หลังจากที่ลงทะเบียนเสร็จ สายลมก็ได้เบียดเสียดกับเหล่านักศึกษาปีหนึ่ง เดินตามกลุ่มใหญ่เข้าไปนั่งในหอประชุมกลางที่กว้างขวางราวกับสนามบิน
บรรยากาศภายในเต็มไปด้วยเสียงพูดคุย เสียงเก้าอี้ขูดพื้น และแอร์ที่เย็นจนอยากงีบ
สายลมเลือกนั่งแถวกลาง ๆ ค่อนหลัง อาศัยจังหวะที่ยังไม่เริ่มพิธีอย่างจริงจัง หย่อนตัวลงนั่งพลางกอดกระเป๋าไว้แน่น แล้ว…
เริ่มหลับตา
ฟี้…
ดวงตาคู่หวานปิดลงอย่างอัตโนมัติ ไม่ถึงนาทีเธอก็เริ่มสัปหงก หัวพับหัวหงกเหมือนลูกตุ๊กตาไขลานใกล้หมดแบต
ขณะที่เสียงไมโครโฟนดังขึ้นเป็นระยะ
“ต่อไปเป็นการกล่าวต้อนรับนักศึกษาใหม่…”
“เราภูมิใจที่ปีนี้มีนักศึกษาที่มีศักยภาพจากทั่วประเทศ…”
“ขอเชิญศิษย์เก่าที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงขึ้นเวที…”
สายลมได้ยินทุกประโยค…แต่ในหัวมันกลายเป็นเสียงซาเล้งปั่นผ่านหู
‘อยากกลับไปนอนเตียง…’
‘วันนี้ฉันแค่จะฟังเฉย ๆ แล้วกลับ…อย่ามีอะไรมากกว่านี้เลยนะ’
เธอพยายามลืมตาฝืนความง่วง สะบัดหน้าหนึ่งทีแรง ๆ จนผมหลุดออกจากหนังยางนิดหน่อย แต่ยังคงฝืนยิ้มจาง ๆ แกล้งทำเป็นตั้งใจ
ข้าง ๆ มีรุ่นพี่เดินตรวจบรรยากาศอยู่บ้าง
และเธอก็หวังสุดใจว่าพอร์ชจะไม่เดินมาใกล้ในจังหวะที่เธอทำหน้าเหมือนจะหลับ
แต่โชคชะตา…ไม่เคยเข้าข้างคนขี้เกียจ
เสียงกระแอมเบา ๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง ก่อนที่เธอจะได้ยินคำพูดติดหู
“เด็กตระกูลวรรธนะเดช…ไม่ได้นั่งฟังให้เต็มตาเหรอครับ?”
สายลมสะดุ้งน้อย ๆ หันขวับไปตามเสียง
พอร์ชยืนพิงผนังอยู่ไม่ไกล มือซุกกระเป๋ากางเกง ดวงตาหยีลงเล็กน้อยอย่างจับผิด
เธอกะพริบตาแรง ๆ รวบผมที่กระเซิงขึ้นใหม่อีกครั้งแล้วหันหน้ากลับไป ไม่พูดอะไร
แต่ในใจ…
‘ยัยสายลม… ตื่นสิ! ห้ามแพ้เด็ดขาด!!’
ผ่านไป 1 ชั่วโมงเต็ม
เสียงปรบมือกึกก้องหลังศิษย์เก่าคนสุดท้ายพูดจบ สายลม…ไม่ได้ยินแม้แต่ครึ่งประโยค
เธอฟุบหน้าลงกับกระเป๋าแบบไม่อายฟ้าดิน ร่างเล็กนั่งพิงพนักพับเบาะหลังกายเล็ก ๆ แทบจะหลุดจากเก้าอี้ หายใจสม่ำเสมอ ริมฝีปากขยับน้อย ๆ เหมือนละเมอ
โลกของเธอเงียบสงบ…
…ในขณะที่โลกจริงกำลังโกลาหล
“ให้นักศึกษาปีหนึ่งแยกย้ายไปตามคณะนะครับ ส่วนรุ่นพี่เชิญคณะใครคณะมันค่ะ...”
เสียงพูดดังขึ้นในไมค์ หลายคนเริ่มลุกจากที่นั่ง
เว้นอยู่คนเดียว… ที่ยังนิ่งสนิทอยู่ตรงกลางแถว
พอร์ชที่ยืนควบคุมบริเวณอยู่แถวหลัง เหลือบมองภาพตรงหน้าแล้วยกมือขึ้นนวดขมับเบา ๆ
“…ไม่เคยเจอเด็กปีหนึ่งคนไหนหลับได้ เต็มชั่วโมง แบบนี้เลยว่ะ”
เขาเดินตรงมาหยุดอยู่ข้างเธอ คุกเข่าลงเล็กน้อย แล้วกระซิบใกล้หูเบา ๆ
“คุณนริสา… ตื่นได้แล้วครับ ถึงเวลาย้ายไปฟังพี่ว้ากแล้ว”
“อื้อ… อีกห้านาที…” สายลมพึมพำเสียงงัวเงีย ก่อนจะพลิกตัวนิด ๆ แบบไม่รู้เลยว่ากำลังอยู่ต่อหน้าคนทั้งแถว
พอร์ชยิ้มมุมปาก ก่อนใช้ปลายนิ้วเคาะที่พนักเก้าอี้ของเธอเบา ๆ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“นี่ไม่ใช่เตียงเจ้าหญิงนะครับคุณหนู มหาลัยเรากำลังจะเริ่มช่วง… ‘ฝึกนรกบนดิน’ แล้ว”
สายลมสะดุ้งสุดตัว ลืมตาโพลงขึ้นมาทันที ก่อนจะรีบลุกพรวดแบบไร้สติ
“ฮะ!? ถึงห้องเรียนแล้วเหรอ!?”
พอร์ชหัวเราะเบา ๆ
“ยังครับ ยังไม่ถึงห้องเรียน… แต่ถึงเวลาที่ พี่ว้าก จะพาเด็กใหม่ไปพบกับ ‘โลกอีกใบ’ แล้ว”
สายลมยกมือปัดผมยุ่ง ๆ ออกจากหน้า มองคนตรงหน้าอย่างหรี่ตา
“…นายอีกแล้ว”
“เรียกพี่สิครับ จะได้ไม่โดนวิ่งรอบสนาม” เขากระตุกยิ้ม “ไปครับ วิศวะรวมกลุ่มด้านซ้ายของอาคาร”
สายลมถอนหายใจแรงอย่างหมดแรง ก่อนจะหยิบกระเป๋าขึ้นไหล่แบบไม่สบอารมณ์นัก
ในหัวก็มีแต่คำว่า
‘วันแรกก็โดนหนักแล้วเหรอเนี่ย… แล้ววันรับน้องจริง ๆ จะเหลือเหรอ!’
แต่เธอก็ยังคงฝืนยิ้มจาง ๆ เดินกึ่งลากขาไปตามเสียงเรียกของพี่ว้ากประจำคณะ
ซึ่งน่าเจ็บใจที่สุดก็คือ…
เป็นผู้ชายที่เธอว่า “เหมือนควาย” นั่นแหละ!
ณ ห้องประชุมเล็ก ชั้น 2 อาคารวิศวกรรมศาสตร์
บรรยากาศในห้องประชุมเปลี่ยนไปจากตอนฟังปฐมนิเทศอย่างสิ้นเชิง
ไม่มีอาจารย์ ไม่มีสุนทรพจน์
มีแต่เหล่ารุ่นพี่ปี 2 ปี 3 ที่มานั่งรายล้อม สลับผลัดกันพูดและชี้แจงกิจกรรมรับน้องที่จะเริ่มต้นอย่างจริงจังในอีกไม่กี่วัน
สายลมนั่งเงียบอยู่ตรงกลางแถว ตรงมุมที่ไม่เด่นมาก มือกอดกระเป๋าไว้บนตัก ใบหน้าดูตั้งใจ
…แต่ความจริงแล้วเธอกำลังต่อสู้กับง่วงรอบที่สองอยู่แบบเงียบ ๆ
จนกระทั่ง…
เสียงของรุ่นพี่คนหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับสไลด์บนจอที่เปลี่ยนไปเป็นภาพวิวทะเล
“ปีนี้ เราตั้งใจอยากให้คณะเราได้จัดกิจกรรมรับน้องภาคสนามที่ เกาะส่วนตัวของตระกูลวรรธนะเดช ครับ”
ทันใดนั้น… สายลมลืมตาโพลง
“เรายื่นเรื่องขอใช้สถานที่ไปสองปีติดแล้ว” รุ่นพี่อีกคนเสริม “แต่ก็โดนปฏิเสธแบบไม่ให้เหตุผล ชัดเจนว่าตระกูลเขา ‘ไม่ยินดี’ กับมหาวิทยาลัยเรา…”
เสียงพูดเบาลงเล็กน้อย แต่ยังแฝงความเสียดาย
บางคนถอนหายใจ บางคนกระซิบถึงบรรยากาศสวย ๆ บนเกาะนั้น ที่เคยได้ยินจากรุ่นก่อนหน้า
พอร์ชเป็นคนรับไม้ต่อ
เขาเดินมาขึ้นหน้าห้อง เสียงทุ้มนิ่งแต่ชัด
“พี่อยากให้พวกเราร่วมกันตั้งใจพิสูจน์ตัวเองในปีนี้… เพื่อให้ทางบ้านตระกูลวรรธนะเดชเห็นว่าเราเปลี่ยนไป และมีกิจกรรมสร้างสรรค์ ไม่ใช่แค่ความสนุกไร้สาระ”
สายลมที่นั่งเงียบอยู่ ริมฝีปากเม้มแน่น
เธอจำได้แม่น…
เคยได้ยินป๊าพูดกับหม่าม้าอย่างชัดเจนในคืนหนึ่งว่า
“ตราบใดที่มหาลัยยังไม่เคลียร์เรื่องของทอฝันกับพายุให้ยุติธรรม อย่าหวังจะใช้พื้นที่ของเราแม้แต่ตารางนิ้วเดียว”
เรื่องนั้น…
เกิดขึ้นก่อนที่เธอจะเข้าเรียนไม่กี่ปี
เรื่องน้ำตาล คนที่พี่พายุเคยจีบ หาเรื่องใส่ร้ายพี่ทอฝัน
ส่วนพี่ทอฝัน… ต้องออกจากมหาลัยกลางเทอมจากเหตุการณ์ไม่เป็นธรรม จนป๊าโมโหและถอนทุกสิทธิ์ให้ใช้เกาะทันที
สายลมหลุบตามองตักของตัวเอง
เธอรู้ว่าเธอไม่มีสิทธิ์พูดอะไรตอนนี้
…แต่ก็นึกสงสัยว่า ถ้าพวกเขารู้ว่าเธอคือ “ลูกสาวคนเล็กของใต้ฝุ่น วรรธนะเดช” ล่ะ?
เสียงของพอร์ชยังคงพูดต่อ
“และที่สำคัญ… ถ้าเราสามารถแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบได้จริง ปีหน้าอาจมีการทบทวนอีกครั้ง”
เขาหันมาทางสายลมพอดี
ดวงตาคมสบเข้ากับเธอแวบหนึ่ง
“…ขึ้นอยู่กับพวกเราทุกคนว่า จะสร้างความเชื่อมั่นกลับมาได้รึเปล่า”
สายลมสะดุ้งนิด ๆ แต่ก็พยักหน้ารับเบา ๆ
ทั้งที่ในใจแอบกระวนกระวายว่า… เขารู้หรือยังว่าเธอคือใคร?