บทที่ 1 จับชู้คาวาเลนไทน์1
“เจ้หยา ผมวางของที่ลูกสองเจ้าสุดท้ายสั่งไว้ตรงนี้นะครับ”
น้ำเสียงรีบร้อนของเด็กหนุ่มเรียกอัยยาที่กำลังแพ็กสินค้าอยู่อีกฝั่งให้หันไปมอง แต่ก็ไม่ทัน เพราะเจ้าตัววิ่งปรู๊ดหายไปแล้ว
เธอส่ายหน้าระอาเบาๆ แต่ก็เข้าใจ วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ หนุ่มสาวคู่ไหนๆ ก็อยากจะใช้ช่วงเวลาสำคัญนี้หวานแหววด้วยกันทั้งนั้น เธอเองใช่ว่าไม่อยาก แต่แฟนหนุ่มของเธอบินไปดูงานที่สิงคโปร์ กลับมาฉลองครบรอบที่คบหากันมาเจ็ดปีเต็มไม่ทัน เธอไม่อยากให้เวลาเสียเปล่า เลยทุ่มทำงานอย่างเต็มที่ หวังโกยเงินในหน้าเทศกาล สร้างเนื้อสร้างตัวเพื่ออนาคตของพวกเธอในวันข้างหน้า
อัยยา ธฤตะวัน ทำงานเป็นกรรมการผู้จัดการที่บริษัทเจนวายของแฟนหนุ่ม สื่อบันเทิงยักษ์ใหญ่ที่ผลิตดารานักร้องชื่อก้องทั่วฟ้าเมืองไทย เธอร่วมบุกเบิกฝ่าฟันอุปสรรคพร้อมกับเขาตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ ทั้งยังเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักช่วยผลักดันให้บริษัทของชนนท์ประสบความสำเร็จและทรงอิทธิพลอย่างทุกวันนี้ภายในเวลาห้าปี
งานที่ทำอยู่แม้จะมั่นคง แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ของเธอ อัยยาตระหนักเสมอว่าต่อให้เธอกับชนนท์จะเป็นแฟนกันก็ตาม แต่ของเขาก็คือของเขา ของเธอถึงจะเป็นของเธอ เธอไม่คิดจะพึ่งพาชายหนุ่ม แต่ชอบยืนด้วยลำแข้งตัวเองมากกว่า พอเห็นลู่ทางว่าธุรกิจเดลิเวอรีกำลังมาแรง เธอกับแมนดี้เพื่อนซี้สาวประเภทสองจึงตั้งบริษัทจัดส่งสินค้าเล็กๆ ขึ้นมาผ่านทางแอปพลิเคชันบนมือถือ เน้นความแตกต่างไปที่การจัดส่งสินค้าแบรนด์ที่ยังไม่วางขายหน้าชอป ต้องพรีออร์เดอร์เท่านั้น และสินค้าที่เกี่ยวกับเซ็กส์หรือเรื่องเพศ ซึ่งคนส่วนใหญ่กระดากที่จะเดินดุ่มๆ เข้าไปซื้อโดยตรงจากหน้าร้าน
ลองผิดลองถูกมานานเกือบปี เธอสามารถทำกำไรจากมันได้มากเกินกว่าที่ตั้งเป้าไว้ แต่อัยยายังไม่คิดขยายร้านตอนนี้ ส่วนหนึ่งเพราะงานหลักของเธอยังคงอยู่ที่บริษัทของแฟนหนุ่ม อีกส่วนเธออยากเรียนรู้และเติบโตไปอย่างช้าๆ แต่มั่นคง ในบริษัทจึงมีพนักงานทั้งหมดแค่สามคนรวมตัวเธอและแมนดี้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกัน
อัยยาตรวจเช็คสินค้าเพื่อความเรียบร้อย ถุงหนึ่งเป็นน้ำหอม แต่ติดชื่อคนรับเป็นผู้ชาย อีกถุงเป็นกล่องถุงยาง เซ็กส์ทอยและชุดเครื่องแบบนักเรียนญี่ปุ่น แต่ติดชื่อคนรับเป็นผู้หญิง เดาได้เลยว่าเด็กหนุ่มคงรีบมาก จึงสะเพร่าเผลอติดชื่อคนรับสลับกันแน่ๆ
หญิงสาวถอนหายใจอีกครั้ง หงุดหงิดนิดๆ แต่ก็หยวนให้ วันนี้แมนดี้มีเดตกับแฟนหนุ่มตาน้ำข้าวที่บินมาไกลถึงอังกฤษ เลยออกจากร้านไปเมื่อตอนบ่าย ส่วนหนึ่งที่เพิ่งเลิกงานก็ยังสละเวลามาช่วยเธอทั้งวัน ทั้งที่นัดแฟนสาวไว้แล้วแท้ๆ เธอเลยควรขอบใจสิถึงจะถูก
คิดแล้วก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโอนค่าขนมพิเศษให้หนึ่งใช้กินเที่ยวและซื้อของขวัญให้แฟนประทับใจ ก่อนจะหยิบสินค้าสองถุงติดมือมา ปิดร้านแล้วขับรถมินิคูเปอร์สามประตูไปยังโรงแรมดังระดับห้าดาวที่อยู่ใจกลางเมือง
เธอมองรถราที่แน่นขนัดแบบเซ็งๆ โชคดีที่ลูกค้าสองรายสุดท้ายของวันนี้อยู่ที่โรงแรมเดียวกัน แถมยังชั้นเดียวกัน คงจะมีเดตแบบผู้ใหญ่กันที่นี่ละมั้ง...
เมื่อถึงที่หมาย อัยยาขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นบนที่เป็นโซนห้องพักแบบเพรสซิเดนเชียลสวีท เลือกตรงไปยังหมายเลขห้อง 1510 ที่อยู่ใกล้กว่า ยกมือเคาะประตูสองครั้ง รอไม่กี่อึดใจประตูห้องพักก็ถูกเปิดออกมา ชายหนุ่มผมสั้น เซ็ตเสยผมหน้าหนานุ่มไปด้านข้างอย่างเรียบหรูทันสมัย รับกับสันจมูกที่โด่งดุจสันเขาและริมฝีปากบางหยัก สวมเสื้อเชิ้ตสีครามยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้า ออร่าความหล่อเหลาและสูงส่งแผ่ขยายออกมาจากตัวเขาอย่างเต็มที่
อัยยาตาพร่าไปชั่วขณะเมื่อสบกับดวงตาคมเหมือนเหยี่ยวคู่นั้นที่พินิจมองเธอ ก่อนหัวคิ้วเข้มจะขมวดบอกให้รู้ว่าเธอกำลังเสียมารยาทจ้องเขาไม่วางตา เธอจึงพลันได้สติ อึกอักอยู่สองสามทีก็ยื่นถุงในมือส่งให้เขาพร้อมด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณที่ใช้บริการของเรานะคะ ขอให้สนุกกับค่ำคืนนี้ค่ะ”
ทีปต์ อิศราวุฒิ มองรอยยิ้มกริ่มของผู้หญิงตรงหน้าด้วยสีหน้าเฉยเมย ไม่ติดแววเรียบตึงเหมือนแผ่นน้ำแข็งหนาๆ ในยามปกติ
แค่แปลกใจ...
เธอยิ้มอะไรนักหนา?
เขาแค่สั่งน้ำหอมมาให้ภรรยาของว่าที่คู่ค้ารายใหม่ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเจรจาให้ง่ายขึ้น แต่เธอกลับมองเขาอย่างล้อเลียน แววตาซุกซนกำลังสำรวจว่าเขาจะทำเรื่องที่ผิดศีลธรรมอะไรบางอย่าง แถมยังมองเลยเข้าไปในห้องด้วยความอยากรู้อยากเห็น คงสงสัยว่านอกจากเขาแล้วยังมีใครอยู่อีกรึเปล่า
พนักงานส่งของสมัยนี้ไม่มีมารยาทเลย
ทีปต์รับถุงสินค้าแล้วปิดประตูใส่หน้าหญิงสาว เธอยังคงมองเขายิ้มๆ ไม่เลิก ไม่ได้โกรธ แต่สะดุดตากับริมฝีปากคู่อิ่มสีระเรื่อที่ชวนกระชากใจเขาอย่างบอกไม่ถูก
เธอก็สวยดี ยิ้มสวย แต่ไม่สวยไปกว่าคู่ควงหลายๆ คนของเขาสักหน่อย...
แล้วจะสนใจทำไม?
นอกประตูอัยยายืนทำตาปริบๆ เกิดมาเพิ่งเคยถูกคนปิดประตูใส่หน้ากันจังๆ ก็วันนี้เอง แถมพ่อคนไร้มารยาทยังหล่อเข้มระดับพระเอกอีกต่างหาก
“อะไรเนี่ย... มองแค่นิดเดียว ทำเป็นหวงไปได้ ไม่อยากให้มอง ก็อย่าเกิดมาหล่อสิ”