ถูกคุกคาม

1009 คำ
ส่วนเจ้าของวันเกิดในวันพรุ่งนี้ หลังจากได้รับโทรศัพท์จากดรัณในช่วงเช้า ให้เธอเก็บข้าวของเตรียมย้ายออกจากห้องในวันพรุ่งนี้ เมื่อถึงเวลาเลิกงานเกณิกาก็รีบกลับมายังห้องเช่า ไม่ใช่ว่าเธออยากไปอยู่ที่ใหม่จนตัวสั่น ทว่าเธอดีใจที่จะไม่ต้องทนเห็นโซฟาตัวที่อยู่ในห้องต่างหาก โชคดีที่เกณิกาเป็นคนใช้เงินประหยัด หญิงสาวจึงไม่มีข้าวของที่ต้องเก็บมากมายนัก เสื้อผ้าก็มีไม่มากเพราะไม่ค่อยได้ซื้อชุดใหม่ ทำให้ใช้เวลาเก็บไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย และสิ่งสุดท้ายที่เกณิกาจะลืมไม่ได้คือกล่องขนมที่วางอยู่บนชั้น เปิดกล่องออกดูก็เห็นเงินจำนวนไม่น้อยวางเรียงอยู่ในนั้น ไม่เคยนับว่ามีมากน้อยเท่าไหร่ ทว่าตอนนี้เธอคงต้องหยิบขึ้นมานับเสียแล้ว หญิงสาวไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ว่าเธอจะใช้เงินก้อนนี้ที่ภากรทิ้งไว้ให้ไปไถ่โฉนดที่ดินของป้าจันทร์จากคุณหญิงรัศมีออกมา เมื่อเธอได้โฉนดที่ดินมาเมื่อไหร่เธอคงสามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ หรือไม่เธอก็ไม่ต้องมาทนให้ภากรดูถูกจนไม่มีชิ้นดีอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้แน่ แต่จำนวนเงินห้าล้านก็ไม่น้อยเลยทีเดียว เงินที่มีอยู่ตอนนี้รวมทุกบัญชีก็ได้เพียงแค่ล้านเดียวเท่านั้น เสียงเคาะประตูห้องพักดังติดกันสามสี่ครั้ง เกณิกาเผลอขมวดคิ้วเข้าหากัน หันไปคว้าโทรศัพท์มือถือที่วางทิ้งไว้บนเตียงมาดู ก็ไม่เห็นจะมีสายที่ไม่ได้รับ เพราะทุกครั้งก่อนภากรจะมา ชายหนุ่มต้องโทรหาเธอก่อนเสมอ มีแค่วันนั้นวันเดียวที่ชายหนุ่มมาโดยไม่บอกล่วงหน้า แล้วใครกันที่มาเคาะประตูห้อง ในระหว่างที่ตั้งคำถาม เสียงเคาะก็ดังขึ้นอีกรอบเกณิกาจึงไม่อาจนิ่งเฉย รีบเดินไปเปิดประตูห้อง ทว่ากลับไม่พบใครสักคน หันซ้ายแลขวาก็ไม่มี กำลังจะดึงประตูห้องปิดแต่สายตาก็เหลือบไปเห็นช่อดอกไม้วางไว้บนพื้น จึงก้มลงหยิบขึ้นมาดู ใบหน้างามซีดลงเล็กน้อย หัวใจเต้นแรงระส่ำ กำช่อดอกไม้ในมือไว้แน่น หันมองไปโดยรอบอีกครั้ง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครจึงปิดประตูลงกลอนให้แน่นหนา เดินกลับมานั่งที่เตียงนอน มองช่อดอกไม้ปริศนาที่มีคนนำมาวางไว้ ก่อนจะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดถ่ายรูปส่งให้คะน้า เพียงไม่นานคะน้าก็โทรกลับมาหา “คะน้า” เกณิการีบกดรับด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย พยายามบังคับให้เป็นปกติที่สุด ด้วยไม่อยากให้เพื่อนสาวเป็นห่วง (มันส่งมาอีกแล้วเหรอ) เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่เกณิกาได้รับสิ่งของแปลกๆ แบบนี้ ตั้งแต่วันที่เกณิกาก้าวขาออกมาจากบ้านของคุณหญิงรัศมีในฐานะภรรยาลับของภากร หญิงสาวก็ได้รับของข่มขู่เสมอมา ทว่าเกณิกากลับเลือกที่จะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ และมีไปแจ้งความไว้ในช่วงแรกหลังจากแน่ใจว่าไม่ได้ส่งผิดห้อง แต่เป็นการตั้งใจส่งมาให้เธอ และคนที่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดมีเพียงคะน้าคนเดียวเท่านั้น “ใช่” (ฉันว่าแกต้องบอกเรื่องนี้กับคุณตะวันแล้วนะ มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะเตย เกิดวันข้างหน้ามันไม่ส่งแค่ของมาขู่ล่ะ แกจะทำยังไง) คะน้าไม่ใช่พูดครั้งนี้ครั้งแรก แต่หญิงสาวเตือนเพื่อนมาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง “พูดไปแล้วคุณตะวันจะเชื่อฉันหรือไง คงหาว่าฉันสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจอีกตามเคยนั่นแหละ” (แล้วรอบนี้มีข้อความอะไรมาไหม) เกณิกามองหาการ์ดที่มักจะเขียนข่มขู่มาด้วยทุกครั้ง และครั้งนี้ก็เห็นว่าถูกซ่อนไว้ในช่อดอกไม้สีทอง “มี” (มันว่ายังไงบ้าง) “มันบอกว่า ให้ฉันออกไปจากชีวิตของคุณตะวันซะ ก่อนที่ฉันจะเดินออกไปอย่าง...คนไร้วิญญาณ” เกณิกาสั่นกลัว แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกขู่ แต่เมื่อเห็นข้อความนี้ยามใดเธออดกลัวไม่ได้ ทุกคืนใช่ว่าจะหลับ ได้ยินเสียงกุกกักนิดหน่อยก็ผวาตื่นขึ้นมา แม้จะตั้งตนบนความไม่ประมาทและระวังตัวพอสมควรแต่ก็อดกลัวไม่ได้อยู่ดี (ไม่ได้แล้วนะเตย แกต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ ปล่อยไว้แบบนี้อันตรายว่ะ) คะน้าร้อนใจเป็นห่วงเพื่อนสาว “ถ้ามีโอกาสฉันจะลองคุยกับคุณดรัณดู อีกอย่างพรุ่งนี้ฉันก็ไม่ต้องอยู่ที่นี่แล้ว คนที่มันส่งของพวกนี้มาคงก่อกวนฉันไม่ได้แล้ว” (แล้วแกจะไปอยู่ไหน) “ยังไม่รู้เหมือนกัน พอดีคุณตะวันหาที่อยู่ให้น่ะ” (ก็ดีฉันจะได้เบาใจ คืนนี้แกก็ล็อกห้องดีๆ รู้ไหม ระวังตัวด้วยนะเตย ฉันเป็นห่วง) “จ้ะ ขอบใจแกมากนะ งั้นแค่นี้นะคะน้า” เกณิกาคว้าช่อกุหลาบสีทองยัดใส่ถุงดำ เธอไม่รู้ว่าคนที่ส่งของเหล่านี้มาเป็นใคร ทำไมถึงได้จงเกลียดจงชังเธอถึงขนาดนี้ การที่เธอกับภากรมีความสัมพันธ์กันมันไม่ใช่ความผิดของเธอสักนิด และหากเขาชอบพอภากรทำไมไม่เข้าหาภากรล่ะ ทำไมไม่ตามจีบภากร แต่เลือกที่จะข่มขู่ให้เธอเป็นฝ่ายเดินออกไปจากชีวิตภากร ทั้งที่ความจริงภากรก็ไม่ได้รักเธอเลยแม้แต่นิดเดียว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม