บทที่ 11 ใจเจ็บจนต้องหาที่ปล่อย
หลังจากที่กลับมาถึงห้องของคูเปอร์ ฉันกลับนอนไม่หลับ นอนดิ้นไปดิ้นมาราวกับหนูติดจั่น พยายามจะไม่คิด ปลอบใจตัวเองว่ามันไม่มีอะไรไปมากกว่านั้น พูดง่ายนะแต่ทำไม่ได้ ทำได้แค่เพียงเฝ้ามองประตูเป็นระยะ ๆ หวังว่าคูเปอร์จะกลับมา
จนเวลาล่วงเลยไปนานหลายชั่วโมง ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืน ประตูห้องได้เปิดออกโดยมีคูเปอร์ที่กำลังเดินเข้ามา ในช่วงเวลานั้น ฉันลุกขึ้นพรวดจากเตียง ฉีกยิ้มกว้างให้เขา ดีใจเหมือนหมาเจอเจ้าของยังไงยังงั้น
“คูเปอร์ กลับมาแล้วเหรอ”
“ครับ” เขาตอบเพียงสั้น ๆ พร้อมกับใช้มือปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตทีละเม็ด ดูเหมือนว่าเขากำลังจะไปอาบน้ำ
“ไปธุระมาเหรอ ทำไมนานจัง แล้วแวะไปที่ไหนมาหรือเปล่า” ถึงฉันจะเป็นคนตรงไปตรงมา แต่เรื่องแบบนี้กลับไม่กล้าถาม
ทางด้านคูเปอร์หรี่ตามองฉันเล็กน้อย ก่อนจะหยิบผ้าขนหนูผืนสีขาวในตู้ พูดกับฉันว่า
“ครับ มีแวะไปหาเพื่อนนิดหน่อย”
“เพื่อนนี่ผู้หญิงหรือผู้ชายอ่ะ” ฉันถามแบบนี้ มันจะเป็นการล้ำเส้นหรือเปล่านะ แต่มันหลุดปากพูดไปแล้วน่ะสิ
“ถามแบบนี้อย่างกับเป็นแฟนกันเลยนะ” เขาพูดเสียงเรียบ จนฉันเองไม่รู้จะทำตัวยังไง ได้แต่ตอบตะกุกตะกัก และเปลี่ยนเรื่องอื่นแทน
“อ๋อ…เอ่อ…แค่ถามเฉย ๆ จะอาบน้ำเหรอ…ไปอาบเลย ตามสบาย แหะๆ” ฉันพูดพร้อมกับผายมือเชิญให้เขาเข้าไปในห้องน้ำ เพราะฉันกลัวว่าหากฉันจี้มากเกินไป เขาจะอึดอัด และความสัมพันธ์ของเรามันจะติดลบ
คูเปอร์ถอนหายใจเบา ๆ แต่ยังไม่ได้พูดอะไร นัยน์ตาของเขาคาดเดายากว่ากำลังคิดอะไรอยู่ จนจะเดินเกือบถึงห้องน้ำ เขาค่อย ๆ หันมาพูดกับฉัน
“ผมไปกับเพื่อนผู้หญิงมาครับ”
“….” ฉันถึงกับพูดไม่ออก เหมือนมันมีก้อนขนาดใหญ่จุกอยู่ในลิ้นปี่ ฉันรู้สึกเจ็บจริง ๆ มันเจ็บที่ใจ แต่อย่างน้อยเขาก็พูดตรงตามที่ฉันเห็น ไม่ได้ปิดบังว่าไปกับผู้หญิง ถึงรู้แล้วจะทำอะไรได้ล่ะ เพราะเราต่างไม่มีสถานะ อีกอย่างฉันรักคูเปอร์ข้างเดียว รักมานานตลอด 20 ปี
ในครั้งนี้จะลองสู้ดูสักตั้ง หากในอนาคต ความรู้สึกของเราไม่ตรงกัน ฉันจะถอยออกมาเอง แม้ว่าตอนนี้จะถอนตัวไม่ได้แล้วก็ตาม
เป็นระยะเวลาไม่ถึง 10 นาที คูเปอร์ก็ได้เดินออกจากห้องน้ำมา พร้อมกับเช็ดผมที่กำลังเปียก บนตัวของเขาได้ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยมาตั้งแต่อยู่ในห้องน้ำแล้ว ฉันเดาว่าเขาคงไม่อยากให้ฉันเห็นมากกว่า คงจะบอกว่าเพื่อความเหมาะสมอีกนั่นแหละ แต่ฉันก็แอบจ้องมองเขาอยู่ครู่ใหญ่ จนเขาหันมาถามฉันว่า
“ยังไม่นอนเหรอครับ ดึกแล้วนะ”
“อีกสักพักจะนอนแล้วแหละ”
“ครับ งั้นฝันดีนะ” เขาพูดพร้อมกับเช็ดผมต่อไป จากนั้นเดินไปนั่งที่โซฟา ฉันก็ได้แต่มองแผ่นหลังของเขา เพราะตอนนี้คูเปอร์หันหลังให้ฉันอยู่ เรื่องวันนี้ฉันพยายามจะลืมมันไป พรุ่งนี้ลองชวนเขาไปเที่ยวดีกว่า เหลืออีก 2 วันนี่นา จะได้ไปรับน้องที่ต่างจังหวัด
“เอ่อ คูเปอร์…”
“ครับ มีอะไรงั้นเหรอ” เขาชะงักเล็กน้อย แล้วหันหน้ามาทางฉัน
“พรุ่งนี้ไปเที่ยวกันไหม เราไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยกันนานแล้วนะ 5 ปีได้แล้วมั้ง”
ใช่…เป็นเวลา 5 ปี ที่ฉันไม่ได้อยู่กับคูเปอร์ ไม่ได้ทำอะไรหลาย ๆ อย่างด้วยกัน มันทำให้ตอนนี้มักจะโหยหามันมากกว่าเดิม
“โทษทีนะเบลล์ พอดีว่าผมมีนัดแล้วน่ะ”
“…!!” พูดไม่ออกอีกแล้วค่ะ ปกติแล้วคูเปอร์จะตามใจฉันอยู่ตลอด ผ่านไป 5 ปี เขาเปลี่ยนไปแล้ว
“ผมมีธุระ คงไม่ว่าอะไรนะ”
“ไปกับใครเหรอ”
“เพื่อนผู้หญิงครับ”
“ผู้หญิงที่ไปหาวันนี้เหรอ”
“ครับ” เขาตอบ ด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ โดยที่ใบหน้าหันไปอีกทาง
“อืม แล้วกลางคืนล่ะ”
“กลางคืนอาจจะไม่กลับครับ อาจจะกลับเช้า เบลล์ไม่ต้องรอ ก่อนจะนอนล็อกห้องดี ๆ ด้วยล่ะ”
“….” ให้ตายสิ เขาไปนอนค้าง มันทำให้ฉันคิดจริง ๆ ว่าคูเปอร์กับยัยหัวทองนั่น มันมีอะไรมากกว่าเพื่อนกัน หรือคนรู้จัก
ยัยนั่นมันสำคัญมากกว่าฉัน….อยากจะโวยวาย แต่ทำไม่ได้ เฮ้อ คิดไม่ถึงว่าวันนี้ฉันรู้สึกน้อยใจ จนขอบตามันร้อนผ่าว น้ำตาคลออย่างกลั้นไม่อยู่
“โอเค งั้นนอนเถอะ ฝันดีนะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหัวจนมิด ก่อนจะพลิกตัวหันหลังให้เขา
ติ้ง! เสียงแจ้งเตือนข้อความของโทรศัพท์ดังขึ้น คนกำลังเศร้าอยู่ ดึกดื่นป่านนี้ยังส่งข้อความมารบกวนอีก แม้จะบ่นอุบอิบอยู่ในใจ แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกขอบคุณที่แจ้งเตือนนั้น ดึงสติของฉันคนเดิมให้กลับมา
ฉันคือเจ้าหญิงเบลล์ ผู้ที่สวยและรวยที่สุด จะมาร้องไห้ให้กับผู้หญิงขายบริการไม่ได้ ต้องสู้เท่านั้น….ฮึบ
ตอนนี้ภายในห้องมืดและค่อนข้างเงียบ ฉันแอบมองคูเปอร์เล็กน้อย เขาไม่เคลื่อนไหวใด ๆ นั่นหมายความว่าคงจะหลับไปแล้ว ดังนั้นฉันจึงเปิดโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เพื่อดูว่าใครกันที่ส่งข้อความมาหา
เหมียวเหมียว SAY : ไงครับ เป็นยังไง นอนหรือยัง ผมเดาว่าคุณคงนอนไม่หลับใช่ไหม
ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อยกับข้อความที่ส่งมาเพราะไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่ง แถมโปรไฟล์ยังเป็นรูปแมวอ้วน ๆ อีก ฉันจึงพิมพ์ตอบกลับไปถาม
เบลนิต้า SAY : แกเป็นใคร
ฉันเองก็แปลกใจอยู่เหมือนกัน เพราะโดยปกติแล้ว ฉันไม่ค่อยตอบข้อความคนแปลกหน้า แต่ตอนนี้กลับตอบข้อความนี้ไป เนื่องจากเห็นว่ารูปแมวน่ารักดี
เหมียวเหมียว SAY : ลองเดาสิครับ ว่าผมคือใคร
เบลนิต้า SAY : อย่ามาเล่นลิ้น ถ้าไม่บอกก็อย่ามาคุย
เหมียวเหมียว SAY : โห เด็ดขาดจังแฮะ ผมเตไง พึ่งมาส่งคุณวันนี้
แท้ ๆ ลืมกันไปแล้วซะงั้น
เบลนิต้า SAY : นายเองหรอกเหรอ นึกว่าหมาที่ไหนพิมพ์
เหมียวเหมียว SAY : หมาเลยเหรอครับ -[]-
เบลนิต้า SAY : แมวก็ได้ค่อยน่ารักหน่อย ว่าแต่นายมีอะไร
เหมียวเหมียว SAY : ไปเที่ยวกันไหมครับ
เบลนิต้า SAY : ไปกับนายคนเดียวเหรอ ไม่ไปอ่ะ
เหมียวเหมียว SAY : โถ เดี๋ยวครับ ไม่ได้ไปกับผมแค่คนเดียว พอดีว่ามีรุ่นพี่ที่คณะหลาย ๆ คน ชวนไปเที่ยวผับน่ะครับ ไม่ไกลจาก
มหาลัยมากนัก ผมจึงมาชวน…จะไปไหมครับ
เที่ยวผับงั้นเหรอ….เคยได้ยินอยู่เหมือนกัน แต่ฉันเองยังไม่เคยไป เขาว่ากันว่ามันสนุก แถมยังคลายเครียดได้อีกด้วย การที่ฉันเป็นแบบนี้ ได้ไปเที่ยวคงจะผ่อนคลายและเลิกคิดเรื่องของคูเปอร์ได้ประมาณหนึ่ง เอาเป็นว่าไปก็แล้วกัน ไม่มีอะไรทำอยู่แล้วนี่นา
เบลนิต้า SAY : ไป
เหมียวเหมียว SAY : โอเค งั้นเจอกันครับ เดี๋ยวผมไปรับ
เมื่ออ่านข้อความที่นายเตได้ส่งมา ฉันก็ปิดหน้าจอโทรศัพท์มือถือ จากนั้นข่มตาเพื่อนอนหลับ ดูเหมือนว่าพรุ่งนี้จะมีอะไรทำเพิ่มขึ้นแล้ว
เช้าต่อมา
คูเปอร์ออกจากห้องไปตอนไหนไม่รู้ ตั้งแต่ที่ฉันยังไม่ตื่น ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงวัน ท้องของฉันมันเริ่มประท้วง ส่งเสียงร้องโครกครากอย่างน่าอาย ร่างเล็กของฉันค่อย ๆ ลุกจากเตียงอย่างอ้อยอิ่งหยิบโทรศัพท์มือถือราคาแพงเพื่อส่งข้อความหาคูเปอร์
เบลนิต้า SAY : วันนี้ฉันไม่กลับห้องนะ ไปผับแถวนี้แหละ อาจจะนอนที่ห้องเพื่อนเลย
ฉันจงใจพิมพ์ประโยคไปนอนที่ห้องของเพื่อน เพื่อยั่วโมโหเขา แต่คูเปอร์จะโมโหหรือหงุดหงิดหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ เขาเป็นคนทิ้งฉันไปเองนี่นา คิดว่ตัวเองไปเที่ยวได้คนเดียวหรือไง คิดว่าฉันจะนอนอยู่ในห้องในขณะที่เขาไปกับผู้หญิงอื่นงั้นเหรอ
“หึ! วันนี้แหละ ฉันจะไปดื่มเพื่อลืมนายให้ดู” ฉันเบะปากเพื่อล้อเลียนเขาต่อหน้าโทรศัพท์ มันขึ้นว่าอ่านแล้ว แต่ไม่ตอบ เชอะ
ฉันรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย จากนั้นลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวออกจากในตู้ แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
ผ่านไปไม่นาน ฉันออกมาจากห้องน้ำแล้วโทรหานายเตให้พาไปห้างสรรพสินค้า ฉันจะซื้อชุดใหม่ เพื่อไปผับนั่นแหละ อีกอย่างคือหิวข้าวค่ะ และทำอาหารไม่เป็น แท็กซี่ก็ไม่อยากนั่งด้วย นายเตจึงเป็นตัวเลือกเดียวที่ฉันจะโทรหา
บรืน…เอี๊ยด..
เสียงรถเก๋งสีบรอนซ์เงินได้ปราดแล่นเข้ามาจอด ยังบริเวณลานจอดรถชั้น 2 ของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ โดยมีฉันกับเตก้าวขาลงจากรถมาด้วยชุดไปรเวทสีขาวดำ เราสองคนแต่งตัวเหมือนกันโดยไม่ได้
นัดหมาย
ทันทีที่ก้าวขาเข้าสู่พื้นที่ของห้าง สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องมาทางฉันและนายเตเป็นตาเดียว โดยเฉพาะผู้หญิง มองนายเตจนน้ำลายจะหกอยู่แล้ว ที่คนมองแบบนี้เป็นเพราะว่าฉันหน้าตาดี หรือนายเตหล่อกันแน่ ฉันเริ่มไม่แน่ใจ
“นายเดินห่าง ๆ ฉันเลย” ฉันบ่นอุบอิบ ใช้มือผลักนายเต ไปอีกทาง คนมันพาลค่ะ นายเตจะเด่นกว่าฉันได้ยังไง ส่วนนายนั่นได้แต่ทำหน้างง แล้วเดินตามหลังของฉันมาติด ๆ
“ก่อนจะไปซื้อของ แวะทานข้าวก่อนไหม ท้องของเบลล์มันร้องหลายรอบแล้ว” เตพูดไล่หลังฉันมา
ฉันได้แต่เอามือกุมท้องเอาไว้ แล้วก้มหน้าลงเพราะอาย นายนี่ดูใส่ใจฉันจนน่าหงุดหงิด
“เรื่องปากท้องของฉันนายไม่ต้องยุ่งเลย”
หิวนั่นแหละค่ะ แต่ยังปากดีอยู่….
“ครับ ๆ แล้วจะกินไหมล่ะครับ” เตถามอีกครั้ง ประจวบกับกลิ่นหมูย่างเกาหลีลอยมาเตะจมูก ทำให้ความหิวมันทวีเพิ่มมากขึ้น
“กินสิ” ฉันตอบแล้วเดินเข้าไปในร้านหมูย่างเกาหลีนั่น
ทันทีที่เดินเข้ามาภายในร้าน ภาพบาดตาบาดใจที่ไม่อยากเห็น กลับปรากฏอยู่ตรงหน้า คือคูเปอร์กับยัยผมทองนั่นกำลังนั่งทานข้าวกันสองต่อสอง
“มากี่ท่านครับ” เสียงพนักงานชายถามด้วยน้ำเสียงนิ่มนวล ส่วนฉันยืนนิ่งเหมือนปลาแช่แข็งไปแล้ว
“นี่โอเคไหม เปลี่ยนร้านหรือเปล่า” นายเตกระซิบกระซาบ
“ไม่จำเป็น” ฉันตอบ
“มา 2 คนครับ” นายเตตอบพนักงานชาย เพื่อให้เขาได้ไปจัดหาที่นั่งให้
เพียงชั่วครู่เราก็ได้ที่นั่ง โดยมีพนักงานชายคนนั้น ผายมือไปทางด้านขวา
“เชิญนั่งทางด้านนี้นะครับ”
“ครับ” นายเตตอบ พร้อมกับสะกิดฉันให้ไปนั่งโต๊ะของตัวเอง ทว่าเท้าเล็กของฉันมันกลับก้าวไปทางซ้าย ปรี่ไปยังโต๊ะของคูเปอร์ วันนี้เขาต้องได้รู้ว่ายัยผมทองนั่นคือผู้หญิงขายบริการ
“เบลล์ไปไหน โต๊ะอยู่ทางนี้นะ” นายเตพูดไล่หลัง แต่ฉันไม่สนใจอะไรแล้ว