เมื่อคืนกว่าณิรินทร์ญาจะกลับมาถึงบ้านก็เกือบจะตีสามแต่เช้านี้หญิงสาวก็ยังฝืนตัวเองตื่นนอนตั้งแต่หกโมงเช้าเพื่อเอาน้ำพริกไปส่งที่ตลาดให้ทันก่อนที่แม่ค้าจะเปิดร้านในเวลาเจ็ดโมง
ลูกค้าของณิรินทร์ญาเป็นแม่ค้าที่ขายของในตลาดซึ่งจะรับน้ำพริกของหญิงสาวไปวางขายอยู่หลายเจ้า เธอส่งให้กับแม่ค้าที่ตลาดแรกไปแล้วสองเจ้า เจ้าละห้าสิบกระปุกและมาส่งที่ตลาดแห่งนี้อีกร้อยกระปุก
“สวัสดีค่ะเจ๊สุนีย์”
“สวัสดีจ้ะณิรินน้ำพริกเจ๊ได้ครบไหม”
“ครบค่ะ น้ำพริกผัดหมูร้อยกระปุกเล็กนะคะอีกสองกระปุกใหญ่ณิรินให้เจ๊สุนีย์เอาไว้กินนะคะ”
“ขอบใจมากจ้ะมีของแถมให้พี่ทุกรอบเลยนะณิริน”
“ณิรินต้องขอบคุณเจ๊สุนีย์มากกว่าที่ยังรับน้ำพริกของณิรินมาขายตลอด”
“ก็น้ำพริกสูตรของแม่นี้ณิรินอร่อยมาก ตอนแรกเจ๊ก็คิดอยู่เหมือนกันนะว่าแม่ณิรินไม่อยู่แล้วรสชาติของน้ำพริกจะเปลี่ยนไปไหม แต่ลูกค้าก็บอกนะว่ารสชาติไม่เปลี่ยน เจ๊ก็เลยต้องสั่งน้ำพริกณิรินเป็นเป็นประจำ อาทิตย์หน้าเจ๊ขอสั่งเป็นน้ำพริกแคบหมูเพิ่มนะ”
“ได้ค่ะ เจ๊จะเอากี่กระปุกคะ ถ้าร้อยกระปุกก็ราคาเดิมค่ะแต่ถ้าห้าสิบก็อีกราคาหนึ่งค่ะ”
“ถ้างั้นเอามาร้อยเลยก็ได้ ฝีมือหนูอร่อยเจ๊ว่ายังไงก็ต้องขายหมดอยู่แล้ว”
“ขอบคุณค่ะเจ๊ที่เชื่อใจ”
“ณิรินจะเอามาส่งเช้าวันเสาร์เหมือนเดิมใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ ขอบคุณมากค่ะเจ๊”
“เดี๋ยวเจ๊โอนเงินให้นะ”
เมื่อเจ๊เจ้าของร้านโอนเงินค่าน้ำพริกให้กับณิรินทร์ญาแล้วหญิงสาวก็รีบกลับมาทำงานบ้าน ซักผ้าจนเสร็จเรียบร้อยก่อนจะอาบน้ำแต่งตัวเพื่อออกไปทานอาหารเช้า
วันนี้หญิงณิรินทร์ญาเลือกที่จะขี่จักรยานยนต์ที่เธอใช้เป็นประจำไปยังร้านอาหารใต้ซึ่งเธอมักจะไปทานร้านนี้ในช่วงวันหยุด
หญิงสาวจอดรถหน้าร้านแล้วก็รีบเข้าไปในร้านเพื่อสั่งอาหารจานโปรด
“ป้าต้อยคะแกงไตปลาถุงใหญ่หนึ่งถุงค่ะ”
“ป้าครับขอแกงไตปลาหนึ่งชามครับ”
ทั้งสองเสียงดังขึ้นพร้อมกันทำให้แม่ค้าที่ยืนอยู่มองหน้าลูกค้าทั้งสองเพราะตอนนี้แกงไตปลาแกงไตปลาในถาดเหลืออีกแค่ชามเดียวเท่านั้น
“เอายังไงดีล่ะ สั่งมาพร้อมกันแบบนี้แต่แกงเหลือของป้าแค่ชามเดียว” ป้าต้อยหันมองหน้าณิรินทร์ญาลูกค้าประจำสลับกับผู้ชายคนหนึ่งที่เพิ่งมาทานที่นี่นานๆ ครั้ง
เมื่อได้ยินเจ้าของร้านพูดแบบนั้นลูกค้าทั้งสองก็หันมองหน้ากัน
“อ้าวนายหัว”
“ณิริน”
ถึงแม้ว่าวันนี้ณิรินทร์ญาจะไม่แต่งหน้าและไม่ได้แต่งตัวเซ็กซี่เหมือนเมื่อคืนแต่นายหัวปาริธก็จำหญิงสาวได้จากน้ำเสียงและรอยยิ้มของเธอ
“นี่สองคนรู้จักกันเหรอ”
“ก็ไม่เชิงรู้จักหรอกค่ะ เราเคยเจอกันแค่ครั้งเดียวค่ะป้าต้อย”
“เอายังไงดีแกงไตปลานี่เหลือแค่ชามเดียวเท่านั้น ไหนๆ ก็รู้จักกันแล้วก็นั่งกินด้วยกันเลยสิ”
“แต่ณิรินอยากซื้อถุงใหญ่กลับไปกินที่บ้าน”
“คุณจะยอมให้ณิรินซื้อกลับไปที่บ้านไหม” ป้าต้อยหันมาถาม
“ฉันก็อยากกินแกงไตปลาเหมือนกันนะณิรินทำไมเราไม่กินที่นี่ด้วยกันล่ะฉันเลี้ยงเธอเองก็ได้”
“นายหัวไม่ต้องเลี้ยงณิรินหรอกค่ะ เราช่วยกันออกคนละครึ่งก็ได้”
“ตกลงกินที่นี่นะ”
“ค่ะป้าต้อย ณิรินเอาแกงไตปลากับขนมจีนนะคะ”
“แล้วคุณล่ะเอาแกงไตปลาแล้วเอาอะไรเพิ่มไหม”
“ผมเอาเขาสวยแล้วก็ผัดไก่ใบยี่หร่าแล้วก็คั่วกลิ้งครับ”
“ได้จ้ะไปนั่งรอเลยนะเดี๋ยวป้ายกไปให้”
รอไม่นานนักอาหารทุกอย่างก็วางตรงหน้า
“เธอชอบกินแกงไตปลาเหรอ” นายหัวปาริธถามขณะที่หญิงสาวนั่งทานแกงไตปลากับขนมจีนด้วยความเอร็ดอร่อย
“ชอบมากๆ เลยค่ะมันทั้งเผ็ดและร้อนสะใจดี”
หญิงสาวพูดแล้วสูดปากซี้ดซ้าดเพราะความเผ็ดแต่นั่นมันกลับทำให้คนมองคิดไปแบบอื่นด้วยน้ำเสียงและท่าทางแบบนี้มันทำให้เขาต้องรีบก้มหน้าทานอาหารตรงหน้าเพราะท่าทางแบบนั้นมันทำให้เขาจินตนาการไปไกล
“ดูท่าทางเธอจะเผ็ดมากนะ กินน้ำหน่อยไหม”
“ใช่ค่ะแต่ยิ่งเผ็ดก็ยิ่งอร่อย รสชาติแกงไตปลาร้านป้าต้อยเหมือนทางใต้ไหมคะนายหัว”
“รสชาติก็คล้ายๆ กันนั่นแหละ ร้านนี้ทำใกล้เคียงกับแถวบ้านฉันมากที่สุด ทุกครั้งที่ฉันมากรุงเทพก็เลยมักจะแวะมากินบ่อยๆ แล้วเธอล่ะ มากินบ่อยไหม”
“ณิรินมากินช่วงวันเสาร์หรือไม่ก็วันอาทิตย์ค่ะ แต่ส่วนใหญ่จะไม่นั่งกินที่นี่หรอกจะซื้อไปนั่งกินที่บ้านเพราะกินที่นี่แล้วมันจะน่าเกลียดแบบที่นายหัวเห็นนั่นแหละค่ะ”
“น่าเกลียดยังไง”
“ก็มันเผ็ดมากทั้งน้ำหูน้ำตาไหลหมดแบบนี้นั่งกินที่นี่คงต้องอายคนอื่นมากๆ”
“แต่ตอนนี้เธอก็นั่งกินต่อหน้าฉันนะไม่อายเหรอ”
“ณิรินเลือกได้ที่ไหนล่ะคะ ไม่ได้มากินร้านนี้ตั้งสองอาทิตย์พอวันนี้มีโอกาสมากินแล้วจะให้กลับบ้านไปทั่งที่ยังไม่ได้กินได้ยังไงล่ะ ของอร่อยอยู่ตรงหน้ายังไงก็ต้องเลือกกินเอาไว้ก่อน”
“เธอกินแต่แกงไตปลาอย่างเดียวไม่กินคั่วกลิ้งกับผัดไก่ใบยี่หร่าบ้างเหรอ”
“สองอย่างนั้นมันต้องกินกับข้าวสวยค่ะ กินกับขนมจีนมันต้องแกงไตปลาแบบนี้”
“เอาเขาสวยไหมล่ะสั่งเพิ่มสิ”
“แค่นี้ท้องก็จะแตกแล้วค่ะ”
“แต่ฉันว่าท้องเธอจะแตกก็เพราะน้ำที่เธอกินตามเขาไปมากกว่านะ กินเผ็ดไม่ค่อยได้แล้วยังจะฝืนกิน”
“ก็บอกแล้วไงคะนายหัวว่ามันอร่อยมากๆ”
“ทำไมถึงชอบกินอาหารใต้ล่ะ”
“พ่อของนี้ณิรินคนใต้ค่ะ ตอนที่พ่อยังอยู่พ่อก็ทำให้กินบ่อยๆ แต่ตอนนั้นณิรินเด็กมากเลยไม่ได้ฝึกทำกับพ่อ ก็เลยต้องมาพึ่งร้านป้าต้อยแบบนี้ล่ะค่ะ”
“ถ้าชอบกินมากๆ ฉันจะส่งอาหารใต้มาให้กินเอาไหมล่ะ”
“ไม่ต้องลำบากนายหัวแล้วหรอกค่ะ ร้านป้าต้อยก็มีขายทุกอย่างแต่”
“ร้านป้าต้อยไม่มีแกงไตปลาแห้งนะฉันว่าเธอน่าจะชอบ”
“แต่ก่อนร้านป้าต้อยก็มีนะคะแต่คนไม่ค่อยนิยมกินป้าแกก็เลยไม่ทำ”
“แล้วอยากกินไหมล่ะ ป้าแดงแม่บ้านของฉันทำอร่อยมากๆ เดี๋ยวฉันส่งมาให้ก็ได้”
“มันจะไม่เสียเหรอคะ”
“ไม่น่าจะเสียนะเดี๋ยวนี้เขามีบริการรับฝากของผ่านรถห้องเย็นเธอส่งที่อยู่ให้ฉันในไลน์สิถ้าฉันกลับถึงสุราษฎร์แล้วฉันจะให้ป้าแดงทำและส่งมาให้เธอ”
“ณิรินว่าอย่าลำบากเลยค่ะ ถ้าเกิดส่งมาแล้วมันเสียจะเสียดายของเอา”
“ถ้างั้นฉันฝากเครื่องมาก็ได้เธอไปรับที่สนามบินได้ไหมล่ะ”
“อย่าทำให้มันยุ่งยากเลยค่ะ ณิรินไม่ได้เห็นแก่กินขนาดนั้นหรอก”
“ถ้าเธอไม่ให้ฉันส่งมาให้ ถ้างั้นวันไหนฉันขึ้นมากรุงเทพฉันจะเอาอาหารมาฝากก็แล้วกันนะ”
“แบบนี้ค่อยโอเคหน่อยค่ะ ณิรินขอบคุณนายหัวล่วงหน้าก็แล้วกันนะคะ” หญิงสาวตอบตกลงเพราะไม่คิดว่าเขาจะเดินทางขึ้นมากรุงเทพบ่อยๆ เนื่องจากจากคุณชินเจ้าของผับบอกว่านานๆ ครั้งนายหัวคนนี้ถึงจะขึ้นมาที่กรุงเทพ
“ฉันว่าถ้าเธอได้กินอาหารฝีมือป้าแดงเธอต้องติดใจมากแน่ๆ” นายหัวปาริธรู้สึกดีที่มีคนชอบทานอาหารใต้เหมือนกันเขา เพราะที่ผ่านมาผู้หญิงที่เขาคบด้วยไม่ค่อยชอบทานอาหารแบบนี้เท่าไหร่เพราะนอกจากรสชาติที่จะจัดจ้านแล้วกลิ่นก็ค่อนข้างจะแรงด้วย
หลังจากทานอาหารแล้วทั้งสองก็แยกย้ายกันซึ่งอาหารมื้อนี้ทั้งสองแบ่งกันจ่ายคนละครึ่งเพราะณิรินไม่อยากจะเป็นหนี้บุญคุณเขาอีกอย่างเมื่อคืนเธอก็ได้เงินจากค่าเครื่องดื่มของเข้ามาค่อนข้างเยอะ