นางเป็นไข้

1201 คำ
คืนนั้นรั่วอินนางก็มีไข้ขึ้นเสียง เสี่ยวหงมาดูนางอีกครั้ง เพื่อจะถามว่านางต้องการอะไรเพิ่มหรือไม่ ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นรั่วอินนางเพ้ออย่างน่าสงสาร ทั้งสองไม่รู้จะจัดการอย่างไร เพราะเรื่องที่นางอยู่ในจวนหลังนี้มิอาจบอกให้ผู้อื่นรู้ได้ ทั้งยังไม่อาจตามหมอมาโดยไม่บอกให้นายท่านรู้ก่อนได้ด้วย เสี่ยวหงจึงไปหารุ่ยเผิงที่จวนของเขา เพื่อบอกเรื่องที่รั่วอินนางเป็นไข้สูง แต่ก็พบเพียงบ่าวหน้าประตูแจ้งว่านายท่านยังไม่กลับมาที่จวน นางจึงต้องกลับไปที่จวนหลังน้อย เพื่อดูแลรั่วอินเท่าที่จะทำได้ รุ่ยเผิงตอนนี้นั่งอยู่ภายในหอเริงรมย์กับเจ้าหน้าที่ในศาลต้าฉี เขาไม่ชื่นชอบสถานที่เช่นนี้นัก แต่ที่ตามมาด้วยในครั้งนี้เป็นเพราะยังมีโทสะเรื่องของรั่วอินอยู่ ยิ่งนึกถึงหลังการร่วมรักเสร็จสิ้นนางเอาแต่ร้องไห้ เหมือนจะรังเกียจตัวเขาเสียอย่างนั้น ก็ทำให้รุ่ยเผิงยิ่งดื่มสุราลงไปอีกหลายจอก คณิกาอันดับหนึ่งเมื่ออยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ยังเย้ายวนเทียบกับสตรีที่เขานอนกอดเมื่อคืนไม่ได้แม้เพียงนิด รุ่ยเผิงลุกขึ้นขอตัว ไม่มีผู้ใดกล้ารั้งเขาไว้ เพราะรู้ว่าเขาเป็นคนเช่นไร อย่าคิดว่าใบหน้าที่มีรอยยิ้มมุมปากอยู่ตลอด จะเป็นคนอารมณ์ดี เขาเป็นพยัคฆ์ร้ายที่เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างรู้ซึ้งโดยไม่ต้องพูดออกมา บ่าวหน้าประตูเมื่อเห็นนายท่านกลับมาที่จวน ก็เอ่ยบอกเรื่องที่สาวใช้นามว่าเสี่ยวหงมาขอเข้าพบ “นางได้บอกหรือไม่ว่าเรื่องอันใด” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย หรือรั่วอินนางจะคิดได้แล้วว่าควรปรนนิบัติเอาใจเขาเช่นไร จึงได้ให้สาวใช้มาตาม “ไม่ได้บอกขอรับ แต่นางดูร้อนใจนักขอรับ” “อืม” รุ่ยเผิงเดินเข้าไปในจวนอย่างไม่สนใจ ในเมื่อไม่ได้ฝากคำพูดไว้ คงไม่มีเรื่องใหญ่อันใดแน่นอน แต่สิ่งนี้ก็ทำให้รุ่ยเผิงข่มตาหลับไม่ลง เพราะเขาเคยสั่งไว้แล้วว่าหากไม่มีเรื่องด่วนอย่าได้มาที่จวนนี้เด็ดขาด “เสี่ยวซีเจ้าไปดูเสียหน่อยว่าจวนตะวันตกมีเรื่องอันใดเกิดขึ้น” เขาเดินออกไปสั่งเสี่ยวซีที่นอนอยู่หน้าห้องของเขา รุ่ยเผิงชะงักเท้าที่กำลังจะกลับเข้าไปในห้อง แล้วร้องบอกเสี่ยวซี “ประเดี๋ยวข้าไปด้วย” เขาเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะรีบควบม้าไป เพราะใกล้จะเกินเวลาห้ามออกจากจวนแล้ว ความเร็วของรุ่ยเผิงที่ควบม้าอยู่ด้านหน้า แทบจะทำให้เสี่ยวซีที่ตามมาควบตามไม่ทัน “นายท่าน ท่านมาเสียที” เสี่ยวฮวา เมื่อเปิดประตูจวนมาเห็นรุ่ยเผิงก็ดีใจจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ “มีเรื่องอันใด” เขาเอ่ยถามอย่างสงสัย หรือนางคิดถึงเขาจนทนไม่ได้ “คุณหนูโจว มีไข้สูง จนนางเพ้อแล้วเจ้าค่ะ” รุ่ยเผิงเร่งฝีเท้าเดินไปที่ห้องของรั่วอินอย่างรวดเร็ว เขาคิดไว้แล้วว่านางจะต้องเป็นไข้ แต่คิดไม่ถึงว่าจะหนักถึงขั้นเพ้อ รุ่ยเผิงนั่งลงบนเตียง เขาจับที่หน้าผากของนาง ริมฝีปากเล็กเผยอออกไม่รู้ว่าพูดสิ่งใด จนเขาต้องเอาหูไปแนบกับริมฝีปากนางเพื่อฟัง “นะ หนาว” “ไปต้มน้ำมาเช็ดตัวให้นาง บอกเสี่ยวซีรีบไปซื้อยามาด่วน” สุดท้ายเขาก็ใจแข็งไม่พอที่จะปล่อยให้นางทรมานเช่นนี้ แม้ในตอนแรกที่รับตัวมา เพราะอยากจะทรมานนางเท่านั้น หากจะพูดเรื่องความแค้น คงต้องย้อนไปเมื่อสิบปีที่แล้ว รุ่ยเผิงในวัยสิบสามปี เป็นเพียงหนุ่มน้อยบุตรชายของหัวหน้าหมู่บ้าน เพราะเขาเฉลียวฉลาดบิดาจึงส่งให้เพียงร่ำเรียนเท่านั้น โจวเหล่ยหลงเดินทางมาที่เมืองที่เขาอยู่เพื่อทำเขื่อนกั้นน้ำ การจัดการของเขานับว่าดี แต่ภาษีที่ชาวบ้านต้องจ่ายก็เพิ่มสูงขึ้นจนแทบไม่มีอะไรให้ประทังชีวิตแล้ว บิดาของเขาที่เป็นผู้นำหมู่บ้าน ไม่เห็นด้วยกับการขูดรีดภาษีที่เพิ่มขึ้น จึงร้องเรียนไปที่เมืองหลวง เจ้าหน้าที่ที่รู้เรื่อง จับกุมบิดาและมารดาของเขาไปลงโทษ ทั้งคู่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวจึงขาดใจตายในเวลาไม่กี่วัน รุ่นเผิงจึงสาบานว่าเขาจะจัดการคนที่ทำให้บิดามารดาของต้องเสียชีวิตให้หมด จนเมื่อเขาเดินทางมาสอบจิ้นซื่อที่เมืองหลวง ด้วยความสามารถตอนตอบคำถามหน้าพระพักตร์ ทำให้ฮ่องเต้โปรดปรานส่งเขามาอยู่ที่ศาลต้าฉี ไม่กี่ปีเขาก็ขึ้นมาอยู่ตำแหน่งรองตุลาการได้ ความผิดในปีนั้นเขาจึงรื้อคดีขึ้นมาสอบสวนใหม่ทั้งหมด นายอำเภอ ท่านเจ้าเมือง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ต่างโดนลงโทษกันอย่างหนัก เพราะการขึ้นภาษีท้องที่โดยไม่แจ้งราชสำนัก นับเป็นความผิดร้ายแรง หลักฐานไม่ชี้ว่าโจวเหล่ยหลงมีความผิด แต่คนของตระกูลไป๋ที่อยากจะได้ตำแหน่งเสนาบดีของโจวเหล่ยหลงก็พูดเหตุผลจนฮ่องเต้ยอมที่จะสั่งขังไว้ เพื่อให้หาหลักฐานเพิ่มเติมเสียก่อน แม้จะรู้ดีว่านางไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่เพราะความแค้นจากการสูญเสียบิดามารดา โดยที่ยังไม่รู้เลยว่าบิดาของนางมีความผิดหรือไม่ เขาก็นำทั้งหมดมาลงกับนางเสียแล้ว รุ่ยเผิงยืนมองเสี่ยวหงกับเสี่ยวฮวาเช็ดตัวให้รั่วอิน เขาจึงได้เห็นเนื้อตัวของนางว่าเขารุนแรงกับนางมากเพียงใด ยิ่งสาวใช้ทั้งสองหันมามองเขาอย่างตำหนิ รุ่ยเผิงก็ทำใบหน้าเข้มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว แต่ครั้งนี้เขารู้สึกผิดจริงๆ “อื้ออออ” รั่วอิน เมื่อถูกผ้าร้อนเช็ดไปตามตัว นางก็เผลอครางหวานออกมาอย่างไม่รู้ตัว สาวใช้ทั้งสองก้มหน้าลงอย่างเขินอาย เสียงหวานของนางช่างทำให้ใจของคนสั่นไหวได้ง่ายเสียจริง รุ่ยเผิงตัวแข็งค้าง เขาไม่คิดว่านางจะส่งเสียงหวานออกมาเช่นนี้ “ข้าทำเอง” เขาไม่อยากให้ผู้ใดได้ ยินเสียงของนาง แม้กระทั่งสาวใช้ของเขาเอง เสี่ยวหงกับเสี่ยวฮวาก็ถอยออกไปอย่างรู้ความ เมื่อทั้งสองอยู่หน้าเรือนต่างก็บอกหน้ากันแล้วลูบอกเพื่อให้สงบใจ “เสียงของคุณหนูช่าง” เสี่ยวฮวาพูดเพียงเท่านั้นก็เงียบไป รุ่ยเผิง เมื่อไล่สาวใช้ออกไปแล้ว เขาก็ลงมือเช็ดตัวให้นางเอง “ข้าจะทำอย่างไรกับเจ้าดี” เพราะรั่วอินนางยังส่งเสียงหวานไม่ยอมหยุด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม