บทที่ 14 ความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจน

1819 คำ
บทที่ 14 ความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจน เช้าต่อมา ฉันเปิดเปลือกตาขึ้นมาเนื่องจากรู้สึกถึงบางอย่างกำลังกอดก่ายร่างเล็ก ๆ ของฉัน ดวงตาคู่สวยเริ่มกวาดสายตามองไปรอบ ๆ กลับพบกับใบหน้าที่คุ้นเคย… ผู้ชายคนนั้นคือคูเปอร์นั่นเอง เมื่อเห็นใบหน้าของเขา ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนก็ได้แล่นเข้ามาในหัวเป็นฉาก ๆ พลันมือเรียวบางก็ยกผ้าห่มขึ้น เพื่อเช็คดูอีกครั้งว่าเหตุการณ์เมื่อคืนมันเกิดขึ้นจริง “เรื่องจริง….” O[]O ฉันพึมพำเบา ๆ ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ ทุกอย่างมันคือเรื่องจริง อีกทั้งรอยประทับสีแดง ๆ เต็มไปทั่วทั้งร่างกาย มันยิ่งตอกย้ำความจริงมากขึ้นไปอีก ตอนนี้ฉันไม่ได้รู้สึกดีใจแม้แต่น้อย ที่ได้ตกเป็นของคูเปอร์โดยสมบูรณ์ มันกลับรู้สึกเครียดมากกว่า เพราะไม่รู้ว่าเขารู้สึกยังไงกับฉัน อีกอย่างเมื่อวานเราพึ่งทะเลาะกัน และฉันยื่นคำขาดว่าจะออกไปจากห้องของเขา คิดไม่ถึงว่าทุกอย่างจะลงเอยแบบนี้ แม้ว่าฉันจะรักเขา อยากแต่งงานกับคูเปอร์ แต่หากเขาไม่ได้รักฉัน อีกทั้งคูเปอร์มีคนคุยอยู่แล้ว ฉันไม่อยากจะบังคับให้เขามารับผิดชอบอะไรฉัน ‘แล้วทีนี้หากเขาตื่นมาเขาจะทำหน้ายังไงนะ ฉันไม่อยากจะคิดเลย เมื่อคืนเรา…ดุเดือดกันจริง ๆ เฮ้อ อยากจะบ้าตาย’ ฉันได้แต่คิดในใจ สลับกับมองหน้าเขา และมองร่างของตัวเองใต้ผ้าห่มไปมา ไม่รอช้า เมื่อเห็นว่าเขายังไม่ตื่นฉันก็ค่อย ๆ ใช้มือเล็กผลักเขาออกจากร่างกาย ทันทีที่ลุกขึ้นจากเตียง ความรู้สึกเจ็บก็ได้ปราดแล่นเข้ามายังบริเวณช่วงล่าง ฉันได้แต่พยุงร่างกายที่ไม่ค่อยมีแรง เดินไปยังตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อผ้ามาใส่ แล้วออกจากห้องไป ระหว่างนี้ต้องไปอยู่ห้องพี่โยฮันสักพัก เพราะความสัมพันธ์ของฉันกับ คูเปอร์มันยังไม่ชัดเจน…. 1 วันผ่านไป วันนี้เป็นวันที่ฉันต้องมารับน้องที่ต่างจังหวัด เมื่อวานฉันไม่ได้คุยกับคูเปอร์เลยแม้แต่คำเดียว แอบหนีมาอยู่ที่ห้องของพี่โยฮันจนข้ามมาอีกวัน “เสื้อผ้าพี่ให้คนที่บ้านเตรียมให้แล้วนะ แต่ละตัวจะหนาหน่อย เพราะตอนนี้อากาศมันค่อนข้างเย็น ใส่เสื้อผ้าหนา ๆ เดี๋ยวไม่สบายเข้าใจไหม” เสียงพี่โยฮันพูดกำชับ ในขณะที่ฉันกำลังเหม่อลอย “…” “เบลล์ ได้ยินไหมเนี่ย เป็นอะไรฮึ ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เหม่อทั้งวัน” พี่โยฮันถามอีกครั้ง ฉันได้แต่หันไปส่งยิ้มให้ จากนั้นพูดว่า “ไม่มีอะไรค่ะ รับทราบแล้วค่า ” ฉันลากเสียงยาวตอบ จากนั้นเอื้อมมือไปเปิดประตูรถ แล้วเดินไปยังจุดที่ต้องรอขึ้นรถ ณ บริเวณลานกว้างของมหาวิทยาลัย ตอนนี้เป็นเวลา 6 โมงเช้า นักศีกษาชั้นปีที่ 1 พร้อมรุ่นพี่ปี 2 และ 3 ได้มารวมตัวกันยังที่นี่ “สวัสดีค่ะน้อง ๆ รบกวนมาเช็คชื่อด้านนี้ทีนะคะ เพราะใกล้จะถึงเวลาเดินทางแล้วค่ะ” “ค่า/ครับ” เสียงตอบรับอย่างพร้อมเพรียง จากนั้นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ต่างพากันเดินมาต่อแถวหน้ารถบัสคันใหญ่ “ที่นั่งเลือกได้ตามสบายนะคะ ไม่แบ่งชายหญิง น้อง ๆ ปี 1 ขึ้นรถคันแรก โดยมีรุ่นพี่นั่งรถด้วยประมาณ 4 คน ส่วนรถคันที่ 2 เป็นของรุ่นพี่ปี 2 และ 3 นะคะ รับป้ายชื่อแล้วขึ้นรถได้เลยค่ะ” “ครับ/ค่ะ” ในช่วงวินาทีที่ฉันจะก้าวขาขึ้นรถ กลับถูกมือหนาคว้าเอาไว้ จนเซถลาไปทางด้านหลังโชคดีที่มีคนประคองร่างของฉันเอาไว้ แต่เมื่อมองชัด ๆ แล้ว ผู้ชายคนนั้นคือคูเปอร์นั่นเอง “เอ่อ มีอะไรงั้นเหรอ” ฉันละล่ำละลักถาม “นั่งด้วยกันไหม พอดีอยากคุยด้วยน่ะ” “คือฉัน….” ฉันไม่รู้จะให้คำตอบอะไรได้แต่อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ก็อยากจะคุยให้มันชัดเจนอยู่หรอก แต่ฉันกลัวว่าคำตอบที่ได้จากปากของเขา มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ ในระหว่างที่อ้ำอึ้งกลับมีผู้หญิงคนหนึ่งพูดแทรกขึ้นมาก่อน “คูเปอร์ มานั่งกับฉันสิ” เธอพูดพร้อมกับลากแขนคูเปอร์ออกไปขึ้นประตูอีกฝั่ง “ยัยแมลงวันหัวเขียว!!!” ฉันกัดฟันกรอด ทำไมต้องเจอยัยนี่ตลอด “น้องขึ้นไปได้แล้วค่ะ จะยืนขวางประตูอีกนานไหม” เสียงรุ่นพี่ปี 3 คนหนึ่งเป็นผู้หญิงพูดเสียงดังใส่ฉัน ส่วนฉันได้แต่ตวัดสายตามองค้อนอย่างไม่พอใจอยู่หน่อย ๆ มีสิทธิ์อะไรมาขึ้นเสียงใส่ฉันยะ แม้จะไม่พอใจ แต่ก็เดินขึ้นรถบัสไปด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียว ถ้าไม่ได้นั่งกับคูเปอร์ ใจจริงฉันอยากจะนั่งคนเดียว ทว่าความจริงแล้วมันเป็นไปไม่ได้ การใช้เงินแก้ปัญหาที่นี่ มันทำไม่ได้ “เบลล์มานั่งนี่สิ” เสียงของเต เรียกฉันจากที่นั่งเกือบ ๆ ด้านหน้าฝั่งซ้าย ส่วนทางฝั่งขวามีคูเปอร์นั่งอยู่กับยัยแมลงวันหัวเขียวนั่นนั่งอยู่ “อืม” ฉันตอบนายเต แล้วเดินเข้าไปนั่งชิดริมกระจก ในขณะที่กำลังจะนั่งนั้น เผลอสบตากับคูเปอร์พอดี สายตาของเขาเรียบนิ่ง ไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่ ส่วนฉันนั้นกลับมีภาพบนเตียงคืนก่อน ผุดเข้ามาอย่างไม่จบไม่สิ้น จึงรีบละสายตาจากเขา “ทานอะไรมายัง เช้าขนาดนี้คงไม่ได้ทานอะไรมาใช่ไหม ผมซื้อขนมมาเผื่อเยอะเลย หิวไหม” นายเตพูด พร้อมกับเปิดกระเป๋าเป้สีดำ ซึ่งด้านในเต็มไปด้วยขนมอย่างที่เขาพูดจริง ๆ “ไม่ล่ะ” ฉันตอบอย่างไม่แยแส เอนกายไปทางเบาะด้านหลัง มือทั้งสองข้างยกมากอดอก จากนั้นหลับตาลงเพื่อพักสายตา พอดีว่าเมื่อคืนฉันไม่ได้นอนเลยแม้แต่นิด พยายามข่มตานอน เรื่องระหว่างฉันกับคูเปอร์มันผุดเข้ามาตลอด “ถ้าหิวบอกผมนะ อีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะถึง กลัวว่าจะเที่ยงพอดี” นายเตพูดพลางแกะขนมในมือ “กินเบา ๆ อย่ารบกวนฉัน” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ หรี่ตามองนายเตเล็กน้อยก่อนจะปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง จนเวลาล่วงเลยไปหลายชั่วโมงไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ ฉันรู้สึกว่าได้นอนนานอยู่ประมาณหนึ่ง ตอนนี้รถมันหยุดเคลื่อนที่แล้ว อีกทั้งยังมีเสียงพูดคุยหัวเราะคิกดังอย่างต่อเนื่อง มันทำให้ฉันต้องเปิดเปลือกตาขึ้นมาดู แสดงว่าตอนนี้ถึงอุทยานแห่งชาติแล้ว ทันทีที่ลืมตาแล้วจะเดินจากรถบัส บังเอิญดวงตาคู่สวยสบตาเข้ากับคูเปอร์พอดี สายตาที่เขามองมาในครั้งนี้มันทำให้ใจของฉันสั่นไหวมากกว่าเดิม เพราะเขาหรี่ตามองฉัน เหมือนรับรู้ว่าฉันกำลังหลบหน้าหลบตาจากเขา และการที่เขาหรี่ตามองมามันกระชากหัวใจของฉันให้ไปอยู่กับเขาโดยสมบูรณ์แล้ว “น้อง ๆ เดี๋ยวเอาของไปเก็บที่พักนะคะ ที่พักนอนได้ห้องละ 2 คน แยกชายหญิง มาดูรายชื่อด้านนี้ จากนั้นรับกุญแจห้องของใครของมัน เวลาเที่ยงตรง มารวมตัวกันที่ศูนย์อาหารด้านหน้านะคะ” เสียงของรุ่นพี่ผู้หญิงปี 3 แจกแจง นักศึกษาปีที่ 1 ต่างเข้าแถวเป็นแถวตอนยาว แยกชายหญิงเพื่อความสะดวกในการเช็คชื่อ และจัดที่พัก ส่วนฉันแม้จะรำคาญไปหน่อย แต่ก็ต้องทำตาม ฉันยืนต่อแถวไม่นานก็ถึงคิวของฉันบ้าง “น้องชื่ออะไรคะ” เสียงรุ่นพี่ปี 3 ถาม พร้อมกับสบตาของฉัน “เบลล์ เบลนิต้า ไพศาลจิรสกุล” ฉันตอบด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ ส่วนรุ่นพี่ก็ก้มต่ำมองกระดาษในมือ ใช้สายตาไล้ดูตัวอักษรในกระดาษตั้งแต่บนลงล่าง ก่อนจะพูดว่า “ห้องของน้องอยู่ห้อง 202 นะคะ เดินไปทางด้านขวามือ ตึกที่ 2 จากนั้นอ่านเลขหน้าห้องเอานะคะ เพื่อนอีกคนรับกุญแจไปแล้วค่ะ ส่วนนี่ กุญแจของน้อง” รุ่นพี่แจกแจง พลางยื่นกุญแจห้อง 202 มาให้ฉัน ฉันได้แต่พยักหน้าหงึก ๆ เอื้อมมือไปรับกุญแจมา จากนั้นเดินไปด้านหน้า ตามที่รุ่นพี่ได้บอกเมื่อครู่ ผ่านไปเพียงชั่วครู่ ฉันก็ได้เดินมาถึงที่พัก แถวสอง ห้อง 202 ไม่รอช้า ฉันรีบใช้กุญแจในมือเปิดเข้าไปสำรวจสภาพด้านใน ไม่แน่ใจว่าจะนอนได้ไหม แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวน่าจะดีอยู่ประมาณหนึ่ง แอดด…. มือเล็กของฉันผลักประตูเข้าไปด้านใน ด้วยใจที่กำลังลุ้นว่าเพื่อนร่วมคณะคนไหนจะเป็นคนได้นอนร่วมห้องกับฉัน หวังเอาไว้แค่เพียงว่าขออย่าให้เป็นยัยแมลงวันหัวเขียวก็พอ ทว่า… ทันทีที่เปิดเข้าไปภายในห้อง ดวงตาคู่สวยกลับเห็นร่างเล็กอันคุ้นเคย และหญิงสาวที่เบ้าหน้าสวยธรรมชาติ แต่มีเรือนผมสีเขียว เธอกำลังนอนคว่ำ พร้อมกับตีขาสลับกันไปมาอย่างอารมณ์ดี ในขณะเดียวกัน เมื่อฉันรู้ว่าคนที่กำลังนอนอยู่บนเตียงนั่นคือใคร ใบหน้าที่เรียบนิ่งของฉันก่อนหน้านี้ มันกลับค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบึ้งตึง แค่เพียงเสี้ยววินาที ยัยนั่นก็รู้สึกตัวว่ามีคนเข้าห้องมา นางค่อย ๆ หันหน้ามาอย่างช้า ๆ ด้วยรอยยิ้ม และทันทีที่สบตากับฉัน ใบหน้าของยัยฮารุ กลับหุบยิ้มลงทันที จากนั้นจ้องมองฉันเขม็ง ฉันเองไม่ลดละ จ้องใบหน้าของเธอกลับ การสบตาในครั้งนี้เหมือนจะไม่มีใครยอมหลบตาใคร อีกทั้งสายตาที่ฉันมองยัยฮารุ มันบ่งบอกว่ายัยนี่คือศัตรูหัวใจตัวฉกาจ “ตอนเช้าฉันก้าวขาข้างไหนออกจากบ้านวะเนี่ย” ฉันบ่นอุบอิบ พร้อม ๆ กับคิดไว้แล้วว่าชีวิตของฉันที่ได้มารับน้องที่ต่างจังหวัดนี้ ไม่มีทางที่จะสงบ หรือไปได้สวยอย่างที่คิดเอาไว้เลย ตั้งแต่ที่ได้พบเจอกับยัย ฮารุนี่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม