“ช่วงนี้แกมีปัญหาอะไรหรือเปล่าปิ่น”
ลูกชายคนโตของบ้านดิลกพรเอ่ยถามทันที ที่น้องสาวเดินกลับเข้ามาในบ้าน แม้ว่าเขาจะชอบออกไปสังสรรค์ข้างนอกแต่ก็ใช่ว่าจะไม่สังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้น
ช่วงนี้ปาลีไปนอนค้างที่บ้านเพื่อนบ่อยๆบ้างก็ไปหลายวัน บ้างก็กลับมาเช้าจนคนเป็นพี่ชายนึกแปลกใจ รถที่ขับมาส่งที่หน้าบ้านเมื่อครู่ก็น่าสงสัย เมอร์เซเดสเบนซ์คันงามราคาหลายล้านที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
“ไม่มีอะไรนี่ ปิ่นก็ปกติ” คำตอบที่ไม่กล้าสบตาพี่ชายยิ่งทำให้คนช่างสังเกตรู้สึกตงิดๆในใจ
“แน่ใจเหรอ พี่เห็นแกแปลกๆไปนะมีปัญหาอะไรก็บอกพี่ได้ พี่ไม่ฟ้องแม่หรอก”
“บอกว่าไม่มีไง พี่ปืนอย่ามาเซ้าซี้” คนเอาแต่ใจปฏิเสธ
“พี่ไม่ได้จะเซ้าซี้แต่ช่วงนี้แกดูแปลกๆพี่แค่เป็นห่วง”
“ปิ่นโตแล้วน่า พี่ปืนห่วงเรื่องตัวเองเถอะ แม่ยังไม่คืนบัตรนี่เอาของปิ่นไปใช้ก่อนไหม”
พี่ชายตัวดีเปย์สาวจนหมดตัว ใช้บัตรเครดิตรูดของจนเกินวงเงิน เดือดร้อนผู้จัดการธนาคารต้องโทรมาสอบถามเพราะนึกว่าบัตรสูญหายหรือถูกขโมย
เรื่องถึงหูมารดาทันทีว่าลูกชายตัวดีใช้เงินสิ้นเปลืองเกินความจำเป็น จึงถูกยึดบัตรให้ใช้แค่เงินเดือนที่ได้จากการทำงาน
“ไม่เป็นไร พี่พอมีอยู่อีกอย่างไอ้เพลิงมันไม่ปล่อยให้พี่อดหรอก”
ชื่อของคนที่ทำให้ปาลีหัวใจสั่นไหวจนต้องกำคอเสื้อคลุมที่เธอใส่ปกปิดร่องรอยด้วยความกลัว
กลัวว่าปุริมจะจับได้ ว่าเธอทำตัวง่ายกับเพื่อนสนิทพี่
กระโดดขึ้นเตียงกับเขาถึงสองครั้ง และทั้งสองครั้งมันเป็นความต้องการของเธอเองทั้งนั้น
ปาลีก็ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไรทำไมเธอถึงทำแบบนั้น ต้องการประชดหัวใจที่แตกสลายจากเวธัสหรือเพราะเธอโง่งมไร้สมองอย่างที่เพลิงนิลว่า
“เป็นไรปิ่น แกหนาวมากหรือไงถึงใส่เสื้อแขนยาวรูดซิปชิดคอขนาดนั้น”
“ปะ…เปล่า ปิ่นอบผิวช่วงนี้แดดแรง”
ปุริมพยักหน้า แดดตอนเจ็ดโมงเช้าของประเทศไทยร้อนยังกะแดดตอนบ่ายโมง
“ช่วงนี้ก็อย่าออกไปค้างข้างนอกบ่อยนักล่ะ พ่อกับแม่ไม่อยู่เกิดอะไรขึ้นพี่จะถูกดุว่าดูแลแกไม่ดี”
ปาลีเปรียบเสมือนเจ้าหญิงตัวน้อยๆที่ทุกคนในบ้านทะนุถนอม หากเกิดอะไรไม่ดีขึ้นกับน้องสาว คนแรกที่จะโดนแฉ่งก็คือพี่ชายอย่างเขา
ยิ่งช่วงที่พ่อกับแม่อยู่ไกลถึงสสวิตเซอร์แลนด์ เพราะต้องไปดูแลธุรกิจใหม่ที่นั้นเขายิ่งต้องดูแลปาลีให้ดี
“พี่ปืนก็ออกไปค้างที่อื่นทุกวันๆ มาห้ามปิ่นทำไม”
“ก็พี่เป็นผู้ชาย แกเป็นผู้หญิงไปนอนค้างอ้างแรมข้างนอกบ่อยๆคนอื่นเขาจะมองไม่ดี”
“ใครจะมองก็ช่างเขาเถอะน่า พี่ปืนอย่าขี้บ่นเหมือนคุณแม่ได้ไหม ปิ่นก็อยากใช้ชีวิตอิสระบ้าง”
ถึงจะไม่ชอบใจแต่ปุริมก็เห็นด้วย แม่ของเขาเคร่งครัดกับปาลีมากจนเกินไป บางทีปาลีก็แสดงนิสัยที่ไม่ดีออกมาประท้วง ถึงได้กลายเป็นเด็กเอาแต่ใจไม่ฟังใครแบบนี้
“ยังไงแกก็เป็นผู้หญิง เกิดอะไรขึ้นมายังไงก็เป็นฝ่ายเสียหาย”
“พี่ปืนบ่นพอหรือยัง ปิ่นจะขึ้นไปอาบน้ำไปเรียน”
ปุริมได้แต่ถอนหายใจอย่างระอา ไม่ว่ายังไงปาลีก็ไม่คิดจะเชื่อฟัง
“แล้วแกจะไปยังไงรถแกเข้าศูนย์นี่ เอ่อว่าแต่น้องโยเขาซื้อรถใหม่เหรอ คันเมื่อเช้าเหมือนจะไม่ใช่คันเดิม”
“อืม เดี๋ยวปิ่นเรียกแกร็บไปส่ง ไปก่อนนะสายแล้ว”
ปาลีรีบเดินขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเอง ก่อนที่จะถูกพี่ชายซักจนเผลอหลุดพูดความจริงออกไป
เมื่อคืนเธอไม่ได้นอนที่คอนโดของโยษิตา แต่นอนกอดก่ายบนเตียงเดียวกันกับเพลิงนิล เพื่อนสนิทที่ปุริมรักนักรักหนา แถมรถคันหรูที่ขับมาส่งเมื่อเช้าก็เป็นรถคันใหม่ของเพื่อนพี่ชาย ยังโชคดีที่เขาไม่เห็นว่าใครเป็นคนขับไม่อย่างนั้นคงไม่ปล่อยปาลีมาง่ายๆแบบนี้
เพราะมัวแต่ถูกพี่ชายซักไซ้ทำให้ปาลีเข้าคลาสเรียนสายไปเกือบยี่สิบนาที ดีที่อาจารย์ไม่ได้ว่าอะไร การเรียนวันนี้จึงดำเนินไปจนหมดคราบเรียน
“ชั่วโมงหน้าจะมีอาจารย์พิเศษมาสอนแทนนะ วันนี้พอแค่นี้”
ทันทีที่อาจารย์ออกไปโยษิตาก็ลุกจากที่นั่งหน้าชั้นเรียนมาหาปาลีที่กำลังเก็บกระเป๋าอยู่ด้านหลังห้อง
“ปิ่น!”
เจ้าของชื่อเหลือบตามอง คนที่มีคำถามมากมายแต่ยังไม่กล้าถาม ปาลีเก็บของใส่กระเป๋าจนครบแล้ว พยักหน้าออกไปนอกห้อง
สำหรับนักศึกษาปีสี่คณะบริหารธุรกิจมีเรียนแค่ช่วงเช้า พอหมดคราบเรียนวันนี้บางคนก็กลับบ้าน บางคนก็เข้าไปศึกษาเพิ่มเติมในห้องหนังสือหรือห้องคอมพิวเตอร์ที่มีไว้บริการ
ส่วนปาลีพาโยษิตามานั่งพักสมองตรงสวนหย่อมหน้าคณะ ศาลาเล็กๆพอให้สองสาวนั่งพักผ่อนหย่อนใจ กับวิวสระน้ำสีใสที่อยู่เบื้อนหน้า
“เมื่อคืนโอเคไหม”
นั่งอยู่สักพักโยษิตาจึงเอ่ยถาม เมื่อคืนหลังจากเพลิงนิลพาตัวปาลีออกไปเธอก็โทรหาปาลีเพื่อความแน่ใจว่าเพื่อนสาวกลับถึงบ้านแล้ว
แต่ทว่าโทรไปยังไงปาลีก็ไม่รับ จนโยษิตาร้อนใจทนไม่ไหวต้องโทรเข้าบ้านของปาลีกลางดึก
คำตอบที่ได้จากแม่บ้านคือ ‘คุณหนูปิ่นยังไม่กลับมาค่ะ’ ถ้าเพลิงนิลไม่พาปาลีไปส่งที่บ้านเขาพาเพื่อนเธอไปที่ไหน?
หรือมีอะไรที่เธอยังไม่รู้…
“อืม ก็ปลอดภัยดีถึงได้มาเรียนนี้ไง”
“แกปลอดภัยยังไงคอถึงแดงจนรองพื้นปิดไม่มิด”
ปาลียกมือขึ้นปิดคอตัวเองทันที เมื่อเช้ามั่นใจว่าใช้ทั้งรองพื้นและคอนซีลเลอร์ปกปิดรอยดูดที่เพลิงนิลทิ้งเอาไว้อย่างดีแล้ว
“ปิ่น แกกับพี่เพลิง…”
“ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ”
ปาลีสวนทันควัน
“ถ้าแกไม่อยากเล่าฉันก็ไม่เซ้าซี้แกหรอกนะ แต่ว่าเมื่อคืนก่อนจะกลับพี่ไวน์เขาบอกกับฉันว่า เขาสนใจแก”
โยษิตากลอกตามองอารมณ์ของเพื่อน ก่อนจะพูดประโยคต่อมา
“แต่ถ้าแกมีแฟ…”
“เปล่า ฉันกับพี่เพลิงไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“แต่รอยที่คอแก…”
“แค่นอนด้วยกัน”
“วันไนท์เหรอ?”
ปาลีส่ายหน้า จะเรียกว่าวันไนท์สแตนด์คงไม่ได้เพราะมันไม่ได้เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว
“อย่าบอกนะว่าแกFWBกับเพื่อนพี่ชาย”
ถ้าจะให้นิยามความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเพลิงนิลในตอนนี้ ก็คงไม่ผิดจากที่โยษิตาเอ่ยมา
พวกเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันนอกจากเซ็กส์
เพลิงนิลเป็นเพื่อนสนิทพี่ชายก็จริงแต่ไม่ได้สนิทกับน้องสาวอย่างเธอ
สำหรับปาลีเองก็ไม่ต่างกัน เพลิงนิลก็เป็นแค่คนนอกสายตาเหมือนใบไม้ใบหญ้าที่เห็นในทุกๆวันแต่ไม่ได้สลักสำคัญอะไร
เมื่อก่อนสายตาของปาลีมีเพียงเวธัส ไม่เคยเหลือบมองเพลิงนิล
“ไม่รู้สิ แต่ฉันว่าจะพอแล้วล่ะ” แค่สองครั้งก็เกินพอ แค่นี้ปุริมพี่ชายเธอก็ระแคะระคายมากแล้ว
“ที่เมื่อคืนเกือบมีเรื่องกัน เพราะแบบนี้ใช่ไหม”
“อืม”
“ตอนแรกฉันก็ไม่เข้าใจ ก่อนกลับพี่ไวน์เขาฝากมาขอโทษแก แล้วก็บอกว่าสนใจ”
โยษิตาพอจะจับต้นชนปลายได้แล้ว ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นระหว่างทั้งสามคน
“แกก็อยากให้ฉันเปิดใจนี่” ถึงเมื่อคืนจะถูกไวน์จู่โจมแบบนั้น แต่การกระทำของเขาก็ไม่ได้เชิงว่าบังคับหรือทำรุนแรงให้ปาลีเจ็บ เพราะคนที่ทำให้ปาลีเจ็บไปทั้งตัวคือเพลิงนิลต่างหาก
“แต่ว่า…”
“อย่างน้อยพี่ไวน์ก็เป็นคนที่แกรู้จัก ไม่ใช่คนแปลกหน้าที่ไหน ถ้าเขาสนใจ ฉันก็อยากลองเปิดโอกาสให้ตัวเองบ้างเหมือนกัน”
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ปาลีปิดโอกาสตัวเองมาโดยตลอด
“ถ้าแกคิดดีแล้วฉันก็จะสนับสนุนแก จะช่วยแกดูอีกแรง ว่าพี่ไวน์เขาดีพอที่จะมาเป็นแฟนของเพื่อนฉันหรือเปล่า”
“ขอบใจนะ โยที่ผ่านมาทำแกลำบากไปด้วย”
“โอ๊ย ลำบากอะไรกันแค่นี้เอง”
“งั้นไปหาอะไรกินกัน ฉันเลี้ยงแกเอง”
“อื้อ ขอโทษนะปิ่นฉันมีนัดกับรุ่นน้องจะไปเชียร์พี่หมอคิว วันนี้เขามาเล่นบาสที่สนาม” โยษิตาเป็นแฟนคลับตัวยงของคณิน รุ่นพี่นักศึกษาแพทย์คนดังของมหาลัย
คนที่ครั้งหนึ่งปาลีเคยเข้าใจผิดว่าเขาเป็นแฟนใหม่ของมุกดาที่เป็นแฟนเก่าของเวธัส สุดท้ายก็เป็นข่าวโคมลอยและมุกดาก็ยืนยันสถานะกับเวธัสไปแล้ว พอรู้แบบนั้นเอฟซีอย่างโยษิตาก็ระริกระรี้นัดรุ่นน้องไปให้กำลังใจไอดอลที่ตัวเองชอบทันที
“เหรอ งั้นแกไปเถอะฉันก็จะกลับบ้านแล้วเมื่อคืนแฮงนิดหน่อย”