เอวา อิศรา
ในบรรยากาศยามค่ำคืน ณ ชายทะเลของเมืองพัทยา ทางเท้าบริเวณชายหาดเป็นเส้นทางสัญจรของผู้คนมากมายหลายเชื้อชาติที่ต่างพากันเดินกันขวักไขว่ในยามราตรีอันเงียบสงัดแต่ ณ สถานที่บันเทิงของเมืองพัทยาบริเวณทางเท้าริมชายหาดในยามค่ำคืนกลับไม่ได้เงียบตามคำจำกัดความของสถานที่แห่งนี้ เมืองนี้คือเมืองไม่ยอมหลับ ที่มีเสียงดนตรีแสงสีเสียงถูกเปิดบรรเลงตลอดค่ำคืน ได้สร้างบรรยากาศความสนุกสนานและความสุขให้กับนักท่องเที่ยวทั้งต่างชาติรวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยเองอย่างมาก สถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ยังสร้างเม็ดเงินให้กับประเทศได้มากมายมหาศาล ในมุมหนึ่งได้สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับเมืองพัทยา สร้างเม็ดเงินให้กับผู้คนที่ต่างหลั่งไหลเข้ามาทำงานในเมืองพัทยานี้เป็นอย่างมากแต่ก็ยังมีอีกมุมหนึ่งซึ่งเป็นมุมที่ผู้คนไม่ค่อยได้พบเจอและรู้จักกันสักเท่าไหร่เพราะมุมๆ นี้เป็นมุมมืดที่ผู้คนหากได้ทราบถึงข้อมูลก็ไม่ต้องการที่จะพบเจออย่างแน่นอน
ที่นี่ทุกๆ ค่ำคืนที่ทางเดินบริเวณริมชายหาดรวมถึงถนนคนเดินที่เขาเรียกกันว่า วอล์คกิ้งสตรีท ยังมีกลุ่มเด็กหนุ่มสาวจำนวนหนึ่งที่ไร้ที่พักพิง ไร้ญาติพี่น้องไม่มีเงินเสียค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันที่ต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการลักเล็กขโมยน้อย ด้วยการฉกชิงวิ่งราวที่ยิ่งแย่ไปกว่านั้น เด็กหนุ่มสาวบางรายต้องแลกเงินมาด้วยความบริสุทธิ์จากเรือนร่างของตนเองเพื่อหาเงินประทังชีวิต บ้างก็เที่ยวเตร่สนุกสนานไปวันๆ สถานที่พักผ่อนของพวกเขาส่วนมากก็จะเป็นตามบ้านร้าง ตามสวนสาธารณะ ตามมุมอับต่างๆ ของสถานที่ๆ ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน ใช้เป็นสถานที่เอาไว้พักผ่อนหลับนอน ในจังหวะเดียวกันก็มีเสียงหญิงชาวต่างชาติร้องโวยวายดังลั่นบริเวณทางเท้าริมชายหาดพัทยาแห่งนั้น
"Help me!!... Help me! Vagabond! Vagabond… Stop him!!..." หญิงต่างชาติวัยกลางคนวิ่งไล่เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งไปตามเส้นทางที่เขาคิดจะหลบหนี โดยที่ในมือของเด็กหนุ่มถือกระเป๋าแบรนด์เนมใบหรูของหล่อน โดยที่เจ้าของกระเป๋ายังคงร้องโวยวายขอความช่วยเหลือจากคนที่อยู่ในบริเวณแถวนั้นแต่กลับไม่มีผู้ใดสนใจหรือให้ความช่วยเหลือหล่อนเลย จนกระทั่งเด็กหนุ่มร่างโปร่งคนนั้นได้วิ่งหายไปในความมืดพร้อมกับกระเป๋าแบรนด์เนมของหล่อน
เมื่อเด็กหนุ่มคิดว่าตนสามารถวิ่งรอดพ้นจากหญิงต่างชาติที่วิ่งตามเขามา เขายืนพักเหนื่อยในมุมมืดมุมหนึ่งของตึกร้างที่คุ้นเคยก่อนจะใช้ไฟฉายอันเล็กที่อยู่ภายในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเปิดแล้วใช้ปากคาบไฟฉายนั้นแล้วเปิดกระเป๋าใบหรูด้วยความดีใจ ภายในกระเป๋าใบหรูมีเอกสารมากมาย หนังสือเดินทาง กระเป๋าสตางค์ เครื่องสำอางจำนวนหนึ่งแต่เขาเลือกที่จะหยิบกระเป๋าสตางค์เพียงใบเดียวแล้วกรอกตาสำรวจภายในกระเป๋าอีกรอบเพื่อตรวจหาของมีค่า แล้วเขาก็พบเข้ากับนาฬิกาฝังเพชรโดยที่เขาไม่รู้เลยว่านาฬิกาเรือนนั้นมีมูลค่ามากมายมหาศาลเพียงใดก่อนที่เขาจะหยิบมันออกมาจากกระเป๋าแล้วใส่เข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตนอย่างรวดเร็วแล้วโยนกระเป๋าลงบนพื้น จากนั้นเขาก็สำรวจกระเป๋าสตางค์ก็พบเงินเป็นจำนวนมากทั้งเงินไทยรวมถึงเงินดอลลาร์ เขายิ้มให้กับตัวเองที่คราวนี้เขาคงไม่ต้องวิ่งราวกระเป๋าใครไปอีกนานก่อนที่จะหยิบเงินทั้งหมดออกจากกระเป๋ารวมถึงบัตรเอทีเอ็มทุกใบและเตรียมที่จะไปกดเงินที่มีในบัตรเพราะด้านหลังบัตรเอทีเอ็มเหล่านั้นมีตัวเลขที่คาดว่าน่าจะเป็นรหัสบัตรเขียนอยู่
เวลาผ่านไปเกือบ 20 นาทีหลังจากที่เขากดเอทีเอ็มจนหมดทุกใบทำให้ในตอนนี้เขามีเงินติดตัวมากมายหลายแสนบาท เขารู้สึกดีใจกับเงินที่ได้ทั้งหมดก่อนจะตัดสินใจเดินทางขึ้นไปจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งเป็นจังหวัดที่เขาใฝ่ฝันอยากจะไปเที่ยวมากที่สุด
"เฮ้ยไอ้เอวา มึงเอาเงินมาจากไหนเยอะแยะวะ ถึงได้ซื้อเสื้อผ้าดีๆ หมวกเท่ๆ แบบนี้อ่ะบอกกูหน่อยดิ" หนึ่งในกลุ่มเพื่อนของเด็กหนุ่มเอ่ยถามเขาเมื่อเห็นเพื่อนแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าราคาแพงๆ รวมถึงกระเป๋าเป้ที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้มากมาย
"เฮ้ย!! กูไม่ขอบอกมึงได้ป้ะกูให้มึงเลยละกันมึงอยากได้อะไรอ่ะมึงเอาเงินพวกนี้ไปซื้อซะ เดี๋ยวกูไปละ" ไม่ทันที่เขาจะได้ฟังคำขอบคุณของเพื่อน เด็กหนุ่มหยิบเอาเป้ขึ้นสะพายบนหลังแล้วเดินออกจากตึกร้างแห่งใหม่แล้วไปขึ้นวินมอร์เตอร์ไซค์เพื่อไปยังสถานีขนส่งทันที จากเด็กหนุ่มที่ต้องใส่เสื้อผ้าขาดลุ่ย กางเกงเจเจตัวเก่าและรองเท้าแตะ เนื้อตัวมอมแมมจากฝุ่นดินตามข้างทางแต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปเป็นเด็กหนุ่มไฮโซ ใส่เสื้อผ้าราคาแพงสไตล์เกาหลี เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน เซ็ตผมด้วยเจลราคาแพงยังฉีดน้ำหอมกลิ่นเย้ายวนตามสไตล์วัยรุ่นทั่วไป ซึ่งมีความแตกต่างจากเอวาคนเดิมจากหลังมือเป็นหน้ามือ จนทำให้สาวแท้สาวเทียมที่นั่งรอรถทัวร์ที่สถานีขนส่งต่างชื่นชอบและทำทีจะมาขอเบอร์เขาอยู่หลายคนแต่พวกเขาเหล่านั้นก็ต้องสูญกระเป๋าสตางค์ของตัวเองไปด้วยฝีมือของคนหล่อที่เขาปลื้มนั่นเอง โดยที่พวกหล่อนไม่ทราบเลยด้วยซ้ำว่ากระเป๋าของพวกหล่อนถูกลักลอบมาเก็บไว้ในกระเป๋าเป้ของเอวาเสียแล้ว จนถึงจุดหมายปลายทางพวกหล่อนถึงได้รู้ว่ากระเป๋าสตางค์ของตัวเองได้หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ และเหตุการณ์เหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับสาวแท้สาวเทียมที่มาให้ความสนใจเอวาเท่านั้น นอกจากนี้ผู้โดยสารหลายคนก็ต้องสูญเสียโทรศัพท์มือถือ กระเป๋าสตางค์และของมีค่าอีกหลายรายการด้วยเช่นกัน ส่งผลให้เด็กหนุ่มอย่างเอวาลักทรัพย์เข้ากระเป๋าไปจำนวนไม่น้อยระหว่างการเดินทางขึ้นเชียงใหม่
เมื่อหนุ่มน้อยพเนจรเดินทางถึงเชียงใหม่เรียบร้อย เขาก็ตระเวนออกเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ที่เขาตั้งใจจะไปจนทั่วเมืองเชียงใหม่ โดยยามค่ำคืนเขาก็ออกเที่ยวตามสถานบันเทิงจนครบทุกแห่งด้วยเช่นกัน แล้วเขาได้ไปถูกชะตากับชายชาวต่างชาติวัยกลางคนจำนวนหนึ่งและพวกเขาเหล่านั้นก็ติดต่อที่จะซื้อบริการจากเขาด้วยเงินจำนวนไม่น้อย มีหรือที่เอวาจะปฏิเสธแต่ด้วยความที่เขาเป็นคนมีปฏิภาณไหวพริบและโชกโชนของเรื่องกลโกง จึงทำให้เด็กหนุ่มพเนจรคนนี้รับทรัพย์ไปเป็นจำนวนไม่น้อยโดยที่ไม่ต้องเสียความบริสุทธิ์เลยแม้แต่ปลายเล็บ ซึ่งเขาก็ใช้วิธีการเดียวกันนี้กับคนทุกคนที่ต้องการหาความสุขจากเขาด้วยเช่นกันขณะที่อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่