เวลา 18.30 น. ณ โซนวีไอพี
ตึก… ตึก… ตึก…
เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นหรูดังเป็นจังหวะเบา ๆ เมื่อเท้าเล็ก ๆ ของลลินก้าวขึ้นมายังโซนวีไอพีชั้นสอง
บรรยากาศตรงนี้แตกต่างจากด้านล่างโดยสิ้นเชิง เพราะตรงนี้เสียงเพลงไม่ดังจนหนวกหู ทุกอย่างสงบพอให้ลูกค้าสามารถพูดคุยกันได้อย่างชัดเจน
“เป็นยังไงบ้างลลิน พอเข้าใจไหม ที่พี่สอนไป” เสียงของ พี่นีน่า รุ่นพี่พนักงานดังขึ้นเคียงข้าง
“เข้าใจแล้วค่ะพี่นีน่า ตอนนี้เริ่มนับโต๊ะคล่องแล้วค่ะ” ลลินตอบยิ้ม ๆ
“ดี ๆ” นีน่าพยักหน้าอย่างพอใจ “จำไว้นะ งานตรงนี้ต้องเป๊ะ งั้นพี่ปลีกตัวไปดูโซนธรรมดาด้านล่างก่อน ฝากลลินดูแลโซนวีไอพีแทน โซนนี้ลูกค้าไม่ค่อยจุกจิกมากเท่าไรหรอก ส่วนโซนล่าง… ต้องรองรับอารมณ์สารพัด เดี๋ยวพี่ไปก่อนนะ ดูแลโต๊ะนี้ดี ๆ ล่ะ”
“ค่ะพี่” ลลินรับคำพร้อมรอยยิ้มกว้าง อย่างน้อยเธอก็ยังมีเพื่อนร่วมงานที่ใจดีและคอยแนะนำ
แต่รอยยิ้มบนใบหน้ากลับค่อย ๆ จางหาย… เมื่อดวงตาคู่สวยเผลอสบเข้ากับสายตาคมกริบของใครบางคนที่นั่งอยู่ตรงมุมโซฟาหนังสีเข้ม
ชายหนุ่มคนนั้นกำลังหมุนแก้ววิสกี้ในมือเล่น แสงไฟสะท้อนกับของเหลวสีอำพันวาววับ และเมื่อเขาเงยหน้าขึ้น… สายตาคมคู่นั้นก็ตรงเข้าสู่ดวงตาเธออย่างจัง
หัวใจลลินกระตุกวูบ “พะ… พี่ภูผา…”
ริมฝีปากเล็กพึมพำออกมาแผ่วเบา เธอจำได้แม่น ความทรงจำวันปัจฉิมที่เขาบอกเลิกอย่างเลือดเย็นย้อนกลับมาเต็มแรง วันนั้นเธอร้องไห้ไม่หยุดเป็นเดือน ๆ …แล้ววันนี้ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้?
ในขณะที่เธอกำลังเหม่อ ใจเต้นแรงราวจะหลุดออกมา เสียงเรียกจากโต๊ะวีไอพีด้านข้างก็ดังขึ้นแทรก
“น้องครับ… พี่จะสั่งเพิ่มหน่อย”
เสียงลูกค้าโต๊ะห้าทำให้ลลินสะดุ้ง รีบปรับสีหน้าแล้วหันไปตามหน้าที่ ทั้งที่หัวใจยังเต้นแรงเพราะสายตาคมของเขาที่เหมือนกำลังจ้องตามอยู่ทุกฝีก้าว…
“ค่ะ ลูกค้ารับอะไรเพิ่มดีคะ”
“วิสกี้เพิ่มอีกสอง ส่วนของทานเล่นน้องเอาเมนูขายดีมาอย่างละสอง”
“ค่ะ เดี๋ยวรอสักครู่นะคะ”
ลลินรีบจดรายการเครื่องดื่มที่ลูกค้าโต๊ะห้าสั่งเพิ่มลงในสมุดเล็ก เสียงปากกาขีดเขียนสั่นเล็กน้อยเพราะใจยังไม่สงบ หลังจากนั้นเธอสูดหายใจลึก พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ก่อนก้าวเท้าเล็ก ๆ เดินไปยังเคาน์เตอร์บาร์ ส่งบิลให้บาร์เทนเดอร์จัดการ
เพียงไม่นาน เครื่องดื่มชุดใหม่ก็ถูกวางลงตรงหน้า ลลินใช้สองมือยกถาดขึ้นบ่าอย่างระวัง แล้วก้าวกลับไปยังโต๊ะวีไอพี
ตึก… ตึก… ตึก…
เสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นไม้เนียนเรียบในห้องโถงชั้นสองก้องในหูเธอทุกจังหวะ
แต่ที่ทำให้หัวใจเธอเต้นแรงกว่าคือ… สายตาคมกริบจากมุมโซฟาอีกฝั่ง เขา… ยังมองอยู่
ภูผาเอนกายพิงโซฟาหนังหรู ริมฝีปากไม่ได้ขยับพูดอะไร เขาเพียงแค่หมุนแก้ววิสกี้ในมืออย่างใจเย็น ทว่าดวงตาคมเข้มกลับไม่ยอมละไปจากเธอสักวินาทีเดียว
ลลินพยายามทำเหมือนไม่เห็น ร่างเล็กตั้งใจเสิร์ฟเครื่องดื่มให้ลูกค้าโต๊ะห้า
“นี่ค่ะ เครื่องดื่มที่สั่งเพิ่ม รบกวนตรวจสอบด้วยนะคะ”
“อ้อ ขอบใจมากน้อง หน้าตาน่ารักเชียว” ลูกค้าหนุ่มโต๊ะนั้นเอ่ยชมพร้อมรอยยิ้มกว้าง
“ขอบคุณค่ะ” เธอตอบด้วยรอยยิ้มบางตามมารยาท ก่อนจะรีบถอยออกมา
แต่ในใจกลับร้อนรุ่มยิ่งกว่าไฟ เธอรู้สึกถึงแรงกดดันเหมือนถูกจับจ้องทุกฝีก้าว และใช่… เขาไม่ทัก ไม่เอ่ยสักคำ แค่ “มอง” เธอเฉย ๆ
ลลินกัดริมฝีปากแน่น ‘ก็ดีแล้วนี่… เพราะเราน่ะ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันแล้ว’
เธอก้มหน้าหลบตา ก้าวถอยออกจากโต๊ะอย่างสงบที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ลึก ๆ ในอกกลับเจ็บหน่วง ราวกับคำว่า “เลิกกัน” เมื่อสิบปีก่อน เพิ่งถูกกระซิบซ้ำลงมาอีกครั้งในค่ำคืนนี้…
ด้านภูผา ณ โซนวีไอพี
ภูผายังคงนั่งพิงโซฟา หมุนแก้ววิสกี้ไปมา ดวงตาคมไม่ยอมละจากร่างเล็กที่เดินวุ่นอยู่ตามหน้าที่จนเพื่อนสนิทอย่าง ภาคิน สังเกตเห็น เขาเลิกคิ้ว ยกยิ้มเจ้าเล่ห์
“ไงมึง… สนใจเหรอ” ภาคินเอ่ยเสียงยียวน “นั่นเด็กใหม่ร้านกูเองนะ จะจีบกูดีลให้ก็ได้”
ภูผาหันขวับ สายตาคมวาว “มึงไม่ต้องมายุ่ง กูจัดการเอง”
คำตอบสั้น ๆ ทำเอาภาคินถึงกับหัวเราะ “หึ ตอบแบบนี้ แสดงว่าสนใจจริง ๆ ว่ะ”
“เปล่า…” ภูผาเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ ก่อนเว้นวรรคเล็กน้อย “ยัยเด็กนั่น… แฟนเก่ากู”
“หาาา!!” ภาคินแทบสำลัก “ไอ้เชี่ย! กูว่าแล้ว ถ้ามึงไม่เอา กูกะจะจีบเองอยู่พอดี ที่แท้มึงคาบไปก่อนกูนี่หว่า”
ภูผาเหล่มองเพื่อน มุมปากกระตุกยิ้มเย็น “กูยังไม่ได้คาบสักหน่อย”
“ยังไม่ได้?!” ภาคินขมวดคิ้ว ก่อนหัวเราะออกมา “เออ… กูจำได้แล้ว นี่ใช่ที่มึงเคยเล่าให้ฟังป่ะ แฟนเก่าสมัยมอปลาย?”
“อืม ใช่” ภูผาพยักหน้าเรียบ ๆ
“แล้วทำไมวะ ยังไม่ได้?”
“ตอนนั้นน้องเพิ่งสิบสามเองเพื่อน คุกนะมึง” ภูผาเอ่ยเรียบ ๆ แต่แฝงแววขำในน้ำเสียง
“เออว่ะ กูลืมไปเลย” ภาคินหัวเราะลั่น พลางส่ายหน้า “แล้วตอนนี้คิดจะรีเทิร์นป่ะล่ะ”
ภูผาไม่ตอบทันที เพียงยกแก้วขึ้นจิบ ก่อนวางลงช้า ๆ แววตาคมทอดมองไปยังลลินที่กำลังยิ้มบาง ๆ ให้ลูกค้าอีกโต๊ะ
“…ดูก่อน ถ้ายัยนี่ไม่มีใคร กูจะจีบใหม่”
ภาคินเบิกตากว้าง “โห… แล้วตอนนั้นมึงเลิกกันทำไมวะ”
“กูกำลังจะไปเรียนเมืองนอก ไม่อยากให้น้องรอ กูเลยตัดใจ” ภูผาตอบเสียงเรียบ แต่ลึก ๆ แฝงความหนักใจที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟัง
เพื่อนสนิทหัวเราะเย้ยหยันเล็กน้อย
“งั้นกูถามตรง ๆ เลย ถ้ามึงคิดจะจีบใหม่นี่คือเอาจริง… หรือแค่อยากลองจิ้มน้องเขา”
ภูผายกคิ้ว มุมปากยกยิ้มเจือความมั่นใจ “ก็ลองดูก่อน…”
ภาคินหัวเราะหยัน พลางส่ายหน้า “พูดแบบนี้นี่มึงแค่อยากจิ้มน้องเล่น ๆ ใช่ไหม ไอ้ภูผา ไอ้เวร”
ภูผาหันมามองเพื่อนเต็มตา แววตาคมเข้มเย็นเฉียบ แต่ปากกลับยกยิ้มมุม “ก็ไม่เชิงวะ…”
เขาวางแก้ววิสกี้ลงบนโต๊ะเสียง กึก ก่อนโน้มตัวมาข้างหน้า น้ำเสียงทุ้มต่ำจริงจังขึ้น
“กูแค่อยากทดสอบ… ว่าสิ่งที่มันยังติดอยู่ในใจกูทุกวันนี้ มันคือความรู้สึกชอบลลินจริง ๆ …หรือมันแค่ความรู้สึกผิด ที่กูเคยทิ้งยัยเด็กนั่นไป หรือกูคิดไปเองมาตลอดกันแน่”
เขาหยุดไปครู่หนึ่ง สายตายังคงจ้องลงไปที่ร่างเล็กซึ่งกำลังเดินเสิร์ฟโต๊ะอีกฝั่งอย่างไม่รู้ตัว
“แค่ตอนนี้เท่านั้นแหละที่กู… ไม่ปล่อยไป”
ภาคินเลิกคิ้ว ขมวดคิ้วมองเพื่อนที่ไม่ค่อยพูดอะไรแบบนี้บ่อยนัก
ภูผายกแก้วขึ้นอีกครั้ง จิบวิสกี้แล้วเอ่ยปิดท้ายด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ แต่หนักแน่น “ถ้ากูแน่ใจเมื่อไหร่… กูก็จะปล่อยเอง”