[หมoก : พักเที่ยงกินข้าวกับฉัน]
หืม… เขาเป็นอะไรของเขาเนี่ย?
ร้อยวันพันปีไม่เคยชวนไปกินข้าว ถ้าไม่ใช่เพราะป้าสุบังคับ คนอย่างเขาน่ะหรอ จะอยู่ดี ๆ ส่งข้อความมาชวนแบบนี้? สองสามวันมานี้ฉันก็ว่าแปลก ๆ เขาดูนิ่ง…แต่นิ่งแปลกแล้วฉันก็รู้สึกแปลก ๆ กับเขาขึ้นทุกวันด้วยสิ
ฉันยืนจ้องหน้าจอมือถืออย่างไม่เข้าใจ ข้อความสั้น ๆ จากเขากำลังวนเวียนอยู่ในหัว จนไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตัวเองเดินช้ากว่าปกติ
“ไอหวาน! เดินเร็ว ๆ ดิ มัวแต่จ้องโทรศัพท์อยู่นั่นแหละ”
เสียงเมย์ดังขึ้นจากด้านหลัง ก่อนเจ้าตัวจะเดินแซงหน้าฉันไปเล็กน้อย
เธอหันมามองฉันแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
“ทำไมล่ะ…พี่หมอกทักมาหรือไง?”
ฉันสะดุ้งเล็กน้อย รีบกดปิดหน้าจอมือถือทันที หัวใจกระตุกแปลก ๆ อย่างบอกไม่ถูก มันก็แค่ข้อความชวนไปกินข้าว…แต่ทำไมถึงทำให้ใจเต้นแรงแบบนี้นะ?
“อ๋อ…ไม่มีอะไร แม่ทักมาน่ะ”
ฉันตอบเมย์ไปแบบปัด ๆ พยายามเก็บสีหน้าให้ดูเฉยชาเหมือนไม่มีอะไร ทั้งที่ในใจยังเต้นตุบ ๆ ไม่หยุด
พอพูดจบ ฉันก็รีบก้าวขาให้เร็วขึ้นเพื่อเดินให้ทันเพื่อน ๆ มุ่งหน้าไปที่ศูนย์อาหารกลางตามปกติ… แค่ภายนอกเท่านั้นแหละที่ดูเหมือนปกติ เพราะข้างในฉันวุ่นวายชะมัด
———
…กลุ่มหนุ่มวิศวะยังคงนั่งกระจายกันอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในมุมประจำ ลมพัดเอื่อย ๆ พอให้คลายร้อนในวันแดดจัด
“ไปไหนวะ ไอ้หมอก”
แทนไทถามขึ้นเมื่อเห็นหมอกลุกขึ้นจากโต๊ะ หยิบโทรศัพท์เก็บใส่กระเป๋ากางเกงอย่างรู้จุดหมาย
“แดกข้าว” หมอกตอบเรียบ ๆ น้ำเสียงนิ่งตามสไตล์ ก่อนจะหมุนตัวเตรียมเดินออกไป
“เออ ไปด้วยดิ ตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงกระเพาะเลย”
กองทัพที่เงยหน้าจากแฟ้มเอกสารกองโตรีบเสริมอย่างหิวจัด
“งั้นก็ไปพร้อมกันนี่แหละ กูจะได้ไปนั่งดูสาว ๆ ด้วย”
เจเจว่าเสียงลั่น พร้อมยิ้มกว้างอย่างเคย ทุกคนที่ได้ยินต่างพากันหันไปมองเจเจเป็นตาเดียว…
“หิวข้าว หรือหิวสาวกันแน่วะมึง” ไทเกอร์แซวเข้าให้ จนเสียงหัวเราะดังขึ้นทั่วโต๊ะ
———
กลุ่มวิศวะหนุ่มห้าคนค่อย ๆ ลุกเดินจากมุมใต้ต้นไม้ใหญ่ มุ่งหน้าไปยังศูนย์อาหารกลางอย่างอารมณ์ดี เสียงพูดคุยหยอกล้อกันตลอดทาง แม้อากาศจะร้อนแต่ก็ไม่ได้ทำให้อารมณ์เสีย
“นี่มึงนัดใครไว้หรือเปล่าวะ ถึงรีบเดินขนาดนี้”
แทนไทหรี่ตามองหมอกอย่างจับผิด มือก็ยังถือขวดน้ำจิบไปด้วย
หมอกไม่ตอบอะไร เพียงแค่ก้มหน้ามองโทรศัพท์ในมือที่ไม่มีการตอบกลับจากข้อความที่เขาส่งไปก่อนหน้านี้
[หมoก : พักเที่ยงกินข้าวกับฉัน]
เงียบ…
ไม่มีแม้แต่ “โอเค” หรือ “ไม่ว่าง”
เขาไม่ชินกับการรอแบบนี้ มันชวนให้หงุดหงิดนิด ๆ ในใจ แต่ใบหน้าก็ยังนิ่งเหมือนเดิม
“เอ้า! หรือว่า… ไอ้หมอกทักไปชวนใครแล้วเขาไม่ตอบวะ ฮ่า ๆๆๆ”
เจเจกระเซ้าเสียงดัง เล่นเอาทุกคนหันไปสนใจ
“หุบปากไปเลยมึง” หมอกตอบเรียบ ๆ แต่สายตาเหล่มองไปทางเจเจอย่างเตือน
“เฮ้ยๆๆ อย่าบอกนะว่า…”
แทนไททำตาโตเล็กน้อย “…น้องน้ำหวาน?”
“เงียบไปเลย” หมอกพูดสั้น ๆ พร้อมก้าวขาเร็วขึ้น ทิ้งห่างเพื่อนที่เริ่มแซวจนเสียงหัวเราะดังตามหลังมา
“แม่งงง น่ารักฉิบหายเลยว่ะ กูชักอยากเห็นตอนคู่นี้ไปกินข้าวด้วยกันแล้วสิวะ”
ไทเกอร์ว่าเบา ๆ กับกองทัพที่เดินเคียงข้าง
“รอดูตอนไอหมอกยิ้มดิ กูให้ร้อยนึงเลยถ้ามันจะยิ้มเกินสามวินาที” กองทัพหัวเราะเบา ๆ
แล้วกลุ่มวิศวะก็ค่อย ๆ มาถึงหน้าศูนย์อาหาร…
สายตาของหมอกสอดส่องหาบางคนที่เขาอยากเห็นก่อนใคร แต่กลับยังไม่เจอเธอ
“ยังไม่มาอีกเหรอวะ…” เขาพึมพำเบา ๆ พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง
ศูนย์อาหารกลางเริ่มแน่นขนัดด้วยนักศึกษาจากหลากหลายคณะที่ทยอยมาหาอะไรกินในช่วงพักเที่ยง ฉัน แจม เมย์ แบมแบม และนุ่นเพิ่งเดินมาถึง หน้าศูนย์อาหารมีโต๊ะนั่งใต้ร่มไม้บางโต๊ะว่างอยู่
“ไปหาโต๊ะก่อน เดี๋ยวกูไปซื้อข้าวมาให้” แบมแบมอาสา แล้วรีบเดินแยกออกไป
ฉัน แจม เมย์กำลังจะเดินตามนุ่นไปหาที่นั่ง แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งเรียกไว้ก่อน
“น้องครับ เรียนคณะอะไรเหรอ?”
ฉันหันไปมอง ก่อนจะพบกับผู้ชายคนหนึ่ง ใส่เสื้อวิศวะสีเลือดหมู ดูรุ่นพี่นิด ๆ เขายิ้มให้แบบมั่นใจสุดขีด
“เอ่อ…วิศวะค่ะ” ฉันตอบไปด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่ก็ไม่ได้หยุดยิ้มให้
“อ๋อ เรียนวิศวะเหมือนกันนี่เอง ถึงว่าทำไมถึงดูน่ารักขนาดนี้” เขาหยอดประโยคที่ชัดเจนว่าไม่ใช่คำถามทั่วไป
ฉันยิ้มเจื่อน ๆ พยายามถอยหลังหน่อย ๆ “ขอโทษนะคะ กำลังจะไปกินข้าวกับเพื่อน”
“งั้นกินด้วยกันเลยไหมล่ะ พี่กำลังจะเข้าไปเหมือนกัน” เขายังไม่ละความพยายาม
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะ” ฉันพูดพร้อมโค้งหัวเล็กน้อยแล้วรีบจะเดินหนี
แต่พอฉันหมุนตัวออกมา ดันเจอสายตาใครบางคนที่มองมาจากระยะไม่ไกล แทนไทที่ยืนอยู่ข้างหมอก มือถือขวดน้ำอยู่กลางอากาศ ดวงตาเบิกนิด ๆ เมื่อเห็นฉากเมื่อครู่ชัดถนัด
เขาหันไปแตะไหล่หมอกเบา ๆ “เห้ย…ดูนั่นดิ”
หมอกที่ยังดูหงุดหงิดเล็กน้อยจากการไม่ได้รับข้อความตอบกลับ ก็หันตามสายตาแทนไทไปทันที
แล้วก็เห็น…
น้ำหวานที่เหมือนจะกำลังพยายามเลี่ยงผู้ชายคนหนึ่งอยู่ หน้าของเขาเริ่มเปลี่ยนสีอย่างช้า ๆ จากเรียบเฉยเป็นนิ่งสนิท พร้อมกับแววตาเย็นเฉียบจ้องตรงไปยังฉากตรงหน้า
“เอาแล้ว…อาการหึงกำเนิบแน่เลย” เจเจพึมพำเบา ๆ
หมอกจ้องภาพตรงหน้าโดยไม่พูดอะไรซักคำ สีหน้าเขานิ่งสนิทเกินกว่าปกติ เหมือนความเงียบรอบตัวกลายเป็นเสียงดังที่สุดในหู
เขาขยับเท้าเดินออกไปโดยไม่รอให้ใครพูดอะไร
“เฮ้ยๆๆ ไอหมอกจะไปไหนวะ!” เจเจอุทานเบา ๆ
“อย่าบอกนะว่าจะเข้าไปจริง…” แทนไทพึมพำกับตัวเองก่อนจะรีบเดินตามไป
หมอกก้าวเดินไปยังโต๊ะด้านหน้าอย่างมั่นคง สายตาเขาไม่ได้หลุดจากร่างเล็กของน้ำหวานเลยแม้แต่น้อย ขณะที่ผู้ชายคนนั้นยังไม่ทันสังเกต ร่างสูงในเสื้อช็อปอีกสีก็มาหยุดยืนอยู่ข้างๆ น้ำหวาน
“มีอะไรกัน?” เสียงทุ้มต่ำของหมอกดังขึ้น เรียบ เย็น และไม่เปิดช่องว่างให้ตีความ
น้ำหวานชะงัก ใจเต้นแรงขึ้นทันที เงยหน้าขึ้นสบตาเขาอย่างตกใจ ส่วนพี่วิศวะคนนั้นชะงักเล็กน้อย ก่อนจะถามกลับอย่างไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคือใคร
“ใครเหรอครับ?”
หมอกไม่ได้ตอบคำถามนั้น แต่กลับเอื้อมมือไปจับข้อมือของน้ำหวานเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง
“ฉันรอนานแล้ว ไปกินข้าว”
น้ำหวานเบิกตากว้างนิดหน่อย แต่ก็ยอมเดินตามเขาไปเงียบ ๆ โดยไม่ปริปากอะไร
พี่คนนั้นได้แต่มองตามงง ๆ ก่อนจะหันไปทางเพื่อนๆ น้ำหวานที่ยืนอึ้งกันทั้งแถบ แทนไทที่ยืนดูอยู่ห่าง ๆ ถึงกับหลุดหัวเราะเบา ๆ แล้วเอ่ยถามเจเจ
“รู้ยังล่ะ ว่าเพื่อนมึงนัดใครไว้” แทนไทหันไปพูดกับเจเจพลางยักคิ้วใส่
เจเจที่ยืนอ้าปากค้างมองเหตุการณ์อยู่ถึงกับหลุดหัวเราะเบา ๆ
“เห้ย…กูนึกว่ามันพูดเล่น ที่แท้คือ น้องหวานจริง ๆ ว่ะ!”
ไทเกอร์ที่เดินตามมาทีหลังยกมือปิดปากหัวเราะ
“แถมเดินเข้าไปแบบไม่เปิดโอกาสให้ไอ้นั่นหายใจเลยด้วย”
“ช่วงนี้กูตกข่าวไปเยอะนะ ตามไม่ทันเลย” กองทัพเสริม พร้อมกับปรายตามองร่างสูงที่เดินเคียงข้างผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ไปยังโรงอาหาร
“ทีงี้ล่ะ อาการชัดเจนเลย” แทนไทพูดพลางยกมือล้วงกระเป๋ากางเกง ส่ายหน้ายิ้ม ๆ อย่างเอ็นดูเพื่อน
“เดี๋ยวพวกกูก็ต้องไปแสดงความยินดีแล้วมั้ง…งานเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการ”
———
ฉันนั่งลงที่โต๊ะโดยมีพี่หมอกนั่งลงฝั่งตรงข้าม พร้อมอาหารในมือที่เขาเพิ่งซื้อเสร็จ รู้สึกแปลก ๆ ยังไงก็ไม่รู้ ไม่ใช่แค่เพราะสายตาหลายคู่จากโต๊ะอื่นที่มองมาทางเรา แต่เพราะคนตรงหน้าดูนิ่งเกินไปจนฉันอ่านไม่ออก
“เมื่อกี้…” ฉันพูดขึ้นเบา ๆ ระหว่างที่เขากำลังคลุกข้าวในจานตัวเอง
“ทำแบบนั้นทำไมเหรอ”
พี่หมอกเงยหน้ามองฉัน ดวงตานิ่ง ๆ คู่นั้นยังเหมือนเดิม ไม่มีอารมณ์อะไรเลย แต่กลับทำให้ฉันใจเต้นได้ทุกที
“ไม่ชอบให้ใครมายืนใกล้เธอ” เขาพูดเรียบ ๆ ก่อนจะตักข้าวเข้าปากเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ฉันชะงัก กะพริบตาถี่ ๆ แล้วรีบหลบสายตาเขา พลางก้มหน้ากินข้าวแทน ให้ตายเถอะ…นี่มันอะไรของเขาอีกเนี่ย อยู่ดี ๆ มาทำให้ใจเต้นเฉยเลย
เพื่อน ๆ ของฉันที่นั่งกระจายกันอยู่โต๊ะอื่นคงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดชัดเจน เพราะไม่ถึงนาที ไลน์กลุ่ม “หวานหวี” ก็เด้งรัว ๆ จนฉันแทบไม่กล้าเปิดดู
แจม : “ไม่ชอบให้ใครมายืนใกล้เธอ แหวะ จะอ้วกค่ะพี่!!”
เมย์ : “สายตาแบบนี้หึงมึงแน่เลยไอหวาน”
นุ่น : “นิ่ง เย็นชา แต่สนใจเธอคนเดียว พี่หมอกนี่พระเอกซีรีส์ในดวงใจกูเลย”
แบมแบม : “แดกข้าว”
ฉันเผลอกลั้นขำจนเกือบสำลักข้าว รีบยกน้ำขึ้นมาดื่มพลางเบือนหน้าหนีไม่ให้เขาเห็นว่าฉันกำลังขำกับอะไรอยู่
แต่สายตาเขานี่สิ… เหมือนจะรู้
“เป็นอะไร” เขาถามขึ้นเบา ๆ น้ำเสียงยังนิ่งเหมือนเดิม แต่แววตานี่มันจับผิดชัด ๆ
“เปล่าค่ะ แค่ข้าวติดคอนิดหน่อย” ฉันตอบพลางรีบก้มหน้ากินข้าวต่อ
…แล้วฉันก็รีบพิมพ์ตอบเพื่อนในกลุ่มแบบเงียบ ๆ ใต้โต๊ะ
ฉัน : “พวกแกหยุดแซวได้ละ!! เขานั่งตรงหน้ากู!!”
ยังไม่ทันได้กดล็อกหน้าจอ เสียงทุ้ม ๆ ของคนตรงหน้าก็ดังขึ้นเบา ๆ แต่ชัดเจนพอให้ใจสะดุ้ง
“ตอนเย็นเลิกกิจกรรมแล้ว รอกลับพร้อมฉัน”
ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขาทันที
“หวานกลับเองได้ค่ะ”
เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แต่ฟังแล้วรู้สึกแปลก ๆ อย่างบอกไม่ถูก
“แม่บังคับ”
———
17.30 น.
เสียงประกาศจากไมค์กลางสนามกิจกรรมเรียกความสนใจจากนักศึกษาปีหนึ่งทุกคนที่นั่งกระจายกันเป็นกลุ่มเล็กใหญ่ใต้ร่มไม้
“ถึงเวลาของกิจกรรมจับสายรหัสแล้วนะค้าบบบบบ ปีหนึ่งเตรียมตัวให้พร้อมเลยนะ!”
ฉันมองไปรอบ ๆ สนามหญ้าหน้าคณะที่เต็มไปด้วยรุ่นพี่รุ่นน้อง เสียงหัวเราะดังขึ้นเป็นระยะจากกลุ่มต่าง ๆ บางคนดูตื่นเต้น บางคนก็ลุ้นว่าจะได้พี่สายรหัสแบบไหน
“ตื่นเต้นไหมมึง” เมย์สะกิดฉันเบา ๆ ขณะที่เรานั่งล้อมวงกันอยู่กับเพื่อนอีกสองสามคน
“นิดหน่อยอ่ะ…” ฉันตอบพลางมองไปรอบ ๆ ก่อนสายตาจะไปสะดุดเข้ากับใครบางคนที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามสนาม
พี่หมอก…
เขายืนพิงเสาไฟต้นหนึ่งอย่างไม่สนใจใคร มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกง ส่วนอีกข้างถือขวดน้ำไว้หลวม ๆ ท่าทางนิ่ง ๆ เย็น ๆ แบบนั้น…แต่ฉันรู้ว่าเขาเห็นฉัน
แล้วอยู่ดี ๆ ก็มีข้อความแจ้งเตือนเด้งขึ้นบนหน้าจอ
หมoก : ถ้าได้สายรหัสเป็นฉัน จะหนีไหม
ฉันยิ้มขำออกมาเบา ๆ ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไปใต้โต๊ะ
ฉัน : จะหนีทำไมคะ ดีซะอีก ถ้าได้พี่เป็นสายรหัสแล้วถ้าพี่แกล้งหวาน หวานก็จะไปฟ้องป้าสุ
หมoก : ดี จะได้ไม่ต้องสุ่ม
ฉันชะงัก แล้วเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้ง พี่หมอกส่งยิ้มมุมปากให้ รอยยิ้มที่นาน ๆ ทีจะเห็น และมักทำให้หัวใจฉันเต้นผิดจังหวะเสมอ
ไม่ทันไร รุ่นพี่พิธีกรก็พูดขึ้นอีกครั้ง
“โอเค! ตอนนี้ขอให้น้อง ๆ มายืนต่อแถวรับสุ่มสายรหัสกันได้เลย!”
ฉันลุกขึ้นด้วยหัวใจที่เต้นแรงกว่าปกติ ถ้าพี่หมอกพูดจริง…วันนี้ฉันอาจจะได้รู้คำตอบอะไรบางอย่างก็ได้
เสียงรุ่นพี่ปีสองประกาศกิจกรรมช่วงเย็นด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“ต่อไปนะครับ กิจกรรมจับสายรหัส~ ขอให้น้อง ๆ ทุกคนจับได้พี่ที่ถูกใจนะ!”
ฉันยืนอยู่แถวกลาง ๆ ของกลุ่มปีหนึ่ง หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะตอนที่เห็นกล่องกระดาษถูกเวียนมาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ
“น้องน้ำหวาน เชิญเลยครับ!”
ฉันเดินออกไปหน้ากลุ่ม ยกมือรับไหว้รุ่นพี่ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกระดาษหนึ่งใบจากกล่อง
แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้เปิดอ่าน รุ่นพี่ที่ถือไมค์ก็พูดขึ้น
“อ๊ะ…น้องน้ำหวานครับ พี่รหัสของน้องไม่ได้อยู่ในกล่องนะครับ เพราะเขาฝากชื่อไว้ล่วงหน้าแล้ว~”
เสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้นจากเพื่อน ๆ ด้านหลัง ฉันหันไปมองเมย์กับแจมที่แอบยิ้มกว้างกันอยู่
“เชิญพี่หมอก ออกมารับน้องรหัสด้วยครับ!”
หัวใจฉันกระตุกเล็กน้อย
เขาก้าวเดินออกมาจากด้านหลังกลุ่มพี่ปีสองอย่างนิ่ง ๆ มาหยุดยืนตรงหน้าฉัน ใบหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม แต่ดวงตากลับจ้องฉันนิ่งเหมือนมีอะไรบางอย่าง
“ขอจองไว้ก่อน” เขาพูดแผ่ว ๆ แต่ชัดเจน
ฉันเงยหน้าขึ้นสบตาเขา นิ่งไปแวบหนึ่งก่อนจะยื่นมือไปรับสายรหัสที่เขาหยิบขึ้นมาจากกระเป๋า เป็นเพียงสายรัดข้อมือสีเรียบ ๆ แต่ดูออกว่าเขาเลือกมาเอง
“อย่าลืมใส่ไว้ จะได้ไม่หลง”
เขาพูดเสียงเบา ก่อนจะหันกลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อน ๆ โดยไม่พูดอะไรอีก ส่วนฉันยืนอยู่กับสายรัดข้อมือในมือ หัวใจเต้นแรงโดยไม่มีเหตุผล