ดรัณยืนรออยู่หน้าห้องทำงานของภาสกรอยู่ก่อนแล้วเมื่อเกณิกาเดินไปถึง ชายหนุ่มส่งยิ้มให้เหมือนทุกครั้งที่เจอกัน แต่ในใจแอบสงสารเกณิกาด้วยซ้ำ วันนี้วันเกิดหญิงสาวแท้ๆ แต่เจ้านายเขากลับฟาดงวงฟาดงาชวนหาเรื่อง นอกจากจะไม่สนใจยังไปทำลายบรรยากาศความสุขของเกณิกาอีก
"เตยเข้าไปได้เลยไหมคะ" แม้จะไม่พอใจเจ้าของห้องอยู่บ้าง ทว่าเกณิกากลับมีรอยยิ้มให้ดรัณ เจ้านายนิสัยเสีย แต่ลูกน้องกลับนิสัยดี
"ครับ เจ้านายรออยู่" เพียงแค่ยิ้มรับ เดินไปเปิดประตูห้องทำงาน เพื่อเผชิญหน้ากับมัจจุราชร้ายไร้เหตุผล ใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง สิ่งที่เกณิกาต้องทำคือการตั้งสติรับมือกับความแปรปรวนของพายุลูกนี้
"ท่านประธานเรียกดิฉันมามีเรื่องอะไรคะ" ร่างสูงที่ยืนมองวิวด้านนอกหมุนตัวกลับมามองเจ้าของคำถาม เดินกลับมาหย่อนสะโพกลงบนโต๊ะทำงาน ยกมือขึ้นกอดอกมองหญิงสาวด้วยสีหน้าเรียบเฉย
"คิดว่าตัวเองเป็นใคร มีอภิสิทธิ์อะไร ทำไมถึงได้กล้าแหกกฎแบบนี้ หรือคิดว่าตัวเองเป็นคนของฉัน ถึงได้กล้าทำ ลืมไปหรือเปล่าว่าเธอกับฉันไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ที่ต้องเกี่ยวข้องกันเพราะความผิดพลาด อย่าคิดว่าตัวเองคือคนที่คุณย่าเอ็นดูแล้วจะทำอะไรก็ได้นะ เพราะเธอกำลังคิดผิด" เกณิกาพยายามทำสีหน้าให้เรียบเฉยแม้ใจจะเจ็บ
"เตยไม่เคยคิดแบบนั้นค่ะ"
"หึ! งั้นเหรอ" รอยยิ้มเยาะเย้ยผุดขึ้น ลุกเดินเข้ามายืนจับคางเรียวเชิดขึ้นสบสายตากัน
"ก็แค่วันเกิด มันน่าตื่นเต้นตรงไหน ไร้สาระสิ้นดี"
"ท่านประธานจะเอายังไงก็ว่ามาเลยดีกว่าค่ะ จะไล่เตยออกเลยไหมล่ะคะ จะได้เป็นตัวอย่างให้พนักงานคนอื่นไม่กล้าทำผิดกฎระเบียบอีก"
"อย่ามาท้าฉันนะเกณิกา" กระชากแขนเรียวจนร่างบางถลาเข้ามาหา แต่หญิงสาวกลับไม่ร้องออกมาสักแอะ ยังใจกล้าเชิดหน้าท้าทาย
"เตยไม่ได้ท้า" พูดออกไปจริงจังทุกคำ ไล่เธอออกไปเลย เธอจะได้ไม่อยู่ขวางหูขวางตาให้รำคาญ
"หึ! ไล่เธอออก เพื่อที่เธอจะได้อยู่บ้านสบายไม่ต้องทำงาน รอรับเงินเดือนจากฉันอย่างนั้นใช่ไหม แผนสูงใช่ได้นี่ คิดเหรอว่าฉันจะหลงกล เก็บเธอไว้ใกล้หูใกล้ตานี่แหละซะใจเป็นไหนๆ เวลาเห็นเธอเจ็บปวดฉันมีความสุขชะมัด...ดรัณ! ดรัณ!" เจ้าของชื่อรีบร้อนเปิดประตูเข้ามา
"ครับเจ้านาย"
"แจ้งผู้จัดการฝ่ายบุคคลด้วยนะ ว่าฉันให้เกณิกาพักงานสามวันพร้อมกับใบเตือนหนึ่งใบ เมื่อครบกำหนดมาทำงาน ให้ย้ายเกณิกามาเป็นผู้ช่วยนาย" งุนงงไปตามๆ กันกับคำสั่งของภากร
"คะ ครับ" แต่สุดท้ายดรัณก็เลือกที่รับคำสั่ง
"ที่ผ่านมาแค่น้ำจิ้ม ต่อไปนี้สิคือของจริง ฉันจะทำให้เธอรู้ว่าความเจ็บปวด ผิดหวังมันเป็นยังไง การมองคนรักเดินจากไป เธอคิดว่ามันเจ็บปวดขนาดไหน ฉันจะทำให้เธอเจ็บปวดมากกว่านั้น"
"เตยจะทนเท่าที่เตยทนไหว ถ้าวันหนึ่งที่ความอดทนมันหมดลงเมื่อไหร่ เตยจะไม่ทนให้คุณตะวันทำร้ายหัวใจของเตยอย่างที่ทำอยู่ตอนนี้แน่"
"ก็เอาสิ คิดว่าฉันแคร์หรือไง ที่ฉันยังดึงเธอไว้ในชีวิต ฉันแค่ต้องการสร้างรอยแผลให้เธอก็เท่านั้น อย่าหลงไปไกลคิดว่าฉันพิศวาสเธอหนักหนาล่ะ เพราะผู้หญิงอย่างเธอมีค่าแค่ของคั่นเวลาแก้ความอยากเท่านั้น อีกอย่างฉันเสียมิลาไปเพราะเธอ ฉันก็ต้องเอาเธอให้คุ้มค่ากับที่ฉันเสียของมีค่าไป หมดหน้าที่แล้ว ออกไปซะ ฉันเหม็นขี้หน้าเธอเต็มทน"
เกณิกาสะบัดแขนออกจากมือที่บีบรัดไว้ จ้องตาคมคู่นั้นไม่ยอมหลบ เธอสัญญากับตัวเองเอาไว้ตรงนี้เลย หากวันไหนที่เธอตัดสินใจเดินหนีหายไปจากผู้ชายคนนี้ ต่อให้เขาคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนอยู่ตรงหน้า เธอก็จะไม่มีวันใจอ่อนให้เขาเด็ดขาด
เพราะเธอมันพวกเจ็บแล้วจำ
เกณิกาเดินออกมาจากห้องทำงานภากร พร้อมกับเสียงซุบซิบที่ดังขึ้นตลอดทางเดินกลับมายังแผนกตัวเอง สายตาที่มองมาเต็มไปด้วยความอยากรู้ว่าเธอถูกเรียกไปทำโทษอะไรบ้าง
“เตย” เสียงร้องเรียกจากมุมห้องดังขึ้น พร้อมกับเจ้าของเสียงที่ยืนกวักมือเรียก เกณิกาจึงรีบเดินเข้าไปหา
“ว่าไงคะน้า”
“แกเป็นไงบ้าง ได้ข่าวว่าถูกท่านประธานเรียกตัวไปพบ เพราะผู้จัดการซื้อเค้กมาให้เหรอ”
“อืม”
“แล้วท่านประธานว่ายังไงอะ”
"พักงานสามวัน ใบเตือนหนึ่งใบ พอกลับมาทำงานให้ย้ายไปเป็นผู้ช่วยคุณดรัณ” คำบอกเล่าของเพื่อน เรียกหัวคิ้วของคะน้าให้วิ่งชนกัน จะว่าลงโทษก็ใช่ จะว่าเพิ่มความก้าวหน้าให้ก็ไม่เชิง สรุปท่านประธานจะลงโทษหรือจะให้รางวัลกันแน่
“ทำไมถึงให้แกย้ายไปทำงานที่นั่นล่ะ สายงานไม่เกี่ยวข้องกันอย่างสิ้นเชิง”
“เพราะต้องการเก็บฉันไว้ใกล้ตัวไง เอาไปทรมาน” คะน้ายื่นมือมาลูบแขนเพื่อนด้วยความเห็นใจ ทุกเรื่องของเกณิกาเธอรู้ดีทั้งหมด รู้ว่าเพื่อนต้องพบเจอกับอะไร ตั้งแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนั้น อยากจะยื่นมือเข้าไปช่วยแต่ก็ไม่รู้จะช่วยได้อย่างไร นอกจากช่วยเป็นกำลังใจ