วันนี้ฉันอาจจะได้รู้คำตอบอะไรบางอย่างก็ได้ เสียงรุ่นพี่ปีสองประกาศกิจกรรมช่วงเย็นด้วยน้ำเสียงร่าเริง “ต่อไปนะครับ กิจกรรมจับสายรหัส~ ขอให้น้อง ๆ ทุกคนจับได้พี่ที่ถูกใจนะ!” ฉันยืนอยู่แถวกลาง ๆ ของกลุ่มปีหนึ่ง หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะตอนที่เห็นกล่องกระดาษถูกเวียนมาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ “น้องน้ำหวาน เชิญเลยครับ!” ฉันเดินออกไปหน้ากลุ่ม ยกมือรับไหว้รุ่นพี่ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกระดาษหนึ่งใบจากกล่อง แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้เปิดอ่าน รุ่นพี่ที่ถือไมค์ก็พูดขึ้น “อ๊ะ…น้องน้ำหวานครับ พี่รหัสของน้องไม่ได้อยู่ในกล่องนะครับ เพราะเขาฝากชื่อไว้ล่วงหน้าแล้ว~” เสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้นจากเพื่อน ๆ ด้านหลัง ฉันหันไปมองเมย์กับแจมที่แอบยิ้มกว้างกันอยู่ “เชิญพี่หมอก ออกมารับน้องรหัสด้วยครับ!” หัวใจฉันกระตุกเล็กน้อย เขาก้าวเดินออกมาจากด้านหลังกลุ่มพี่ปีสองอย่างนิ่ง ๆ มาหยุดยืนตรงหน้าฉัน ใบหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม แต่ดวงตากลับจ้องฉันนิ่งเหมือนมีอะไรบางอย่าง “ขอจองไว้ก่อน” เขาพูดแผ่ว ๆ แต่ชัดเจน ฉันเงยหน้าขึ้นสบตาเขา นิ่งไปแวบหนึ่งก่อนจะยื่นมือไปรับสายรหัสที่เขาหยิบขึ้นมาจากกระเป๋า เป็นเพียงสายรัดข้อมือสีเรียบ ๆ แต่ดูออกว่าเขาเลือกมาเอง “อย่าลืมใส่ไว้ จะได้ไม่หลง” เขาพูดเสียงเบา ก่อนจะหันกลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อน ๆ โดยไม่พูดอะไรอีก ส่วนฉันยืนอยู่กับสายรัดข้อมือในมือ หัวใจเต้นแรงโดยไม่มีเหตุผล
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม