คนตัวเล็กเดินมายังจุดลงทะเบียนนักศึกษาของคณะวิศวกรรมศาสตร์
เท้าเล็กเดินฝ่ากลุ่มคนไปที่โต๊ะลงทะเบียนของคณะวิศวะ ดวงตากวาดมองหาช่องที่ยังว่าง ก่อนจะก้าวเข้าไปหารุ่นพี่หญิงคนหนึ่งที่นั่งประจำโต๊ะอยู่ รุ่นพี่คนนั้นเงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า
“น้องมาสายนี่คะ ชื่ออะไรเอ่ย?”
รุ่นพี่สาวถามเสียงนิ่ง ๆ แต่ชัดเจน แววตานิ่ง ๆ ที่มองมาราวกับจะจำหน้าคนตรงหน้าไว้ให้แม่น
สายลมสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปใกล้กระซิบเบา ๆ
“สายลม… นริสาค่ะ”
“อะไรนะคะ? พี่ไม่ได้ยินเลย”
รุ่นพี่เลิกคิ้วเงยหน้าขึ้นถามอย่างสุภาพ แต่เสียงรอบข้างมันดังกว่าที่สายลมคิดไว้
เธอขยับเข้าใกล้กว่าเดิม พยายามพูดให้ชัดขึ้นอีกนิด
“สายลม นริสาค่ะ”
“คะ? ขอ ‘นามสกุล’ ด้วยค่ะ”
คำถามสุดท้ายทำให้สายลมกลอกตาแรง หัวใจเต้นแรงขึ้นนิดหน่อย อย่างติดรำคาญเล็กน้อย
เธอไม่อยากให้ใครรู้ว่าตัวเองเป็น “คุณหนูวรรธนะเดช” เดี๋ยวจะโดนมองว่าเอาอภิสิทธิ์มาใช้ หรือเป็นเด็กเส้นอะไรทำนองนั้น
แต่เสียงรอบข้างมันก็ดังเกินกว่าจะกระซิบต่อไปได้จริง ๆ…
หญิงสาวถอนหายใจพรืดอย่างระอาใจ ก่อนจะรวบรวมพลังใจตะโกนออกไปสุดเสียง
“สายลม นริสา วรรธนะเดชค่ะ!!!”
ทันใดนั้น…
ทุกอย่างเงียบลงทันตา
บรรยากาศพลันเปลี่ยนเป็นสงบน่าประหลาด
ทุกเสียงหยุดลงแทบจะพร้อมกันอย่างน่าเหลือเชื่อ
นักศึกษาหลายคนหันขวับมามองทางสายลมเป็นตาเดียว
ส่วนคนที่กำลังถ่ายรูปหยุดชัตเตอร์ คนที่กำลังหัวเราะหยุดขำ คนที่กำลังซุบซิบหยุดปากค้าง
แม้กระทั่งรุ่นพี่บางคนก็แอบยกคิ้วขึ้นอย่างสนใจ
สายลมยืนนิ่ง กะพริบตาปริบ ๆ รู้สึกว่าทุกสายตากำลังจ้องมองมาที่เธอเหมือนเธอเป็นแมวเปอร์เซียหลงทางกลางฟาร์มวัว
‘เวรแล้ว…’
เธอบ่นในใจ อยากมุดโต๊ะหนีไปให้พ้น ๆ
ด้านพอร์ช บริเวณใกล้โต๊ะลงทะเบียน
เขาได้ยินชัด
ชัดชนิดที่ไม่ต้องตั้งใจฟัง
“วรรธนะเดช…”
ชื่อนั้นเหมือนระฆังใบใหญ่ที่ดังขึ้นในหัวของพอร์ชทันที
ดวงตาของเขาหันขวับไปยังต้นเสียง ก่อนจะสบเข้ากับดวงหน้าของเด็กผู้หญิงตัวเล็กคนนั้นอีกครั้ง
หญิงสาวที่เขาเพยิดปากใส่ไปเมื่อเช้า
คนที่บังเอิญขึ้นลิฟต์ด้วยกันเมื่อสามวันก่อน
คนที่ว่าเขา “โตเหมือนควาย”
ตอนนี้เขาแน่ใจแล้ว…
เธอคือ น้องสาวของพายุ พายุภัค วรรธนะเดช
รุ่นพี่ที่เขาเคารพนับถือมาก คนที่เรียนจบไปเมื่อสองปีก่อน
และที่สำคัญ…
เป็นแฟนของทอฝัน ผู้หญิงที่เขาเคยคิดจะจีบ แต่ไม่เคยได้โอกาสนั้นเลย
พอร์ชยกแก้วกาแฟขึ้นจิบอีกครั้ง คราวนี้รอยยิ้มตรงมุมปากปรากฏขึ้นช้า ๆ
ไม่ใช่ยิ้มขำ ไม่ใช่ยิ้มเอ็นดู
แต่เป็นรอยยิ้มแบบคนที่เพิ่งเจอชิ้นหมากใหม่บนกระดาน
‘เธอคือ “น้องสาวของเขา” งั้นเหรอ…’
เขากระตุกยิ้ม หรี่ตาลงเล็กน้อยอย่างเจ้าเล่ห์
“มาสาย… ปากดี… ยังไม่รู้กติกา”
ยัยนี่น่าสนุกกว่าที่คิดแฮะ
สายลมยังยืนนิ่งอยู่ตรงโต๊ะลงทะเบียนหลังประกาศชื่อเต็มเสียงออกไป
แม้รุ่นพี่จะพยักหน้ารับเอกสาร แต่สายตาทุกคู่ก็ยังคงจับจ้องมาที่เธอไม่ลดละ
เธอสูดหายใจลึก พยายามทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วก้าวถอยออกมา หวังจะหามุมสงบ ๆ ให้อึดอัดน้อยลงสักหน่อย
แต่ทันทีที่หันกลับไป…
“ไง… คุณนริสา วรรธนะเดช”
เสียงหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลัง
ทุ้มต่ำแต่เปี่ยมด้วยน้ำเสียงกวน ๆ
สายลมหยุดชะงัก หันขวับกลับไปมองทันที
ชายหนุ่มในเสื้อช็อปแดงเพลิง ยืนกอดอกอยู่ไม่ไกล ใบหน้าหล่อเหลานั่นมีรอยยิ้มบาง ๆ แสนจะน่าหมั่นไส้ติดอยู่ตรงมุมปาก
“มาสายตั้งแต่วันแรกแบบนี้ ไม่ดีเลยนะครับ…”
เขาก้าวเข้ามาอีกก้าว ดวงตาคมกริบสบกับเธอตรง ๆ
สายลมขมวดคิ้วทันที
ใบหน้าเขาดูคุ้นแปลก ๆ แต่เธอนึกไม่ออกว่าเจอกันที่ไหน
คนแบบนี้ ถ้าเคยรู้จักเธอคงจำได้แน่นอน เพราะมัน…น่าหมั่นไส้สุด ๆ
“ขอโทษนะคะ…” เธอเอียงคอนิด ๆ อย่างไม่ไว้ใจ “เราเคยเจอกันเหรอ?”
พอร์ชยักคิ้ว หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ
“อ๋อ ไม่แปลกหรอกครับ… คนที่ชอบพูดโดยไม่คิด มักจะไม่ค่อยจำว่าเคยพูดอะไรไว้”
สายลมชะงัก
ดวงตาเบิกนิด ๆ แต่ก็ยังไม่ปะติดปะต่อ
พอร์ชก้มลงเล็กน้อย เอียงหน้าเข้ามาใกล้เธอเพียงนิดเดียว แล้วพูดเสียงเบาพอแค่พวกเขาสองคนจะได้ยิน
“ตัวอย่างกับควาย… ออดอ้อนเหมือนเด็กสามขวบ ใช่ไหม?”
สายลมเบิกตาโตทันที
เธอจำประโยคนั้นได้ คำที่เธอพึมพำตอนอยู่ในลิฟต์
“นาย…!”
“ชื่อพอร์ชนะครับ” เขาตัดบทแล้วยืดตัวตรง ยื่นมือไปแตะแผ่นอกตัวเอง
“ปี 3 วิศวะเครื่องกล พี่ว้ากของคณะ… และพี่ว้ากของเธอโดยตรง”
สายลมกะพริบตา ถอยหลังไปก้าวหนึ่งอย่างอัตโนมัติ พร้อมเบ้ปากอย่างหมดคำ
พอร์ชยิ้มกว้างกว่าเดิม ก่อนจะพูดทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี…ที่ฟังยังไงก็เหมือนคำขู่
“ไว้วันรับน้องเจอกันนะครับ… เด็กใหม่ที่มาสายตั้งแต่วันแรก”
จากนั้นเขาก็หันหลังเดินจากไป
ปล่อยให้สายลมยืนอ้าปากค้าง ขมวดคิ้วแน่นยิ่งกว่าเดิม
‘ไอ้บ้านั่น… เป็นพี่ว้ากเหรอ?!’
เธอได้แต่คิดในใจ
และลึก ๆ ก็เริ่มรู้สึกว่า…
มหาวิทยาลัยปีแรกของเธอ…ไม่น่าจะสงบสุขแล้วล่ะ