“คุณ!” ชนนท์โมโหสุดขีดยกมือชี้หน้าเธอ มองเธออย่างเข่นเขี้ยว
“อย่าว่าพี่แพรเลยค่ะพี่นนท์ แพรผิดเอง แพรไม่ควรรักพี่นนท์...”
แพรวารีบผวาเข้ามาห้าม สะอื้นเบาๆ เสียใจจนพูดไม่ออก มือจับแขนเขาแน่น ชนนท์มองหล่อนด้วยความสงสารจับใจ สุดท้ายก็สะบัดมือออกอย่างหัวเสีย
“ผมยอมเพราะเห็นแก่แพรหรอกนะ แต่ผมจะบอกอะไรคุณไว้สักอย่างนะหยา ผู้หญิงที่นิสัยเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายแบบคุณคงไม่มีผู้ชายคนไหนต้องการหรอก ตัวเองทำตัวเอง อย่ามานั่งเสียใจทีหลังก็แล้วกัน”
ไม่มีใครต้องการเธอหรือ?
อัยยาสีหน้าแข็งทื่อเย็นชาผิดกับขอบตาที่ร้อนผ่าว ในใจเจ็บจี๊ดปวดหนึบไปทั้งดวง มือทั้งสองกำหมัดแน่นสะกดกลั้นความเจ็บปวดอย่างสุดกำลัง ไม่มีวันร้องไห้ออกมาต่อหน้าพวกเขาเป็นอันขาด
เธออยากจะตอบโต้กลับไป แต่เสียงติดอยู่ที่ลำคอ เปล่งออกมาไม่ได้ มันเจ็บเกินไป เจ็บจนไม่เหลือเรี่ยวแรง
การถูกคนที่เรารักทำร้าย มันปวดใจอย่างนี้นี่เอง...
อัยยารู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว ราวกับเธอกำลังยืนอยู่ท่ามกลางขั้วโลกเหนือที่แช่แข็งคนให้ตายทั้งเป็นได้ ไม่รู้ควรทำอย่างไรจึงจะดึงตัวเองออกจากความเศร้าหมองนี้ได้
“ใครว่าไม่มีคนต้องการเธอ”
น้ำเสียงห้าวทุ้มมีพลังเหมือนมีแรงดึงดูดที่ฉุดให้เธอออกจากความเหน็บหนาว อัยยาหันหลังมองด้วยความแปลกใจพร้อมๆ กับชนนท์และแพรวา ชายหนุ่มท่าทางสูงส่งทรงอำนาจก้าวตรงมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ มองเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ แต่มือที่โอบกระชับหัวไหล่เธอไว้ช่างอบอุ่นจนทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย เหมือนได้รับการคุ้มครองจากเขาเงียบๆ
ทีปต์มองหญิงสาวที่นิ่วหน้า เหมือนจะถามว่าเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แต่เขายังคงนิ่งไร้รอยยิ้ม สีหน้าราบเรียบ มีเพียงแววตาทอดอ่อนมองเธอ ก้มกระซิบเสียงทุ้มข้างๆ หูที่ทำให้คนฟังใจสั่นว่า
“เดี๋ยวคุณก็จะรู้เอง”
เหตุผลที่เขามาอยู่ตรงนี้และบังเอิญได้ยินคำพูดที่ไม่สมกับเป็นลูกผู้ชายของแฟนเก่าเธอ ทั้งหมดก็เพราะ...อัยยา
เมื่อคืนพอส่งเธอเสร็จแล้ว เขากลับไม่อาจละความสนใจออกจากเธอได้เลย ไม่ใช่เพราะพวกเขาเพิ่งจูบกันอย่างวาบหวาม ถึงเขาจะพึงใจกับมันอยู่ไม่น้อย แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้คลั่งไคล้หลงใหล คนระดับเขามีสาวสวยรายล้อมจนไม่หวั่นไหวกับเรื่องเล็กน้อยแบบนี้
แต่อัยยามีอะไรบางอย่างดึงดูดใจเขา...
ไม่รู้ว่าคืออะไร... แต่ไม่ใช่ความรู้สึกที่ไร้สาระประเภท ‘รักแรกพบ’ แน่นอน
ทีปต์ไม่อาจเพิกเฉยความรู้สึกของตัวเองได้ กระทั่งต้องสั่งให้คนสนิทสืบประวัติของอัยยาอย่างเร่งด่วน เช้านี้เขาได้รับรู้เรื่องราวทุกอย่างของเธออย่างละเอียด และค้นพบว่าสัญชาตญาณของเขาถูกต้อง ผู้หญิงคนนี้มีเรื่องราวชีวิตที่น่าสนใจมาก เป็นคุณหนูตกยาก แม่ด่วนจากไปเพราะอุบัติเหตุทั้งที่อายุยังน้อย ส่วนพ่อเลี้ยงก็ฮุบสมบัติใช้ชีวิตอยู่ยังกับราชา
น่าทึ่ง... ที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้หาได้ย่อท้อ ไม่ร้องไห้ฟูมฟาย ยังคงมุ่งมั่นใช้ชีวิตต่อไปอย่างเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวและเปี่ยมไปด้วยความสามารถ อัยยาเป็นกำลังสำคัญที่ทำให้บริษัทเจนวายเฟื่องฟูได้ถึงขนาดนี้ภายในเวลาห้าปี อาศัยเพียงความสามารถของตัวเองเป็นหลัก ไม่เคยต้องพึ่งพาแฟนเก่าหรือชื่อเสียงของครอบครัวเขาในการก้าวขึ้นมายืนอยู่หัวแถวของบุคคลที่เก่งกาจในแวดวงมายาแห่งนี้
นอกจากนี้เขายังรับข้อมูลที่น่าสงสัยเกี่ยวกับการเสียชีวิตของแม่เธอว่าอาจไม่ใช่อุบัติเหตุ เขาไม่รู้ว่าอัยยารู้เรื่องนี้หรือไม่ แต่เขาคิดจะอาศัยเรื่องนี้ทำสัญญาบางอย่างกับเธอ หากบรรลุข้อตกลง เขาจะช่วยออกหน้าคืนความยุติธรรมให้กับเธอเอง
ทีปต์ยิ้มจางๆ มือที่โอบหัวไหล่มนลูบไล้แผ่วเบา เอ่ยถามเธออย่างสนิทสนมว่า
“ขอโทษที่ผมมาช้านะครับ”
เขาละสายตาจากอัยยามองไปยังสองหนุ่มสาว รอยยิ้มก็หุบลง เขารู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ชนนท์เป็นลูกชายคนเดียวของวิชาญ ส่วนแพรวาเป็นลูกสาวของสิทธากับเมียน้อย ทั้งสองคนเป็นบุคคลที่โง่เขลาน่ารังเกียจประเภทที่เขาเกลียดที่สุด แววตาที่มองพวกเขาจึงแสดงความดูถูกเหมือนไม่อยู่ในสายตา เอ่ยอย่างเย็นชาว่า
“ผมมาพบคุณวิชาญ”
ชนนท์มองชายผู้เย่อหยิ่งตรงหน้า แล้วจำได้ว่าเป็นคนเดียวกันที่อยู่กับอัยยาเมื่อคืนนี้ เขานึกไม่ถูกชะตาขึ้นมาทันที ไม่ชอบสายตาที่มองเหมือนจะกดหัวเขาให้ติดดิน และยิ่งไม่พอใจที่อีกฝ่ายแสดงท่าทีสนิทชิดเชื้อกับอัยยาเป็นพิเศษ ทำราวกับจงใจจะหักหน้าเขาอย่างไรไม่รู้ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ติดที่อีกฝ่ายเป็นแขกของคุณพ่อ
“เชิญครับ”
ชนนท์ผายมือเชื้อเชิญ มองอัยยาที่ยิ้มเย้ยเขาเดินควงแขนชายหนุ่มเข้าไปในห้องทำงานของบิดา เพียรเก็บความขุ่นเคืองไว้ในใจ ก่อนจะหันมายิ้มกับแพรวา จูงมือหล่อนเดินตามเข้าไปติดๆ เพราะเขาเองก็มีเรื่องจะปรึกษาท่านเช่นกัน
รอยยิ้มมาดร้ายผุดขึ้น คอยดูเถอะ... อีกเดี๋ยวอัยยาจะยิ้มไม่ออก!