ณ อพาร์ตเมนต์ลีลาวดี ตอนราว ๆ ตี 3
รถสปอร์ตสีดำค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้ามาจอดหน้าตึกเก่า ลีลาวดีอพาร์ตเมนต์ ไฟถนนสลัวสะท้อนให้เห็นป้ายชื่อที่สีลอกเลือน กับผนังอาคารที่เต็มไปด้วยคราบซีดหม่น บรรยากาศแตกต่างจากคฤหาสน์หรูที่เธอเคยอยู่ราวฟ้ากับเหว
ภูผาไม่พูดอะไร เพียงนั่งมองร่างเล็กข้างกายที่ก้มหน้ากอดกระเป๋าไว้แน่น ความเงียบในรถหนาหนักจนได้ยินชัดแม้แต่เสียงหายใจ
ลลินตัดสินใจเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน น้ำเสียงนิ่งแต่สั่นเล็กน้อย
“ขอบคุณค่ะ… และฉันไม่รู้ว่าพี่ต้องการอะไรจากฉันอีก แต่หวังว่าเราจะไม่เจอกันอีกนะคะ ถึงยังไง… ระหว่างเรามันก็จบไปแล้ว”
พูดจบ เธอก็ผลักประตูรถออก ร่างเล็กก้าวลงไปโดยไม่หันกลับมามองอีกแม้แต่น้อย
ภูผายังคงนั่งอยู่ที่เดิม ดวงตาคมกริบจับจ้องแผ่นหลังบางที่เดินห่างออกไป มุมปากกระตุกยิ้มเย็น ก่อนพึมพำเสียงทุ้มต่ำตามหลังไป
“ไม่เจอกันอีกเหรอ… คำพูดนั้นคงไม่เป็นจริงแล้วแหละ…”
เขายกคิ้ว มองเธอจนลับสายตา
“…เพราะต่อจากนี้… เราจะต้องเจอกันทุกวัน”
เช้าวันรุ่งขึ้น ห้องเช่าลีลาวดี
กริ้ง!
เสียงนาฬิกาปลุกดัง กริ๊งงง! ปลุกให้ร่างบางสะดุ้งตื่นในเวลาเจ็ดโมงเช้า ลลินงัวเงียลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะเอื้อมมือไปกดปิดเสียงด้วยความเคยชิน
เธอมองนาฬิกาดิจิทัลที่ตั้งปลุกไว้ตั้งแต่ยังเรียนมหาลัย ใจพลันเจ็บหน่วง ตอนนี้คงไม่ได้เรียนแล้วสินะ… ความคิดนี้แล่นวาบเข้ามาในหัว แม้จะเสียดาย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะชีวิตคนเรา ไม่ได้มีทางเลือกมากนัก
หญิงสาวถอนหายใจเบา ๆ ก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดแอปไลน์แล้วพิมพ์หาผู้เป็นแม่
“แม่คะ พ่อเป็นยังไงบ้าง”
ไม่กี่วินาทีต่อมา ข้อความตอบกลับมากะทันหัน
“ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลยจ้ะ หมอบอกว่าต้องรอผ่าตัดอย่างเดียว… แล้วลลินไปเรียนแล้วใช่ไหมจ้ะ เมื่อวานทำงานเป็นยังไงบ้าง”
ดวงตากลมโตค่อย ๆ มืดหม่น ลลินนิ่งงัน ไม่รู้จะตอบแม่อย่างไรดี จะบอกความจริงก็กลัวแม่จะยิ่งเป็นห่วง แต่จะโกหก… ใจก็ไม่กล้า
สุดท้าย เธอจึงกดส่งเพียงสติกเกอร์รูปตัวการ์ตูนพยักหน้าโง่ ๆ แทนคำตอบ แล้ววางโทรศัพท์ลงข้างตัว
จากนั้นเจ้าของร่างเล็กก็ทิ้งตัวนอนหงายราบไปกับเตียงเล็กในห้องเช่า สายตาเหม่อมองเพดานสีหม่น ก่อนจะหลับตาลงช้า ๆ หอบลมหายใจหนักราวกับต้องการกดทับความรู้สึกที่กำลังจะไหลทะลักออกมา
ทันใดนั้นเอง
ครืด… ครืด…
เสียงโทรศัพท์สั่นอยู่บนหัวเตียง ลลินหันไปมองหน้าจอที่ขึ้นเป็น เบอร์แปลก ความลังเลฉายชัดบนใบหน้าหวาน ใครโทรมาแต่เช้า…
หลังชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็กดรับสาย
“สะ… สวัสดีค่ะ”
เสียงสุภาพจากปลายสายดังแทรกขึ้นมาอย่างชัดเจน
“สวัสดีค่ะ โทรจากบริษัทพีเอสกรุ๊ปนะคะ ยินดีด้วยค่ะ ท่านประธานได้อนุมัติรับคุณเข้าทำงานแล้วค่ะ ไม่ทราบว่าวันนี้สะดวกเข้ามาที่บริษัทได้ไหมคะ”
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ร่างบางถึงกับเด้งตัวลุกขึ้นนั่งผึง หัวใจเต้นโครมคราม
“อะ… อ๋อ! สะ…สะดวกค่ะ! เดี๋ยวฉันรีบไปนะคะ!”
“ค่ะ แล้วพบกันนะคะ”
ติ๊ด!
เสียงสายถูกตัดไป ทิ้งไว้เพียงความเงียบในห้องเช่า ลลินกะพริบตาถี่ ๆ ราวกับยังไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
ได้งานแล้วจริง ๆ …
ริมฝีปากเล็กเผลอยกยิ้มจางทั้งที่ยังมีน้ำตาคลอ ดวงใจที่หนักอึ้งมาตลอดหลายวันเหมือนได้รับแสงสว่างเล็ก ๆ เป็นครั้งแรก
ทว่าเธอไม่รู้เลยว่า “ท่านประธาน” ที่ปลายสายเอ่ยถึง… ก็คือคนที่เธอเพิ่งพยายามบอกเมื่อคืนว่า อย่าเจอกันอีก
หลังวางสาย ลลินรีบก้าวเท้าเล็ก ๆ เข้าห้องน้ำ เสียงน้ำฝักบัวกระทบผิวเนียนดัง ซ่า คลายความอ่อนล้าจากเมื่อคืน แม้ในใจยังสั่นระรัวจากข่าวที่เพิ่งได้รับ
เธอใช้เวลาไม่นานก็เดินออกมาพร้อมผ้าขนหนูพันกาย เปิดตู้เสื้อผ้าเก่า ๆ ที่ยัดของไว้เพียงไม่กี่ชุด ดวงตากลมโตไล่มองหาชุดสุภาพสำหรับเข้าทำงาน ทว่ากลับไม่พบแม้แต่ตัวเดียว
เสื้อผ้าตามระเบียบบริษัท… ไม่มีเลยสักชุด
ความกังวลแล่นขึ้นมาแทบจะทันที ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปสะดุดกับชุดนักศึกษาที่แขวนเรียงอย่างเป็นระเบียบอยู่มุมหนึ่ง สีขาวสะอาดกับกระโปรงทรงเอสีดำที่เธอใส่มาเมื่อคืนยังดูใหม่พอใช้ได้
ริมฝีปากสีสวยคลี่ยิ้มบาง พึมพำกับตัวเองเสียงแผ่ว
“เอาก็เอา… ชุดนักศึกษานี่แหละ ใส่ไปเลย”
เธอค่อย ๆ หยิบชุดนั้นออกมา พลางสูดลมหายใจลึก แม้จะรู้ว่ามันไม่ใช่การแต่งกายที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเข้าทำงาน แต่ในเวลาที่ไร้ทางเลือก นี่คือสิ่งเดียวที่เธอทำได้
…และใครจะรู้ว่า “ความบังเอิญ” ของการเลือกชุดนี้ จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่เธอไม่อาจหลีกหนีได้อีกต่อไป
ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถเมล์คันเก่าจอดเทียบป้ายตรงข้ามตึกสูงใหญ่ พีเอสกรุ๊ป อาคารกระจกทันสมัยกว่า 45 ชั้นตั้งตระหง่านกลางย่านธุรกิจ ท่ามกลางความพลุกพล่านของผู้คนในเช้าวันทำงาน
ลลินก้าวลงจากรถ หอบลมหายใจเบา ๆ ขณะเงยหน้ามองตึกที่สูงจนแทบปวดคอ
‘นี่เหรอ… บริษัทที่เธอจะต้องเริ่มต้นทำงานจริง ๆ’
หัวใจดวงน้อยเต้นแรง มือเรียวกำสายกระเป๋าสะพายแน่น ก่อนจะรวบรวมความกล้าเดินตรงไปยังประตูทางเข้าอันโอ่อ่า
ทันทีที่เธอก้าวเข้ามาในโถงชั้นล่าง พื้นหินอ่อนสะท้อนเงาร่างเล็ก ชุดนักศึกษาสีขาวดำพอดีตัวของเธอตัดกับชุดสูทเนี๊ยบของพนักงานรอบข้างราวฟ้ากับเหว สายตาหลายคู่จับจ้องมาที่เธอ บางคนหันมามองด้วยความสงสัย บางคนถึงกับเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
‘โอ๊ย… รู้สึกเหมือนเดินผิดที่ผิดทางเลย’
ลลินคิดในใจ ก้าวเดินอย่างระมัดระวัง
“มาทำอะไรครับ”
เสียงทุ้มเข้มดังขึ้นจากด้านข้าง เมื่อรปภ.ในเครื่องแบบเรียบร้อยก้าวมาขวางตรงหน้า ดวงตาเขาจับจ้องร่างบางอย่างระแวดระวัง
ลลินสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนตอบเสียงนุ่มนวล “เอ่อ… หนูสมัครงานไว้ค่ะ เมื่อเช้ามีพี่โทรมาให้เข้ามาที่บริษัท”
รปภ.นิ่งไปอึดใจหนึ่ง ก่อนพยักหน้าเบา ๆ “ถ้าอย่างนั้นไปติดต่อที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ด้านในนะครับ” เขาผายมือแนะนำทิศทาง
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
ลลินพยักหน้า รีบก้าวเดินตามทางที่ถูกบอกไว้ แต่ในใจยังอดพึมพำเบา ๆ ไม่ได้
“ขนาดรปภ.ยังเนี๊ยบขนาดนี้… แล้วเจ้านายของที่นี่… จะขนาดไหนกันนะ”
เธอกลืนน้ำลายฝืดเฝื่อน หัวใจเต้นแรงกว่าเดิม ก่อนจะเดินเข้าใกล้เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ที่หรูหรา เต็มไปด้วยพนักงานหญิงในชุดสูทเรียบร้อยราวกับนางแบบมืออาชีพ