บทที่ 10 แกล้งโง่
“ปล่อยฉันนะโว้ย” ยัยนั่นกรีดร้องเสียงดัง หลังจากพี่พ่นกระดาษทิชชู่ที่ฉันยัดเข้าปากไปเมื่อไม่นานมานี้
แน่นอนว่าเมื่อได้ยินเสียงอันแหลมปรี๊ดของเธอ ฉันก็ปล่อยมือจากเธอ แล้วยกขึ้นมาปิดหูแทน ….เกือบหูดับแหนะ -_-
ทันทีที่ยัยนี่หลุดพ้นจากการพันธนาการ เธอรีบง้างมือเรียวบางขึ้นมาเพื่อจะตบฉัน ในขณะเดียวกันพี่โยฮันก็ได้คว้าเอาไว้ก่อน ฝ่ามือนั้นจึงไม่ทันได้สัมผัสใบหน้าเนียนของฉัน
“พอได้แล้ว!” พี่โยฮันพูดเสียงเข้ม สายตาตวัดมองผู้หญิงคนนั้นด้วยความโกรธ ทำเอายัยนั่นหน้าซีดเผือดไปเลย การที่พี่โยฮันทำใบหน้าน่ากลัวแบบนี้ ฉันเองยังไม่เคยเห็นมาก่อน จนรู้สึกเสียวสันหลังวาบไปตาม ๆ กัน
“แต่ยัยนี่มันทำฉันก่อนนะคะ” เธอแย้ง
“ตัวเองทำพี่โยฮันก่อนแท้ ๆ พอคนอื่นทำบ้างกลับงอแง” ฉันเบะปาก จีบปากจีบคอพูดด้วยความหมั่นไส้
“เธอเป็นอะไรกับเขาอย่ามาสอด!!”
“เป็นคนที่พี่โยฮันรักที่สุดไง เธอมาทำของฉัน ฉันต้องเอาคืนไง ลองไหมล่ะ” ฉันพูดพลางง้างมือขึ้น ทำเอายัยนี่ชะงักถอยหลังไปหลายก้าว
“…!!”
“ถ้าหากว่าวันนี้เธอไม่ยอมจบ ชีวิตในมหาลัยของเธอจะไม่มีทางสงบสุข เผลอ ๆ เธออาจจะถูกไล่ออกเลยด้วยซ้ำ รู้ไหมว่าอำนาจเงินมัน
น่ากลัวแค่ไหน เธอมาที่นี่ไม่ใช่เพราะรักพี่โยฮันใช่ไหมล่ะ เพราะเงินของพี่เขาใช่ไหม หวังจะเกาะผู้ชายรวยล่ะสิ” ฉันกระซิบกระซาบ
“อย่างเธอมันจะไปรู้อะไร ว่ารักหรือไม่รัก เธอเด็กกว่าฉันตั้งหลายปีนะ”
“หึ มันไม่เกี่ยวว่าอายุเท่าไหร่ แต่พอดูจากสายตาของเธอ มันไม่มีความรักอยู่ในนั้นเลย รู้ไหมฉันเห็นอะไรในนั้น”
“…..” เธอเงียบ เหมือนกำลังระงับสติอารมณ์อยู่ ดังนั้นฉันจึงพูดต่อให้จบ
“ที่ฉันเห็นก็คือ ในแววตาของเธอมันเต็มไปด้วยความอยากได้ และหิวเงินไง!!!” ฉันยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย เขาว่ากันว่าสายตาของคนเรามันโกหกกันไม่ได้ ฉันพอจะแยกออกว่าใครดีไม่ดี รักไม่รัก
“แก…” ยัยนั่นส่งเสียงอยู่ในลำคอ ตอนนี้เธอกำลังโกรธฉันอยู่ แต่ฉันก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ ในเมื่อเธอต้องการเงิน ฉันก็จะให้ เรื่องนี้ไม่ใช่เธอคนเดียวที่ผิดนี่นา พี่โยฮันก็มีส่วนผิดด้วย ที่ดึงเธอเข้ามาในชีวิต
“ฉันอยากให้มันจบอยู่เพียงเท่านี้ ในเมื่อพี่โยฮันบอกเลิกเธอไปแล้ว ก็อย่าได้มา ระรานเขาอีกเด็ดขาด และนี่เงิน ฉันให้เธอ ถือว่าเป็นค่าจ้าง ค่าตัวของเธอก็แล้วกัน” ฉันกระซิบกระซาบ พร้อมกับหยิบเงินก้อนในกระเป๋ายัดใส่มือให้เธอเอาไว้
อยากจะบอกว่านั่นมันเงินค่าขนมของฉันทั้งเดือน T^T แต่เพื่อพี่โยฮันแล้ว ฉันยอม เพราะยังไง สุดท้ายแล้วฉันก็เกาะพี่ชายกินอยู่ดี
หลังจากที่ยัดเงินใส่มือยัยนั่นเสร็จเรียบร้อย ฉันก็ลากแขนพี่โยฮันมายังร้านขายเสื้อผ้าแบรนด์เนมชื่อดัง ต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่สิคะ จะให้พี่ชายสุดที่รักเดินห้างแบบเปียก ๆ ไม่ได้หรอกนะ
เมื่อมาถึงห้องน้ำชาย พี่โยฮันได้เข้าไปด้านใน ส่วนฉันยืนรออยู่ข้างนอก สายตาของฉันต่างมองไปเรื่อย ๆ จนไปสะดุดตาเข้ากับแผ่นหลังอันคุ้นตา นั่นมันคูเปอร์นี่นา แม้จะเห็นแค่แผ่นหลัง ฉันกลับจำได้ว่านั่นคือเขา
ด้วยความที่สงสัย เบลนิต้าคนนี้ต้องตามไปดูเท่านั้นค่ะ มันเรื่องสำคัญอะไร ทำไมฉันถึงไปกับเขาไม่ได้ ไม่รอช้าสองเท้าเล็กของฉันก็รีบเดินปรี่ไปฝั่งตรงข้ามทันที ก่อนจะไปยังไม่ลืมทักไปบอกพี่โยฮันว่าฉันขอตัวกลับหอก่อน ทว่าความจริงแล้วฉันแอบสะกดรอยตามผู้ชาย
ผ่านไปไม่นาน
ฉันได้เดินมาถึงบริเวณลานจอดรถชั้น 5 แอบหลบอยู่เสาต้นใหญ่ มองดูคูเปอร์เดินคู่กับผู้หญิงคนหนึ่งเธอคนนั้นมีผมสีทอง มันค่อนข้างคุ้นตาอีกแล้ว
ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นหันมาทางนี้พอดี มันทำให้ฉันเห็นใบหน้าของเธออย่างชัดเจน ….เธอคือ ยัยผมทอง หรือว่าฮารุนั่นเอง
ในหัวของฉันมันมืดไปหมด ไม่รู้ว่าคูเปอร์คิดอะไรอยู่ถึงได้มาคบกับผู้หญิงแบบนี้ ฉันยืนมองคูเปอร์กับยัยฮารุนั่นไม่วางตา จนกระทั่งพวกเขาขึ้นรถไป
“ไม่ได้ ฉันจะปล่อยให้ไปแบบนี้ไม่ได้” ฉันพึมพำเบา ๆ มองซ้ายมองขวา เผื่อมีรถรับจ้างอยู่แถวนี้ ทว่า มันไม่มีเลยสักคันค่ะ
“เบลล์” เสียงเรียกมาจากทางด้านหลัง
-O- ตกใจหมด ไอ้บ้าเอ้ย! ฉันหันขวับ ทำหน้าทมึงทึงใส่นายเต ดีนะไม่สวนกลับ ไม่อย่างงั้น ใบหน้าหล่อ ๆ นั่นยุบแน่
“มาทำอะไรที่นี่”
“แล้วนายล่ะ มาทำอะไร” ฉันย้อนถาม
“ผมมาซื้อของเตรียมไปรับน้องครับ เห็นเขาบอกว่าจะต้องไปต่างจังหวัดนี่นา แล้วเบลล์….”
“อย่าพึ่งพูด!” ฉันพูดแทรกนายเต พร้อมกับยกมือเล็กมาปิดปากเขาเอาไว้ แต่ดวงตากลับจ้องไปยังรถคันนั้นที่กำลังเคลื่อนตัวออกไป
“ตอนนี้ว่างไหม”
“ว่างครับ ซื้อของเสร็จพอดี”
“ไปส่งหน่อย”
“ว่าไงนะครับ” นายเตดวงตาเบิกโพลง เหมือยจะฟังไม่ชัดหรือยังไง
“รถอยู่ไหน เร็ว ๆ สิ” ฉันเร่งเร้า
“จะไปไหนครับ ดูรีบแปลก ๆ”
“อย่าพูดมาก รถอยู่ไหน!!”
“อ่า คันนี้ครับ คันที่อยู่ต่อหน้าเบลล์นั่นแหละ” เตพูดพลางใช้นิ้วชี้ไปยังรถเก๋งคันสีบรอนซ์เงิน ด้านหน้าของฉัน ไม่รอช้า ฉันจึงรีบยัดตัวเองเข้าไปในรถทันที ประดุจว่าเป็นเจ้าของรถคันนี้ ซึ่งตอนนี้นายเตก็ได้แต่ทำหน้าประหลาดใจ แต่ก็ขึ้นรถตามมาติด ๆ
“ตามรถคันนั้นไป” ฉันพูดอย่างร้อนใจ ชี้นิ้วไปยังรถคันของคูเปอร์กำลังขับออกไป ซึ่งยังไม่ทิ้งช่วงห่างมากนัก
“นี่กำลังทำอะไรอยู่กันแน่ครับ” เตถามออกมา แต่ยังคงยอมทำตามแต่โดยดี
“เถอะน่า ไว้เราสนิทกันเมื่อไหร่จะเล่าให้ฟังแล้วกัน” ฉันพูดตัดบทเพราะขี้เกียจอธิบาย
“ขึ้นรถผมมาขนาดนี้ยังไม่สนิทอีกเหรอแม่คุณ” เขาพึมพำเบา ๆ
“ว่าแต่นี่รถนายเหรอ”
“ครับผม”
“ไม่แว้นมอเตอร์ไซค์มาหรือไง” ฉันถามเพราะครั้งก่อนนายนั่นขี่มอเตอร์ไซค์คันเก่า ๆ นี่นา
“ผมมาห้างต้องเอารถส่วนตัวมาอยู่แล้ว เพราะจะได้ใส่ของได้ไงครับ ส่วนตอนอยู่มหาลัย ผมขี่มอเตอร์ไซค์เพราะว่ามันสะดวก และมีที่จอดด้วย”
“ไม่ได้ถามลึกขนาดนั้น ทำไมต้องพูดยาว ๆ ด้วย” ฉันบ่นอุบอิบ เพราะนายเตชอบพูดอะไรที่ฉันไม่ได้ถามอยู่เรื่อย
“ผมอยากบอกไงครับ เผื่อคุณจะสนใจชีวิตของผมขึ้นมา”
“เรื่องของนายใครจะสนกันยะ”
“อืม เรื่องที่คุณสนใจ คงจะเป็นผู้ชายที่ขับรถคันนั้นสินะครับ”
“รู้ได้ไง”
“ก็ท่าทางของคุณเหมือนภรรยาแอบตามจับสามีมีกิ๊กเลยประมาณนั้นครับ ดูง่ายออกจะตายไป”
“อืม…” ฉันตอบเสียงแผ่ว ทุกคนคงจะดูออกหมดว่าฉันชอบ
คูเปอร์ มีเพียงแต่เจ้าตัวนั่นแหละที่ดูไม่ออก ตาทึ่มเอ้ย
“เมื่อไหร่จะกลับหอล่ะครับ” จู่ ๆ นายเตกลับเปลี่ยนเรื่องซะงั้น
“แม่นายฝากถามเหรอ บอกไปเลยว่าฉันไม่กลับ” ฉันพูดอย่างแน่วแน่ ยังโกรธยัยป้านั่นไม่หาย ที่ให้ฉันคุกเข้าอยู่หน้าห้องพระ อีกทั้งสั่งให้บอกรักยัยนีออนนั่น คิดแล้วแค้นค่ะ
“เปล่าหรอกครับ ผมแค่ถามดูน่ะ หากคุณอยู่สบาย ผมเองก็สบายใจไปด้วย แต่นีออนเขาอยากจะคุยกับคุณอยู่นะ ผมจึงอยากให้คุณกลับไปน่ะ”
“ไม่มีทาง” ฉันปฏิเสธเสียงแข็ง ทั้งยัยผมทอง กับยัยหัวเขียวต่างเกี่ยวข้องกับคูเปอร์หมด ไม่มีทางที่ฉันจะคืนดีด้วย
“ครับ ๆ ๆ ตามใจคุณเบลล์เลยครับ ผมแค่อยากเสนอแนะเฉย ๆ”
“…” ฉันเงียบเพราะตั้งใจมองรถของคูเปอร์อยู่
จนกระทั่งรถคันนั้นได้ปราดแล่นเข้ามาในซอยคอนโดของพี่โยฮัน จากนั้นขับเลยไปอีกไม่กี่ร้อยเมตร รถคันหรูได้เลี้ยวเข้าไปในทาวเฮ้าส์ชั้นเดียว เหมือนเป็นบ้านแต่ไม่มีรั้วกั้น นั่นคือบ้านของยัยหัวทองนั่นเหรอ
“ยังไงครับ จะให้เข้าไปในบ้านหลังนั้นไหม” นายเตถามฉัน ในขณะที่ฉันกำลังนั่งนิ่งอยู่ในรถ มันรู้สึกใจสั่นแปลก ๆ รู้สึกกำลังอกหัก ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน
“ไม่ต้อง พอแล้วแหละ” ฉันตอบ
“ยอมแพ้ง่าย ๆ อย่างนี้เลย อุตส่าห์ตามมาถึงนี่” นายเตพูดไม่คิด จะขยี้ทำไม….
ความจริงแล้วฉันไม่ได้ยอมแพ้ แต่คูเปอร์บอกให้ฉันทำตัวดี ๆ ถ้าอยากอยู่ในห้องนั้นต่อ หากเป็นเมื่อก่อนที่คูเปอร์อยู่บ้านเดียวกับฉัน พ่อกับแม่ของเขาทำงานอยู่ที่บ้านของฉัน คงลงมือเข้าไปกระชากยัยหัวทองนั่นออกห่างจากคูเปอร์แล้ว
ตอนนี้ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคูเปอร์กับยัยหัวทองนั่นจะมีซัมติงกัน หากเป็นอย่างนั้นจริง ๆ บางทีคูเปอร์อาจะโดนหลอก และเรื่องนี้ฉันจะปล่อยผ่านไม่ได้ ต้องถามจากปากของเขาเท่านั้น
“ฉันไปก่อนนะ ขอบใจที่มาส่ง เดี๋ยวฉันเดินไปคอนโดเอง” ฉันพูดพลางเปิดประตูรถออกไป โดยมีนายเตตะโกนถามจากทางด้านหลังมาว่า
“เธอโอเคไหมเนี่ยเบลล์”
“….!!” ฉันไม่ตอบ ได้แต่ก้มหน้าก้มตาเดินต่อไป
เรื่องแบบนี้มันมีใครโอเคบ้างล่ะ เขามีแต่อดทนกันทั้งนั้น….
….ใจหนึ่งก็อยากรู้ อีกใจหนึ่งกลับกลัวคำตอบ ถ้าหากรู้แล้วมัน
บั่นทอนความรู้สึก สู้แกล้งโง่ต่อไปดีกว่าดีไหมนะ