ณิรินทร์ญาเดินออกมาจากร้านของป้าต้อยจากนั้นก็เดินเลยไปยังร้านสะดวกซื้อที่อยู่ติดๆ กัน เมื่อกลับออกมาอีกครั้งก็ต้องตกใจเพราะรถจักรยานยนต์ของเธอถูกรถส่งน้ำแข็งชนจนครูดไปกับถนนใกล้ถึงเกือบสิบเมตรและไม่ใช่มีรถของเธอแค่คนเดียวแต่มีรถอีกหลายคันที่ถูกชนไปด้วย
“ขับรถยังไงของคุณเนี่ย” เจ้าของจักรยานยนต์ผู้ชายโวยวายก่อนจะเดินไปหาคนขับซึ่งดูท่าทางกำลังตกใจมาก
“ขอโทษครับแต่ผมพยายามเบรกแล้วแต่มันเบรกไม่อยู่จริงๆ” ชายคนขับยกมือไหวขอโทษ
“ไม่ใช่ว่าเมาแล้วมันขับรถแบบนี้นะ ลงมาคุยกันให้รู้เรื่องเลยใครก็ได้โทรเรียกตำรวจให้หน่อย”
“เดี๋ยวหนูโทรตามให้ค่ะ” เด็กในร้านของป้าต้อยที่ออกมาดูเหตุการณ์รีบอาสา
รอไม่ถึงห้านาทีตำรวจก็มาถึงที่เกิดเหตุเพราะสถานีตำรวจอยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่ รถที่ได้รับความเสียหายมีทั้งหมดห้าคันหนึ่งในนั้นก็เป็นรถของณิรินทร์ญาด้วย
คนขับรถยังคงยืนยันว่าเขาเหยียบเบรกแล้วแต่มันเบรกไม่อยู่ ตำรวจจึงขอยึดรถไว้เป็นหลักฐานและให้คนขับรถโทรศัพท์ไปแจงกับเจ้าของร้านไม่นานเจ้าของร้านก็มาถึงที่เกิดเหตุ
เจ้าของร้านน้ำแข็งตกลงจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถจักรยานยนต์ทั้งหมดโดยแต่ตำรวจก็จะให้ทุกคนไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจไว้ก่อน
“แล้วพวกเราจะไปกันยังไงล่ะครับ” ครับชายคนหนึ่งที่เป็นเจ้าของจักรยานยนต์ถามขึ้น
“เดี๋ยวผมจะเรียกรถตำรวจมาให้ครับ” ตำรวจนายหนึ่งพูดขึ้นเพราะเขากับเพื่อนตำรวจอีกคนเอรถจักรยานยนต์มา
“ผมต้องไปด้วยไหมครับถ้าคุณตำรวจ” นายหัวปาริธถามกับตำรวจ
“คุณเป็นคนเห็นเหตุการณ์ผมก็รบกวนคุณไปให้ปากคำในฐานะพยานด้วยนะครับ”
“ถ้าอย่างนั้นให้ทุกคนไปรถผมก็ได้นะครับ น่าจะพอนั่งกันได้”
“ถ้าแบบนั้นก็ดีเลยจะไม่ได้เสียเวลา”
ผู้เสียหายทั้งสี่คนรวมทั้งณิรินทร์ญาเดินตามนายหัวปาริธมาที่รถเอสยูวีขนาดเจ็ดที่นั่งสีดำที่จอดอยู่หน้าร้านป้าต้อยเมื่อทุกคนขึ้นไปนั่งบนรถครบแล้วเขาก็ขับตามรถจักรยานยนต์ของตำรวจไปยังสถานีตำรวจที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล
เมื่อมาถึงสถานีตำรวจทุกคนก็ลงบันทึกประจำเสร็จแล้วนายหัวปาริธก็อาสาเป็นคนไปส่งณิรินทร์ญาที่บ้าน
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ นายหัวเดี๋ยวณิรินนั่งวินมอเตอร์ไซด์กลับก็ได้ใกล้แค่นี้เอง”
“แต่มันร้อนมากเลยนะอีกอย่างวินมอเตอร์ไซต์ตอนนี้ก็ดูเหมือนจะไม่เหลือสักคันเลย ไม่เชื่อก็ลองดูหน้าโรงพักสิ”
เขาบอกให้หญิงสาวมองไปทางด้านหน้าสถานีตำรวจซึ่งตอนนี้มีคนยืนรอที่วินรถจักรยานยนต์อยู่หลายคน
“หรือที่ไม่ยอมให้ไปส่งเพราะไม่ไว้ใจฉันล่ะ”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ ณิรินแค่เกรงใจค่ะ นายหัวเป็นเพื่อนกับคุณชินก็น่าจะไว้ใจได้อยู่ ถ้าหากนายหัวทำอะไรณิรินก็แค่ไปฟ้องคุณชินก็แค่นั้นเอง”
“ถ้างั้นก็ขึ้นรถเถอะ”
นายหัวปาริธขับรถออกจากโรงพักได้ไม่นานเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น
“ณิรินขอรับโทรศัพท์นะคะนายหัว” ณิรินทร์ญาขออนุญาตเขาก่อนกลัวว่าจะรบกวนเขาแต่จะไม่รับก็ไม่ได้เพราะคนที่เธอมาคือเจ๊สุนีย์ลูกค้ารายใหญ่
“ได้สิตามสบายเลย”
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวกล่าวของคุณก่อนที่จะกดรับสาย
“สวัสดีค่ะเจ๊สุนีย์”
“ร้อยกระปุกเหรอคะได้ค่ะ ตอนเย็นณิรินเอาไปส่งที่บ้านนะคะ ส่วนแซนด์วิชพรุ่งนี้จะเอาไปส่งที่หน้าตลาดนะคะขอบคุณมากนะคะเจ๊”
“มีอะไรหรือเปล่าณิริน”
“มีนิดหน่อยค่ะ นายหัวไม่ต้องไปส่งนณิรินที่บ้านนะคะ ส่งที่ตลาดสดด้านหน้าก็ได้”
“อ้าวทำไมล่ะ”
“พอดีเจ๊สุนีย์แกโทรมาสั่งของ ณิรินเลยต้องซื้อวัตถุดิบไปเพิ่มค่ะ”
“เธอทำอาหารขายด้วยเหรอ”
“เปล่าค่ะณิรินแค่ทำน้ำพริกกับแซนด์วิชส่งที่ตลาด”
“แล้วซื้อของเสร็จจะกลับบ้านยังไงล่ะ”
“หน้าตลาดมีวินมอเตอร์ไซค์ค่ะ ซื้อเสร็จณิรินนั่งวินมอเตอร์ไซค์กลับก็ได้ของก็ไม่เยอะเท่าไหร่หรอกค่ะ”
“ตอนนี้ฉันเองก็ไม่มีงานทำฉันไปส่งเธอซื้อของก็ได้นะจะได้ไม่ต้องนั่งวินไงล่ะ”
“ไม่เป็นค่ะณิรินเกรงใจไม่อยากให้นายหัวเสียเวลาแค่พาไปโรงพักและพามาส่งก็หลายชั่วโมงแล้ว”
“วันนี้ฉันว่างฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าน้ำพริกฝีมือเธอมันจะอร่อยไหมถึงได้ขายดีเป็นร้อยกระปุกแบบนั้น”
“น้ำพริกอร่อยแน่นอนค่ะ”
เพราะอยากให้เขาได้ชิมน้ำพริกฝีมือตัวเองณิรินทร์ญาเลยยอมให้เขาขับรถไปส่งซื้อของที่ตลาด หญิงสาวลงไปซื้อหมูสับกับวัตถุดิบสำหรับทำแซนด์วิชโดยมีนายหัวช่วยถือจากนั้นก็พากลับมาที่บ้าน
“นายหัวนั่งรออยู่ในห้องแขกก็แล้วกันนะคะณิรินขอตัวไปทำน้ำพริกก่อน”
“ให้ฉันช่วยอะไรมั้ย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” หญิงสาวรีบปฏิเสธก่อนจะเดินออกไปด้านหลังของบ้านซึ่งเป็นบริเวณห้องครัวแยกออกมาจากตัวบ้านเอาไว้สำหรับทำน้ำพริกโดยเฉพาะ
“เธอต้องทำน้ำพริกเยอะแค่ไหนเหรอ”
เขาถามขณะนั่งมองหญิงสาวปอกเปลือกหอมแดงแช่น้ำ
“น้ำพริกร้อยกระปุกค่ะ”
“แล้วขนมปังพวกนั้นล่ะ”
“อ๋อนั่นเป็นขนมปังสำหรับทำแซนด์วิชไปส่งเจ๊ที่ตลาดพรุ่งนี้เช้าเจ๊กับเพื่อนๆ ในตลาดจะไปเที่ยวก็เลยอยากได้อาหารว่างไปทานบนรถ”
“ต้องทำเยอะแค่ไหนเหรอ”
“แซนด์วิชสามสิบชิ้นเองค่ะ”
“จะทำต่อจากน้ำพริกเหรอ”
“เปล่าค่ะณิรินจะตื่นมาตอนเช้าแค่แซนด์วิชแค่นั้นทำแป๊บเดียวก็เสร็จค่ะ นายหัวถามทำไมคะคงไม่คิดจะไม่มาช่วยณิรินทำแซนด์วิชแต่เช้าหรอกนะคะ”
“เปล่าฉันก็แค่สงสัยว่าทำไมเธอจะต้องทำงานอะไรเยอะแยะแบบนี้ด้วย”
“ก็ทำแล้วมันได้เงินนี่คะ”
สายตาที่นายหัวปาริธมองณิรินทร์ญาเริ่มเปลี่ยนไปหญิงสาวจากที่คิดว่าเธอทำงานงานกลางคืนสบายๆ เพื่ออยากจะได้เงิน แต่ดูลักษณะแล้วเธอจะทำงานทุกอย่างที่มันได้เงินมากกว่า
เขาไม่รู้หรอกกว่าเธอขัดสนเรื่องเงินทองหรือเป็นหนี้มากมายแค่ไหนแต่เห็นท่าทางที่ขยันขันแข็งของเธอก็รู้สึกชื่นชมมากๆ
“มีอะไรให้ฉันช่วยไหม”
“อย่าเลยปอกหอมแดงแบบนี้ถ้าคนทำไม่เป็นมันจะแสบตา”
“แต่ฉันอยากช่วยเธอจริงๆ”
“ถ้างั้นนายหัวเอากระเทียมไปแกะนะคะ ทำเป็นหรือเปล่า”
“เป็นสิแต่อาจจะช้าไปหน่อยฉันจะทำรอเธอไปเรื่อยๆ ก็แล้วกัน”
“ได้ค่ะ”
เมื่อหญิงสาวปอกหอมแดงเสร็จก็สไลด์เป็นชิ้นบางๆ โชคดีที่เธอซื้อมีดสำหรับสไลด์มามันเลยทำให้การทำงานค่อนข้างเร็วยิ่งขึ้นเมื่อสไลด์หอมแดงเสร็จแล้วก็ไปช่วยนายหัวแกะกระเทียมเพิ่มอีกนิดหน่อยจากนั้นก็โขลกพอหยาบๆ
เมื่อทุกอย่างเสร็จเธอก็บอกให้เขาเข้าไปรอในห้องเพราะขั้นตอนการเจียวหอมเจียวกระเทียมมันค่อนข้างกลิ่นแรงกลัวว่าเขาจะเหม็น
ณิรินทร์ญาใช้เวลาทำน้ำพริกไม่นานนักทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อยเพราะทำด้วยความชำนาญกลิ่นหอมของกินน้ำพริกคลุ้งไปทั่วหลังบ้าน
ระหว่างที่รอให้น้ำพริกเย็นเธอก็เดินไปหานายหัวปาริธที่นั่งรออยู่ในห้องรับแขก
“เสร็จแล้วเหรอ”
“ค่ะ ตอนนี้ก็แค่รอให้มันเย็นแล้วตักใส่กระปุกไว้ นายหัวหิวข้าวหรือเปล่านี่มันเกือบบ่ายสองแล้ว”
“จริงสิฉันลืมไปเลย ที่บ้านเธอมีอะไรกินบ้างล่ะ”
“ตอนนี้ก็มีแค่น้ำพริกค่ะ นายหัวอยากกินอะไรคะในตู้เย็นมีของสดไม่กี่อย่างหรือจะออกไปกินข้างนอก”
“ไม่เป็นไรกินที่นี่แหละเธอยังต้องเอาน้ำพริกใส่กระปุกอีก ฉันกินง่ายแค่ไข่เจียวกับน้ำพริกก็ได้แล้ว”
“หิวมากไหมคะ”
“ก็ไม่เท่าไหร่หรอก”
“ถ้างั้นเดี๋ยวณิรินทำไข่เจียวกับผัดกะเพราให้ก็แล้วกันนะ”
“อ้าวเธอบอกว่าจะทำเจียวกับผัดกะเพราให้ฉัน แล้วเธอจะเดินไปไหนล่ะ”
“ไปเด็ดกะเพราค่ะ หลังบ้านมีต้นกะเพราอยู่”
“ฉันขอเดินดูบริเวณบ้านของเธอหน่อยได้ไหม”
นายหัวหนุ่มเดินตามเธอออกมาหลังบ้าน ณิรินทร์ญาตัดกะเพราเสร็จก็กลับเขาไปในบ้าน ส่วนเขายังคงเดินเล่นอยู่หลังบ้านของหญิงสาวนอกจากมีต้นกะเพราแล้วยังมีผักชีต้น ต้นหอม คื่นช่ายและแปลงหอมแดงซึ่งมันดูแปลกมากสำหรับเด็กวัยรุ่นอย่างณิรินทร์ญาที่จะมาปลูกอะไรแบบนี้ไว้ที่บ้าน