ขณะที่สายลมนั่งอยู่เงียบ ๆ ใจเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ ดวงตากวาดมองไปรอบห้องอย่างประหม่า เธอกำลังสงสัย…
“นายนั่น… รู้หรือยัง?”
เขามองมาเมื่อกี้ ดวงตาคมกริบแบบนั้น มันเหมือนคนที่รู้แล้วว่าเธอคือใคร
หรือเขาแค่จ้องเฉย ๆ เพราะเธอหน้าตาดี? หญิงสาวคิดปลอบใจตัวเองในใจอย่างแผ่วเบา
แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ…
เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากฝั่งซ้ายของห้องประชุม
“ตระกูลวรรธนะเดชเหรอ?” เสียงของ รุ่นพี่ผู้หญิงคนเดิม จากโต๊ะลงทะเบียนเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นเล็ก ๆ
“นั่นไง!” เธอชี้นิ้วอย่างมั่นใจ
“น้องที่ลงทะเบียนตอนเช้าน่ะ ใช่เลย! ลูกสาวคนสุดท้องของตระกูลวรรธนะเดช!”
ทันทีที่คำว่า “ลูกสาวคนสุดท้อง” หลุดออกจากปาก…
ทั้งห้องเงียบกริบ
ราวกับลมหายใจของทุกคนถูกดูดออกไปจากห้อง
สายตากว่าห้าสิบคู่หันขวับมามองที่เดียว
ที่เธอ
…“สายลม นริสา วรรธนะเดช”
สายลมเบิกตาโต ใบหน้าขาวซีดไปทันตา
หัวใจตกวูบลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
เธอรู้สึกเหมือนเวลาหยุดนิ่ง…
‘ชิบหายแล้ว!!’
เธอพึมพำเบา ๆ ในลำคอ หน้าเห่อร้อนขึ้นมาทันทีจนอยากมุดโต๊ะหนี
จะโดนด่าไหมวะ!?
เธอคิดด้วยความสยองสุดขีด
นี่เธอ…หลับกลางพิธี แถมยังมาสาย แล้วทุกคนเพิ่งพูดกันอยู่ว่าอยากให้ตระกูลเธอเปิดเกาะให้ไปรับน้อง!
…ตายแน่ ๆ!
พอร์ชที่ยืนอยู่หน้าเวที ชะงักไปหนึ่งจังหวะ
ก่อนจะค่อย ๆ หันมามองเธอเต็ม ๆ อีกครั้ง
คราวนี้…
ไม่ใช่แค่สบตา
แต่เขายิ้ม
ยิ้มแบบที่คนรู้ความลับคนอื่นเต็ม ๆ
รอยยิ้มมุมปากที่มีทั้ง ความแสบ และ ความขำ ปนกัน
เขากลั้นหัวเราะไม่ได้ จนยกมือลูบคางเบา ๆ แล้วเอ่ยเสียงดัง
“อ๋อออ… ที่แท้ก็ เจ้าของเกาะ มานั่งอยู่ตรงนี้เอง”
สายลมเบิกตากว้าง หันไปเบะปากใส่พอร์ชทันที
กระซิบกับตัวเองเสียงเบา
“เอาแล้วไง… พี่ว้ากรู้แล้วแน่ ๆ ว่าฉันคือใคร…”
‘ชีวิตปีหนึ่งของฉัน… พังแน่!!’
ตอนนี้สายลมนั่งก้มหน้าอยู่ตรงกลางห้อง รอบตัวคือรุ่นพี่ปี 3 ทั้งชายหญิง รุ่นน้องปีหนึ่งอยู่รอบ ๆ นั่งกับพื้น ส่วนพอร์ชนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ ทำหน้าเหมือนดูละครสนุก ๆ อยู่เงียบ ๆ
“น้องสายลมคะ”
เสียงของรุ่นพี่หญิงคนหนึ่งดังขึ้นเบา ๆ แต่จริงจัง
สายลมเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ยิ้มแหย ๆ มือกอดกระเป๋าไว้แน่นเหมือนเป็นโล่กำบังตัวเอง
“ว่าไงคะ…” เธอตอบเสียงเบา
“พี่ขอเชิญน้องมาคุยแยก เพราะวันนี้…น้องมาสายใช่ไหม?”
สายลมพยักหน้าอัตโนมัติในทันที แล้วเดินตามมายังห้อง ๆ หนึ่ง ที่มีรุ่นพี่นั่งรายล้อม
‘จะโดนอะไรอีกเนี่ย… ให้ทำสควอทกี่รอบก็ว่ามา’ เธอคิดอย่างยอมรับชะตากรรม
แต่สิ่งที่ได้ยินกลับไม่ใช่…
“แต่พี่จะไม่ทำโทษ…ถ้าน้องช่วยไปพูดกับป๊าน้องให้หน่อย”
“คะ?” สายลมเงยหน้าขึ้นทันที ดวงตาเบิกกว้าง
“ก็ตามนั้นค่ะ”
รุ่นพี่ผู้หญิงยิ้มบาง ๆ
“เรารู้ว่าน้องคือ ลูกสาวของคุณใต้ฝุ่น วรรธนะเดช… คนที่เป็นเจ้าของเกาะ ที่เมื่อสองปีก่อน คณะเราเคยได้รับอนุญาตให้ใช้จัดกิจกรรมรับน้อง”
เสียงในห้องเงียบลงครู่หนึ่ง
มีเพียงเสียงฝนปรอยเบา ๆ กระทบหลังคาที่ดังลอดมา
“จนกระทั่ง…”
พี่อีกคนพูดต่อ
“ลูกสาวของคุณซีโร่ พี่ทอฝันน่ะ ถูกใส่ร้ายในมหาลัย ส่วนมหาลัยก็ไม่ได้ทำอะไร นอกจากปัดความรับผิดชอบไปเรื่อย ๆ”
“พอคุณใต้ฝุ่นรู้เรื่อง ก็สั่งห้ามใช้สถานที่ในเครือทั้งหมดทันที”
สายลมเม้มปากแน่น หัวใจเต้นแรง
เรื่องนี้เธอเคยได้ยิน…แต่ไม่คิดว่าจะมาเกี่ยวกับเธอในวันนี้
“เรารู้ว่าน้องเพิ่งเข้ามาเรียน ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับอดีต” พี่คนควบคุมกิจกรรมพูดด้วยเสียงนุ่ม
“แต่ปีนี้พวกเราตั้งใจจะฟื้นภาพลักษณ์ของคณะให้ดีขึ้น และอยากให้กลับไปจัดรับน้องที่เกาะของครอบครัวน้องอีกครั้ง…”
เขาหยุดไปเล็กน้อย แล้วมองเธอตรง ๆ
“ช่วยพูดกับคุณใต้ฝุ่นให้หน่อยนะ แลกกับการไม่ถูกทำโทษเรื่องวันนี้”
สายลมกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่
เธอมองไปรอบ ๆ ห้อง ทุกคนกำลังรอฟังคำตอบจากเธอเหมือนกับว่ากำลังพิจารณาข้อเสนอของบริษัท
แต่ในใจเธอ…
‘จะให้ฉันพูดกับป๊า…เรื่องนี้เนี่ยนะ?’
เธอรู้ดีว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องของ “สถานที่”
แต่มันคือศักดิ์ศรีของครอบครัว และความเจ็บปวดที่ยังไม่จางหาย
สายลมสูดหายใจเบา ๆ ก่อนจะตอบเสียงแผ่ว
“หนู…ไม่แน่ใจว่าป๊าจะยอมฟังไหมค่ะ แต่…จะลองพูดดู”
พอร์ชที่เงียบอยู่จนถึงตอนนี้ ยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย
ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ แต่แฝงความรู้ทันนิด ๆ
“แค่ลองพูดก็พอครับ คุณหนู”
เขาเน้นคำสุดท้ายด้วยรอยยิ้มมุมปาก ทำเอาสายลมแทบอยากปารองเท้าใส่
“ค่ะ…”
สายลมตอบรับเสียงเบา แต่ในใจคืออยากยกป้ายประท้วงใส่หน้าพอร์ชที่กำลังยิ้มกวน ๆ เหมือนคนเพิ่งชนะพนันมา ให้ตายไม่ชอบขี้หน้าผู้ชายคนนี้เลย
เธอเบ้ปากใส่เขาอย่างหมั่นไส้สุดขีด ก่อนจะรีบเบี่ยงสายตาไปมองรุ่นพี่อีกคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ซึ่งดูสุภาพกว่าเล็กน้อย
“งั้น…พี่จะรอฟังข่าวดีจากน้องอีก สองวัน นะครับ”
เสียงทุ้มนุ่มของรุ่นพี่คนนั้นกล่าวปิดท้าย พร้อมรอยยิ้มที่ดูพึงพอใจแบบคนที่เชื่อว่าทุกอย่างจะง่ายเหมือนเปิดประตู
‘ข่าวดีบ้านพี่สิ’ สายลมคิดในใจพลางยิ้มเจื่อน ๆ พยักหน้าหงึกหงักแบบคนหมดสิทธิ์เถียง
เธอเดินออกจากห้องเล็กไปเงียบ ๆ แล้วกลับไปยังที่นั่งของกลุ่มนักศึกษาปีหนึ่งอีกครั้ง
…เธอหย่อนตัวลงตรงเก้าอี้แถวเดิม ถอนหายใจแรงแบบไม่ปิดบัง
‘ตอนแรกกะมาเรียนเฉย ๆ นะ ไม่คิดจะมีใครรู้ว่าเป็นใคร’
‘อยู่ ๆ จะให้ฉันไปงัดป๊าเพราะอยากจัดรับน้องบนเกาะ… นี่คิดว่าป๊าฉันง่ายเหมือนปลอกกล้วยหรือไงวะ’
เสียงพิธีกรบนเวทีกำลังบรรยายอย่างกระตือรือร้น
“กิจกรรมรับน้องของคณะเราจะเริ่มในอีกหนึ่งสัปดาห์ และจะมีกิจกรรมแบ่งกลุ่ม ประลองทักษะ ทั้งสันทนาการและวิชาการไปพร้อมกัน…”
เสียงรอบข้างดังแว่ว ๆ แต่ในหัวสายลมกลับเริ่มเลือน ๆ
หนังตาหนักขึ้นทุกที ราวกับมีแม่เหล็กถ่วงไว้
เธอเอนตัวลงนิด ๆ พิงหลังกับพนักเก้าอี้
ลมหายใจเริ่มสม่ำเสมอ
‘นั่งแป๊บนึง…ก็ได้มั้ง…’
หัวค่อย ๆ พับ…
~ คร่อก ~
“เฮ้ น้องคนนั้น…หลับอีกแล้วเหรอ?”
เสียงกระซิบของรุ่นพี่แถวหน้าแว่วเบา ๆ
พอร์ชที่เดินออกจากห้องเล็กตามมาทีหลัง เหลือบเห็นพอดี เขาเท้าแขนกับขอบผนัง ยกมุมปากนิด ๆ
“คุณหนูคนนี้…ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยแฮะ”
เขาพึมพำแล้วส่ายหน้ายิ้ม ๆ ก่อนจะควักมือถือขึ้นมาถ่ายรูปเธอหลับไว้แบบแอบ ๆ
…ไม่ใช่เอาไปแกล้ง (มั้ง)
แต่อาจเอาไว้ขู่เล่นตอนเธอดื้อก็ได้