บทที่ 12 ความสัมพันธ์ระหว่างเราเริ่มแย่ลง
ฉันเดินมาเรื่อย ๆ จนใกล้จะถึงโต๊ะของคูเปอร์ แต่กลับถูกมือหนาของนายเตคว้าเอาไว้ ในช่วงวินาทีนั้นคูเปอร์เงยหน้าขึ้นมาสังเกตเห็นพอดี เขาชะงักเล็กน้อยแต่ยังไม่ทันพูดอะไรออกมา ฉันกลับพูดออกมาก่อน
“นี่ใช่ไหมคูเปอร์ ธุระที่นายว่าน่ะ”
“ครับ” เขาตอบด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง ไม่ตกใจเลยแม้แต่น้อย มันทำให้ฉันรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิม
“นายเป็นอะไรกับยัยนี่” ฉันถามเสียงดัง มองยัยหัวทองนี่ อย่างไม่สบอารมณ์
“เบลล์ คนทั้งร้านหันมามองแล้ว” นายเตพูด ใช้นิ้วสะกิดอยู่
ข้าง ๆ แต่ฉันไม่สน วันนี้ต้องรู้ให้ได้ว่ายัยโสเภณีนี่เป็นอะไรกับคูเปอร์ ความกังหมดใจของฉันจะได้หมดไป
“ผมกำลังคุยกันอยู่” เขาพูดออกมาโดยไม่สนใจความรู้สึกของฉันแม้แต่น้อย คนคุยงั้นเหรอ…ไม่มีทางอ่ะ
“คูเปอร์ นายต้องเลิกคุยกับยัยนี่นะ”
“เบลล์ ผมยอมคุณได้ทุกเรื่องยกเว้นเรื่องนี้”
“ทำไมอ่ะ นายรู้ไหมว่ายัยนี่มันไม่ใช่คนดีอ่ะ ยัยนี่มันขายตัว นายได้ยินไหมว่ายัยนี่ขายตัว มันคือโสเภณี!!”
“เบลล์ แบบนี้มันจะมากเกินไปแล้ว ไปสงบสติอารมณ์ให้ได้ก่อน แล้วเราค่อยมาคุยกัน ถ้าหากว่ายังทำตัวแบบนี้ก็ออกจากห้องของผมไป” คูเปอร์ยื่นคำขาด
“ได้ เดี๋ยวฉันออกไปเอง แต่นายต้องเชื่อฉันนะ ว่ายัยนี่ไม่ใช่คนดีอ่ะ นายจะถูกสวมเขานะคูเปอร์”
“ผมจะเป็นยังไงต่อ มันก็ไม่เกี่ยวกับคุณแล้วเบลล์”
ฉึก ! ถ้อยคำที่เขาพ่นออกมา มันดูห่างเหิน เหมือนถูกเข็มพันเล่มแทงเข้าหัวใจเต็ม ๆ
“…!!” ฉันเงียบ พูดไม่ออก เพราะพึ่งคิดได้ว่าไม่มีสิทธิ์อะไร
“เบลล์คนเริ่มซุบซิบกันแล้ว” นายเตสะกิดอีกครั้ง เพราะไม่อยากจะมีเรื่อง
“เอ่อ คุณลูกค้า จะยังทานข้าวอยู่ไหมครับ หากไม่ทาน ผมจะได้….”
“ทานค่ะ นั่งตรงไหนคะ” พนักงานชายพูดยังไม่ทันจบ ฉันก็แทรกก่อน แม้จะหงุดหงิดแต่คนเรามันต้องทานข้าวนี่คะ เสียใจค่ะแต่ไม่อยากแคร์คูเปอร์แล้ว คืนนี้ฉันจะสนุกให้มันสุด ๆ ไปเลย
ฉันรวย ฉันสวยขนาดนี้ ไม่ลดตัวเองไปแข่งกับยัยโสเภณีนั่นหรอกค่ะ
“เชิญทางนี้นะครับ” พนักงานหนุ่มผายมือ เชิญฉันไปนั่งที่โต๊ะ สายตาทุกคู่ที่จับจ้องมาทางฉันก่อนหน้านี้ พอถูกฉันตวัดสายตามองค้อนก็ก้มหน้าลงอย่างไม่กล้าสบตา
“ขอโทษทีนะครับ เรื่องเมื่อครู่ ไม่มีอะไรครับ แค่เจอคนรู้จักนิดหน่อย พอดีจะชอบทักทายกันแบบนี้บ่อย ๆ” นายเตแก้ตัวแทนฉัน พร้อมกับโค้งศีรษะลงเล็กน้อยเพื่อเป็นการขอโทษพนักงานในร้านที่สร้างความลำบากให้
“ครับผม สั่งอะไรดีครับ” พนักงานยิ้มเจื่อน ๆ คงจะรู้แหละว่ามันมีอะไร มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าเมื่อครู่กำลังจะมีเรื่องกัน
“เบลล์จะกินอะไร หิวมากเลยใช่ไหม ถึงโมโหขนาดนี้” เขาถามฉันในขณะที่ฉันกำลังกอดอก ขมวดคิ้วหน้าบึ้งตึงอย่างไม่สบอารมณ์ นายเตนี่พยายามทำตัวเป็นกลางมากที่สุดแล้วมั้ง คนอะไรจะดีขนาดนี้ โดนฉันด่าไปหลายรอบยังจะดีกับฉันอยู่อีก
“กินอะไรก็ได้ที่ไม่เผ็ด ไม่เอากุ้ง ไม่ใส่ต้นหอม”
“ครับ งั้นเอาผัดปลาแซลม่อน ไม่ใส่ต้นหอม 2 ที่ สเต๊กหมู ซอสเทอริยากิ 2 ที่ครับ” นายเตพูดโดยไม่ดูเมนูในมือ แถมสั่งออกมาราวกับว่าเป็นลูกค้าที่มาบ่อย ฉันได้แต่หรี่ตามองเขา เหมือนกับกำลังจับผิด
นายเตนี่คงพาสาวมากินบ่อยแน่เลย
“ครับ เดี๋ยวรออาหารสักครู่นะครับ” พนักงานชายทวนรายการพร้อมกับโค้งศีรษะเล็กน้อย จากนั้นเดินถอยหลังออกเข้าไปในครัว
“เป็นไง อาหารที่ผมสั่ง คุณพอทานได้หรือเปล่า”
“งั้น ๆ แหละ พอกินได้” ฉันตอบอย่างไม่แยแส แต่ความจริงแล้ว อาหารที่นายเตสั่ง เป็นของที่ฉันชอบทานบ่อย ๆ อยู่แล้ว
ผ่านไปราว ๆ เกือบ 1 ชั่วโมงครึ่งที่อยู่ในร้านอาหาร ฉันทานอาหารจนรู้สึกอิ่มเปล้ จนต้องเอามือมาลูบท้องอย่างลืมตัว อารมณ์ที่หงุดหงิดก่อนหน้านี้ค่อย ๆ เบาลงไปแล้ว หรือที่ฉันหงุดหงิด เป็นเพราะว่าหิวข้าวจริง ๆ
ฉันเดินมาเรื่อย ๆ โดยที่มีเตเดินตามหลังมาติด ๆ จนมาถึงร้านเสื้อผ้า
แบรนด์เนมแบรนหนึ่ง ด้านหน้าร้านมีหุ่นใส่ชุดเดรสสีแดงสั้นเหนือเข่าประมาณ 1 คืบ แขนเสื้อเป็นเสื้อแขนกุด ส่วนคอเสื้อแหวกลึกลงมาเผยให้เห็นหน้าอก เป็นชุดและสีที่ฉันชอบอยู่พอดี
“เอาชุดนี้แหละ ไปกัน” ฉันพูดเสียงเรียบแล้ว เดินนำลิ่วเข้าไปยังร้านขายเสื้อผ้าแบรนด์หรู
“เอาชุดนี้ค่ะ ที่หุ่นตัวนั้นใส่อยู่” พูดพลางใช้นิ้วชี้ไปยังหุ่นยืนอยู่หน้าร้าน พนักงานพยักหน้าเข้าใจในทันที จากนั้นเดินเข้าไปด้านในพักหนึ่ง เพียงชั่วพริบตาก็ออกมา ในมือถือชุดที่ฉันต้องการ แล้วพูดมา
“ถ้าอย่างนั้น ลองดูก่อนนะคะ ดูจากตัวของคุณลูกค้าแล้ว ไซส์ S น่าจะเหมาะค่ะ”
“ค่ะ” ฉันรับชุดในมือของพนักงานสาว จากนั้นเข้าไปในห้องลองชุด
จนฉันใส่ชุดเดรสสีแดงเสร็จ หมุนตัวหนึ่งรอบ สังเกตบริเวณเอวขนาดของชุดพอดีตัวอยู่หรอก แต่หน้าอกของฉันมันใหญ่เกินตัวน่ะสิ ปิดไว้ไม่มิด อย่างที่คิดจริง ๆ ด้วย แต่ช่างเถอะ ฉันโตแล้วนี่นา มีของดีก็โชว์หน่อยแล้วกัน นาน ๆ ทีได้ออกไปเปิดหูเปิดตา
สองเท้าเล็กก้าวออกมาจากห้องลองเสื้อผ้า ด้วยใบหน้าที่มีแต่ความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม
“เป็นไง ชุดนี้พอได้ไหม” ฉันถามนายเต ตอนนี้กำลังยืนตาค้างอยู่ นายนั่นเป็นอะไร ยังช็อคเรื่องในร้านอาหารไม่หายหรือไง
“นี่ ฉันถามนายเนี่ย เป็นยังไง” ฉันเดินเข้าไปใกล้ ๆ ดีดนิ้วหนึ่งครั้งเพื่อดึงสติให้กลับมา ซึงมันได้ผล นายเตละล่ำละลักตอบว่า
“สวยครับ สวย แต่หน้าอกมันจะโชว์ไปหน่อยไหม”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย ฉันอยากใส่”
“ครับ ๆ ผมก็มีชุดที่จะซื้อพอดี”
“อะไร”
“…” นายเตไม่พูดอะไร แต่เดินไปหยิบเสื้อคลุมสีดำตัวหนึ่ง แล้วจ่ายเงิน ผ่านไปชั่วพริบตาเขาเดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับเสื้อตัวนั้น
“ใส่ไว้ ค่อยถอด ที่นั่นมันหนาวนะ”
“อ๋อ…อืม” ฉันรับเสื้อคลุมแขนยาวในมือของเขามา จากนั้นยืนบัตรแบล๊คการ์ดส่งให้เขาเพื่อจ่ายเงิน
“ไม่ต้องครับ ผมจ่ายหมดแล้ว”
“อย่างนายเนี่ยนะ เอาเงินมาจากไหนกัน” ฉันพูดพลางหรี่ตามองอย่างไม่เชื่อว่านายเตจะเป็นคนรวยในคราบคนจน ข้าวของแต่ละอย่างที่ใช้ไม่มีแบรนด์เนมสักชิ้น
“พอดีว่าในตอนเป็นเด็กอายุประมาณ 7 ขวบ ได้มั้ง ครอบครัวของผมกำลังจะล้มละลาย ผมรู้จักเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เธอขโมยเงินของพ่อแล้วเอามาให้ครอบครัวของผม จนธุรกิจทุกอย่างมันเฟื่องฟูได้ ดังนั้นผมจึงสัญญากับเธอเอาไว้ ว่าผมจะเป็นเพื่อนกับเธอและดูแลเธอให้ดีที่สุด”
“งั้นเหรอ? เด็กผู้หญิงคนนั้น ทึ่มชะมัดขโมยเงินพ่อแล้ว เอามาให้คนอื่นเนี่ยนะ”
“หือ ผมคิดว่าเป็นเด็กผู้หญิงที่ดีคนหนึ่งเลยนะ เธอเป็นคนที่ทำให้ผมลืมไม่ลงเลยล่ะ”
“แล้วผู้หญิงคนนั้นหายไปไหนล่ะ นายได้เธอเป็นแฟนหรือยัง”
“หึ ๆ ผมว่าเธอลืมผมไปแล้วแหละครับ จำผมไม่ได้ด้วยซ้ำ” นายเตพูด จ้องมองมาที่ดวงตาของฉันเหมือนกำลังจะสื่ออะไร ฉันรีบละสายตาจากเขาทันที ไม่อยากเป็นตัวแทนใครค่ะ
“ใครอยากฟังเรื่องของนายกัน ไปเถอะ ฉันต้องไปทำผมแต่งหน้าอีก พอถึงตอนนั้น คงมืดพอดี”
“ครับ”
ผ่านไปหลายชั่วโมง เวลา 21.00 น.
Foxy Bar
เป็นร้านเหล้ากึ่งผับ มีโซนวีไอพี และ โซนธรรมดา โดยโซนธรรมดาจะอยู่ทางด้านล่าง โซนวีไอพีจะอยู่ทางด้านบน มันต่างกันตรงที่โซนด้านบนจะสามารถมองเห็นโซนด้านล่างได้อย่างชัดเจน ตอนพูดคุยกันจะสามารถคุยกันรู้เรื่องเพราะเสียงเพลงจะไม่ดังมาก เหมาะสำหรับคนที่ต้องการมาดื่มด่ำบรรยากาศ แต่ต้องการความสงบและเป็นส่วนตัว
ทางด้านกลุ่มฉันมากันหลายคนเลือกโซนธรรมดา เพราะทุกคนอยากมาสนุก พร้อมกับกระชับความสัมพันธ์รุ่นพี่กับรุ่นน้องให้สนิทไวขึ้น การพูดคุยของเราต้องกระซิบใกล้ ๆ หูกัน ถึงจะคุยกันรู้เรื่อง
ปึก! เสียงฉันวางแก้วลงบนโต๊ะดังขึ้นต่อเนื่องหลายต่อหลายครั้ง เนื่องจากด้านบนโซนวีไอพี มีคูเปอร์และยัยผมทอง พร้อมกับผู้หญิงอีกหลายคนล้อมรอบอยู่ มันทำให้ฉันไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก จนเผลอดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์จนนับไม่ถ้วน ทั้ง ๆ ที่ยังไม่เคยดื่มมาก่อน ยังไม่รู้ฤทธิ์ของมัน
แต่ทุกครั้งที่กระดกมันเข้าไป สติของฉันมันเริ่มเคลิ้ม ๆ คล้ายคนง่วงนอนมากขึ้นเรื่อย ๆ
“เบลล์ อย่าดื่มเยอะ พรุ่งนี้จะเมาค้างนะ” เตกระซิบกระซิบใกล้ ๆ พร้อมกับหยิบเสื้อคลุมมาคลุมไหล่บางเอาไว้ กลับถูกฉันปัดทิ้ง เนื่องจากรู้สึกร้อน
“อืม รู้แล้วน่า” เผลอตอบอย่างไม่คิดอะไรทั้งสิ้น แต่มือบางยังคงดื่มไม่หยุด
“วันนี้มีรุ่นพี่จะมาร่วมวงด้วย ป่านนี้ยังไม่มาอีก” เสียงเพื่อนในกลุ่มบ่นอุบอิบ ซึ่งตอนนี้เพลงมันเบาลงทำให้เราคุยกันได้สะดวก
“ใครนะ รุ่นพี่อยู่คณะอะไร” เสียงของเพื่อนผู้หญิงในกลุ่มพูดเสริม
“วิศวะ พี่ราฟ แกเคยเห็นหน้าไหม หล่อนะ ตอนนี้พึ่งโสด
หมาด ๆ เลยด้วย”
“ราฟงั้นเหรอ….” ฉันพึมพำ ชื่อคุ้น ๆ นะ
เพียงชั่วพริบตา ในขณะที่กำลังพูดถึงพี่ราฟอยู่นั้น ผู้ชายร่างสูงประมาณ 180 เซนติเมตร ผิวขาว ผมสีน้ำเงินประกายม่วง ได้เดินเข้ามาร่วมวงด้วย นั่นทำให้ฉันแทบช็อค เขาคือพี่ราฟ คนรู้จักตอนมอปลาย พี่เขาเป็นคนที่มีอำนาจที่สุดในโรงเรียน อีกทั้งเป็นแฟนเก่าของฉัน
แฟนในที่นี้คือคบกันโดยที่ฉันไม่ได้รัก คบกันเพื่อผลประโยชน์ พี่เขามีอำนาจในโรงเรียน ฉันก็คบเพราะต้องการเป็นควีนแค่นั้น ในใจของฉันมันมีคูเปอร์คนเดียว สาเหตุที่เลิกกันเพราะฉันไม่ยอมมีอะไรกับพี่เขานั่นแหละ ไม่ยอมให้จูบ ไม่ยอมให้นอนด้วย มากสุดแค่จับมือกัน
คิดไม่ถึงว่า….จะได้เจอกันอีก
“ไงเบลล์” มาถึงเขากลับทักทายฉันก่อน ทำให้ทุกคนที่โต๊ะหันมามองฉันเป็นตาเดียว ว่าไปรู้จักกับพี่เขาตอนไหน ฉันได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ ส่งให้ ด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าวและแดงก่ำ
เนื่องจากฤทธิ์แอลกอกอลล์มันเริ่มทำพิษ จนทำให้ยืนไม่ตรง จนนายเตต้องประคองฉันเอาไว้
“พี่ขอคุยหน่อยได้ไหม ในรอบ 4 ปี” พี่เขาถาม ฉันกลับพยักหน้าหงึก ๆ โดยอัตโนมัติไปแล้ว เริ่มจะเบื่อตัวเองเข้าแล้วนะ ไม่คิดก่อนทำ