สามวันต่อมา
ณ คอนโด xx เวลา 07:00 น.
~คร่อก…ฟี้ คร่อก…ฟี้~
เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของสายลม นริสา วรรธนะเดช คุณหนูจอมซนแห่งตระกูลดัง ยังคงนอนหายใจอยู่บนเตียงกว้างในคอนโดหรู
เธอนอนคว่ำหน้า ขาซ้ายพาดหมอนข้าง ขาขวาเหยียดตรง มือหนึ่งกอดตุ๊กตา อีกมือวางทับโทรศัพท์ที่ตั้งปลุกไว้…เมื่อวาน
ใช่ค่ะ “เมื่อวาน”
เพราะเธอตั้งปลุกผิดวัน
ตอนนี้คือ เจ็ดโมงตรง
เวลาที่ควรจะลุกอาบน้ำ แต่งตัว และเตรียมไปร่วมพิธีปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่
แต่…คุณหนูสายลมยังคงนอนหลับเป็นตายอยู่ในห้วงความฝัน ไม่ไยดีต่อโลกความจริงแม้แต่น้อย
ขณะที่แสงแดดยามเช้าสาดเข้ามาทางหน้าต่าง เงาของม่านปลิวไหวสะท้อนอยู่บนผ้าปูที่นอนสีขาวสะอาด
แต่ร่างเล็กก็ยังไม่กระดิก
กระทั่ง…
ติ๊ก…ติ๊ก…ติ๊ก…
เข็มยาวของนาฬิกาบนผนังหมุนมาถึงเลข 12
เวลา 08:00 น.
“เชี่ยยยยยยย! แปดโมง!!!”
เสียงหวีดร้องลั่นห้องดังขึ้นทันที
“ชิบหายแล้วววววววว วันปฐมนิเทศ!!!!”
สายลมเด้งตัวพรวดขึ้นจากเตียงในทันทีแบบไม่ผ่านกระบวนการประมวลผลใด ๆ ทั้งสิ้น
โทรศัพท์กระเด็นตกลงพื้น ส่วนหมอนข้างกลิ้งหลุน ๆ ไปใต้เตียง
เธอพุ่งตัววิ่งเข้าห้องน้ำอย่างกับถูกสิง วิ่งแบบไม่ได้สวมรองเท้า
เสียงฝ่าเท้าเปล่ากระทบพื้นดัง ตึก! ตึก! ตึก!
“โอ๊ยยยยยย ทำไมไม่ตื่น!!! ปลุกก็ไม่ปลุก!”
เธอบ่นเองใส่ตัวเอง หยิบผ้าเช็ดตัวพาดบ่าไปด้วย ก่อนหายเข้าไปในห้องน้ำพร้อมเสียงเปิดน้ำกระแทก
ซ่า~
ถ้าใต้ฝุ่นผู้เป็นพ่อมาเห็นสภาพตอนนี้ คงได้บอกว่า
“ลูกสาวฉันนี่มัน…ตัวก่อเรื่องจริง ๆ”
หลังจากใช้เวลาทำเวลาในห้องน้ำเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ชีวิตตัวเอง สายลมก็พุ่งออกจากคอนโดในสภาพที่ไม่พร้อมที่สุดเท่าที่เคยเป็น
เธอพับแขนเสื้อไม่เสร็จ รองเท้าอีกข้างยังไม่ร้อยเชือก ผมเปียก ๆ จากการสระแบบเร่งด่วนก็ถูกมัดเป็นบันหลวม ๆ อยู่ด้านหลัง
ขณะที่เธอวิ่งพรวดลงจากคอนโด รปภ. ที่ประจำอยู่หน้าประตูก็โบกมือจะทักทาย แต่สายลมไม่หยุดแม้แต่จะหันไปมอง
“คุณหนู! เดี๋ยว...”
“ไม่มีเวลาแล้วลุงงง!!”
เธอตะโกนกลับแบบลอย ๆ โดยที่ร่างวิ่งผ่านด่าน รปภ. ไปเรียบร้อยแล้ว
และแทนที่จะให้คนขับรถของบ้านมารับไปส่งตามระเบียบ สายลมกลับหันควับไปอีกทางก่อนกระโดดขึ้นวินมอเตอร์ไซค์ด้วยจิตใจฮึดสุดชีวิต
เธอพูดเบา ๆ ขณะที่วินกำลังเร่งเครื่อง
“ถ้าป๊ารู้ว่าตื่นสาย…มีหวังโดนลดค่าขนมยันเทอมหน้าแน่ แค่คิดก็ขนลุกแล้ววว!”
ฟู่วววว~
เสียงลมปะทะหน้าจนผมที่เพิ่งไดร์อย่างลวก ๆ ฟูขึ้นอย่างหมดรูป
เธอยกมือพยายามปัดมันลง สลับกับดึงกระโปรงให้เข้าที่อีกข้างพลางบอกตัวเองในใจว่า
‘ขออย่าให้มีใครรู้ทีเถอะว่านี่คือคุณหนูตระกูลวรรธนะเดช…’
ณ หน้าอาคารใหญ่ เวลา 08:45 น.
หลังลงจากวินพร้อมจ่ายเงินแทบจะโยนแบงก์ใส่มือวินไปแล้ว สายลมรีบเดินดุ่มเข้าอาคารด้วยความเร็วระดับโซนิค สายตากวาดไปรอบ ๆ พยายามหาจุดลงทะเบียนนักศึกษาปีหนึ่ง
ทว่าอาคารขนาดมหึมาคราคร่ำไปด้วยเด็กปีหนึ่งจากทุกคณะ บ้างก็นั่งเรียงแถว บ้างก็กำลังถ่ายรูปเซลฟี่กันสนุกสนาน
สายลมหอบหายใจแผ่ว ๆ ก่อนจะปัดเนื้อปัดตัว จัดผมฟู ๆ ให้ดูเรียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วถอนหายใจหนึ่งทีอย่างจริงจัง
“เอาวะ…”
เธอก้าวเข้าไปในโถงกลางซึ่งมีป้ายแยกแต่ละคณะอยู่ตามจุดต่าง ๆ
“วิศวะอยู่ไหนวะ…”
เธอบ่นพึมพำ สายตามองกวาดไปทั่ว ก่อนจะเจอกลุ่มหนึ่งที่โดดเด่นกว่ากลุ่มอื่น
เสื้อช็อปสีแดงเพลิงที่ปักโลโก้เฟืองทองอย่างสง่างาม เด็กหนุ่มหญิงสาวยืนกระจุกอยู่ตรงมุมซ้ายของอาคาร บางคนช่วยกันแจกแฟ้มเอกสาร บางคนก็รับเอกสารจากน้องปีหนึ่งที่มายื่นเอกสาร
“…นั่นแหละ”
เธอกะพริบตาสองสามที สูดหายใจ แล้วเดินตรงไปอย่างพยายามเนียน
ตึกตัก!
หัวใจเต้นแรงแปลก ๆ
ทั้งเพราะกลัวโดนจับได้ว่ามาสาย…
และเพราะสายตาคม ๆ คู่นั้นที่ดูคุ้น ๆ กำลังหันมาทางเธอพอดี
อีกด้านของพอร์ช วชิรากรณ์ ปัจภักดี
บริเวณจุดลงทะเบียนคณะวิศวะ
“เฮ้ย ไอ้พอร์ช มีคนด่ามึงที่คอนโด แล้วมึงไม่พูดอะไรกลับไปเลยเหรอวะ?”
เสียงของ ออกัส ดังขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะขำกลิ้ง
“ใช่ดิ!” ปอร์เช่ เพื่อนสนิทอีกคนเสริมอย่างคันปาก “เด็กปีหนึ่งปากไวแบบนั้น ถ้าเป็นกูนะ… เดือด!”
พอร์ช ที่นั่งเอนตัวพิงพนัง หาวเบา ๆ อย่างขี้เกียจ ก่อนจะยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ แล้วตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่เจือขำ
“ตอนนั้นกูไม่ได้สนใจไง… ก็แค่เด็กเวรคนหนึ่งที่น่าจะเมาความมั่นใจของตัวเองเกินไป”
“แล้วเจอหน้ามันอีกยัง?” ออกัสถามด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น “เด็กที่ว่า…มึงโตเหมือนควายน่ะ ฮ่าๆๆ!”
พอร์ชยกมือขึ้นนวดขมับอย่างเบื่อ ๆ ก่อนจะถอนหายใจยาว
แต่ยังไม่ทันจะได้ตอบอะไร สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นใครบางคนเดินเข้ามาในอาคาร…
ผู้หญิงตัวเล็ก
ผิวขาวจัด หน้าตาจัดว่าน่ารัก
แต่ใบหน้าเรียบนิ่ง เหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งที่กำลัง “มาสาย” ในวันปฐมนิเทศ
พร้อมกับผมยาว ๆ ที่พยายามเซตให้เรียบยังหลุดออกมาเล็กน้อย กระโปรงมีรอยยับนิด ๆ และท่าทางที่เดินเข้ามา…โคตรจะไม่รู้สึกผิด
พอร์ชกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะเพยิดปากไปทางนั้น พร้อมพูดเสียงเรียบ
“หึ นั่นไง ยัยเด็กนั่นแหละ”
ออกัสกับปอร์เช่หันขวับตามทันที
“เฮ้ย จริงดิ! โอ้โห ตัวเล็กก็จริง แต่ปากคงไม่เล็กตามเนอะ”
พอร์ชไม่ได้ตอบอะไร
เขาแค่มองตามสายลมที่ยื่นใบลงทะเบียนให้น้องพี่สันทนาการ ก่อนจะหันมาสบตากับเขาแวบหนึ่ง
แต่เธอก็ทำเหมือนไม่เห็น…เดินผ่านไปหน้าตาเฉยเหมือนเป็นแค่อากาศ
พอร์ชหัวเราะในลำคอเบา ๆ
‘ยัยนี่มันไม่รู้เลยจริง ๆ ว่ากำลังเดินเข้าสนามประลอง’
เขาในฐานะ “พี่ว้าก”
และวันนี้คือวันแรกที่เธอ…มาสาย
แถมอีกไม่กี่วันก็จะถึงกิจกรรมรับน้องที่เขาเป็นคนคุมหลัก
เด็กปีหนึ่งธรรมดาอาจจะโดนว้ากนิด ๆ หน่อย ๆ แต่สำหรับเด็กปากไวที่เคยว่ารุ่นพี่ว่า “ตัวเหมือนควาย” แบบเธอ…
บทลงโทษจะต้องหนัก และจำไม่ลืมแน่นอน