ตอนที่ 8
06.00 น.
ภาคินัยขับรถมาจอดหน้าบ้านของอัญชลิดาตั้งแต่เช้าตรู่ วันนี้เขาตัดสินใจจะขับรถไปส่งเธอที่ไร่องุ่นในสะเมิงด้วยตัวเอง เพื่อเป็นการเริ่มต้นการทำงานวันแรกของเธออย่างเป็นทางการ ช่วงหลายวันที่ผ่านมา ภาคินัยคอยเทียวไปมาระหว่างปายกับสะเมิงอย่างสม่ำเสมอ
เพื่อเยี่ยมอาการของเนตรดาวที่โรงพยาบาล หมอบอกว่าอาการของเธอเริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว ทำให้ภาคินัยรู้สึกคลายความกังวลลงไปได้บ้าง
เมื่อคืนที่ผ่านมา ภาคินัยแอบส่งข้อความหาอัญชลิดา บอกว่าวันนี้เขาอยากจะใช้เวลาช่วงเช้าเที่ยวชมเมืองปายกับเธอก่อน อัญชลิดาจึงตอบตกลงด้วยความยินดี
“วันนี้อัญจะเป็นไกด์ให้พี่ภีมเองค่ะ” อัญชลิดากล่าวด้วยรอยยิ้มสดใส หลังจากไม่เห็นหน้าของเขามาหลายวัน พ่อเลี้ยงหนุ่มรับกระเป๋าเสื้อผ้าของเธอแล้วเอาไปเก็บไว้ที่หลังรถ
แสงแดดยามเช้าสาดส่องเมืองปาย เมืองเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา อากาศบริสุทธิ์และสายลมเย็นๆ พัดผ่าน สร้างความสดชื่นให้กับผู้มาเยือน ภาคินัยและอัญชลิดาเดินเคียงข้างกันบนถนนคนเดินที่เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารท้องถิ่น
“พี่ภีมอยากไปเที่ยวที่ไหนเป็นพิเศษไหมคะ” อัญชลิดาถามด้วยรอยยิ้มสดใส รอยยิ้มที่เปล่งประกายออกมาจากดวงตาคู่สวย ราวกับแสงอาทิตย์ยามเช้าที่สาดส่องลงมากระทบกับหยดน้ำค้างบนกลีบดอกไม้
ภาคินัยมองใบหน้าของเธอด้วยความหลงใหล วันนี้เป็นวันแรกที่เขาเห็นใบหน้าของเธอหายจากความเศร้าหมอง ไม่เหมือนกับวันแรกๆ ที่เขาได้พบเธอ มันดูเปล่งปลั่งมีชีวิตชีวา แก้มใสอมชมพูระเรื่อ ผมยาวสลวยถูกลมพัดปลิวไหว ดวงตาคู่สวยเปล่งประกายแห่งความสุข รอยยิ้มของเธอช่างงดงามถูกใจของเขาเหลือเกิน
“พี่อยากไปทุกที่ ที่อัญอยากพาพี่ไป” ภาคินัยตอบด้วยน้ำเสียงแห่งความเสน่หา แววตาของคำหยาดเยิ้ม
อัญชลิดาพาพ่อเลี้ยงหนุ่มไปชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในอำเภอปาย เริ่มจากสะพานประวัติศาสตร์ปายที่ทอดตัวข้ามแม่น้ำปาย
จากนั้นก็ไปชมวิวทะเลหมอกที่จุดชมวิวหยุนไหล ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองปายในยามเช้า
อัญชลิดาเล่าเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับเมืองปายให้ภาคินัยฟัง ทั้งประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของชาวบ้านที่นี่ ภาคินัยฟังเธออย่างตั้งใจและยิงถามต่างๆ มากมาย บางครั้งเขาก็แซวบางครั้งเขาก็หยอกล้อจนเธอเริ่มหวั่นไหวไปเหมือนกัน
“พี่ภีมเคยมาเที่ยวปายบ้าง หรือยังคะ” อัญชลิดาถามเอ่ยถามเพราะปายกับสะเมิงถือว่าอยู่ติดกัน
“เคยแค่ขับรถผ่านเองครับ” ภาคินัยตอบ ก่อนจะนึกไปถึงว่าตนเองก็ตั้งใจจะมาที่นี่เพื่อมารับภรรยากลับจากงานเลี้ยงรุ่น แต่ก็ดันมาเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน
“ขับรถผ่านเค้าไม่เรียกว่าเที่ยวนะคะ งั้นอัญจะถือว่า...นี่เป็นครั้งแรกของพี่ก็แล้วกัน” อัญชลิดากล่าวด้วยรอยยิ้มขี้เล่น
“แล้วพี่ภีมชอบไหมคะ” อัญชลิดาถามต่อ
“ชอบมากครับ” ภาคินัยตอบพร้อมส่งสายตาหวานซึ้งให้เธอ ซึ่งบ่งมันบอกอะไรได้หลาย ๆ อย่าง จนคนถามอายหน้าแดงไม่เป็นกระบวน เขางัดเขี้ยวเล็บขึ้นมาใช้จีบเธอ หลังจากเก็บมันเข้ากุไปอย่างถาวร
“ปายเป็นเมืองที่สวยงามและมีเสน่ห์มาก พอๆ กับสาวที่นี่เลย” เขายิ้มให้เธอเมื่อพูดจบ หญิงสาวจำต้องรีบหลบสายตาอันร้อนแรงของเขา
ทั้งสองคนจูงมือกันเดินเล่นไปเรื่อยๆ จนเลยเวลามาถึงช่วงเย็น เขาจึงตัดสินใจจะอยู่เที่ยวต่ออีกหนึ่งคืน อัญชลิดาพาพ่อเลี้ยงหนุ่มไปทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารท้องถิ่นแห่งหนึ่ง อาหารที่นี่อร่อยและบรรยากาศดีมากเธอเป็นคนเลือกและบอกเขา
“วันนี้สนุกมากเลยค่ะ” หญิงสาวยิ้ม เมื่อนั่งรถมากลับชายหนุ่ม เขาดูและเทคแคร์เธอเป็นอย่างดี เขาช่างดูดีและเป็นสุภาพบุรุษจนเธอรู้สึกหวั่นไหวไปกับพูดทีเล่นทีจริงของเขา
“พี่ก็สนุกมากครับ” ภาคินัยตอบพร้อมกับยิ้มกว้างให้เธอ
“ขอบคุณมากนะครับที่พาพี่เที่ยว”
“ไม่เป็นไรค่ะ” อัญชลิดากล่าว
ยามเย็นของเมืองปาย แสงสุดท้ายของวันกำลังจะลาลับขอบฟ้า อากาศเย็นสบายพัดผ่าน ภาคินัยพาอัญชลิดามายังที่พักบนเนินเขาเป็นรีสอร์ตหรูเหมาะกับคู่รักที่ต้องการความเป็นส่วนตัว มองเห็นวิวเมืองปายยามค่ำคืนได้อย่างสวยงาม
“ที่นี่สวยจังเลยนะคะ” อัญชลิดากล่าวด้วยความตื่นตาตื่นใจ ตอนแรกเธอคิดว่าภาคินัยจะพาเธอกลับสะเมิงเสียอีก แต่เขาก็พาแวะอย่างกะทันหัน เธอเดาใจเขาไม่ถูกเลย หรือว่าค่ำแล้วเขากลัวอันตรายก็เป็นได้เพราะเส้นทางจากปายกว่าจะไปถึงสะเมิงก็หลายพันโค้ง
“พี่เห็นป้ายหน้ารีสอร์ตเขียนว่ามีหมูกระทะด้วย ก็เลยขับรถเข้ามา” ภาคินัยดึงสติที่ล่องลอยของหญิงสาวให้กลับมาสู่ร่างอีกครั้ง
“น้องอัญพาพี่เที่ยวมาทั้งวันแล้ว พี่ขอเลี้ยงหมูกระทะพร้อมวิวสวย ๆ เป็นการตอบแทนนะ”
“โห..เพิ่งทานข้าวเย็นมาจะไหวเหรอคะ อัญยังแน่นอยู่เลย” เธอบอกพร้อมกับทำท่าทางอิดออด
“กินเอาบรรยากาศก็พอครับ” อัญชลิดาพยักหน้าตกลงเพราะไม่อยากขัดใจ ทั้งสองคนสั่งหมูกระทะและเครื่องดื่มมาทานบนระเบียงที่พัก
ภาคินัยเปิดห้องเอาไว้สองห้องติดกัน และชวนเธอพักที่นี่โดยบอกกับอัญชลิดาว่าไม่อยากขับรถกลับในเวลากลางคืน
เตาถ่านถูกจุดขึ้น เปลวไฟสีแดงส้มเต้นระบำอยู่ภายในเตา กลิ่นหอมของเนื้อหมูที่กำลังย่างลอยอบอวลไปทั่วบริเวณ ไฟจากเตาช่วยให้อากาศที่เหน็บหนาวอบอุ่นขึ้นมา
“อัญดีใจที่พี่ภีมชอบที่นี่” ทั้งสองกินไปชมวิวไป อัญชลิดาและภาคินัยช่วยกันย่างหมูและผัก ทั้งสองพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
“พี่เปิดห้องให้แล้ว น้องอัญไม่ต้องกลับไปนอนบ้านคุณป้าหรอกครับ เดี๋ยวท่านจะสงสัยเอาว่าทำไมไม่ถึงสะเมิงสักที” อัญชลิดาจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เมื่อรู้ว่าเธอต้องนอนค้างอ้างแรมกับเขา
“พี่ภีมห้ามบอกคุณป้านะคะ” หญิงสาวรีบบอก
“พี่ไม่บอกหรอกครับ”
ในค่ำคืนนั้น ภาคินัยชวนอัญชลิดาออกมาเดินเล่นชมดาวบนเนินเขาภายในรีสอร์ต อากาศเย็นสบายและแสงดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้า ทั้งสองคนนั่งลงบนเสื่อที่ภาคินัยเตรียมมา
“คืนนี้ดาวสวยจังเลยนะคะ” หญิงสาวนั่งลงแล้วเอ่ยขึ้น
“สวยไม่เท่าน้องอัญหรอกครับ” ภาคินัยตอบด้วยน้ำเสียงกระซิบเมื่อนั่งลงข้าง ๆ เธอ อัญชลิดาหน้าแดงทันที ทั้งสองคนนั่งเงียบๆ มองดาวด้วยกัน บรรยากาศเป็นใจให้ทั้งสองคนใกล้ชิดกันมากขึ้น ภาคินัยค่อยๆ เอื้อมมือไปโอบไหล่ของอัญชลิดา พ่อเลี้ยงหนุ่มรู้สึกราวกับถูกมนต์สะกด เขาไม่สามารถละสายตาจากเธอได้เลย
“น้องอัญสวยมากเลยนะครับ” ภาคินัยเอ่ยชมด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา อัญชลิดาหน้าแดงเมื่อใจสักครู่ยังไม่ทันจะหายก็แดงขึ้นอีก เธอรีบหลบสายตาของเขาด้วยความเขินอาย
“พี่ภีมพูดอะไรคะ” เธอเอ่ยเสียงเบาหวิว จนแทบจะไม่ได้ยิน
“พี่พูดความจริงครับ” ภาคินัยตอบ
“วันนี้น้องอัญสวยเป็นพิเศษ” อัญชลิดายิ้มเขิน ๆ เธอรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ คำชมของภาคินัยทำให้เธอรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกหลุมรักเขามากขึ้นทุกที
“น้องอัญครับ” ภาคินัยเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“คะ” อัญชลิดาตอบเสียงแผ่ว ภาคินัยค่อยๆ โน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าของอัญชลิดา ริมฝีปากของเขาสัมผัสกับริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา อัญชลิดาหลับตาลงและตอบรับจูบของเขาอย่างเต็มใจ ทั้งสองคนจูบกันอย่างดูดดื่มและเนิ่นนาน เมื่อผละริมฝีปากออกจากกัน ทั้งสองคนมองหน้ากันด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึก
“พี่ภีม!!!...” อัญชลิดาเอ่ยเสียงสั่น
“จะเป็นอะไรมั้ยครับ..ถ้าพี่จะขอจีบน้องอัญ” ภาคินัยกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง อัญชลิดาไม่ตอบ แต่เธอโผเข้ากอดภาคินัยแน่น ทั้งสองคนกอดกันอยู่ท่ามกลางแสงดาวที่ส่องประกายระยิบระยับ