คนถูกถามวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะ นิ้วแกร่งเกลี่ยปอยผมที่ร่วงลงมาคลอเคลียใบหน้าและลำคอระหงไว้ด้านหลัง การกระทำของภากรนำพาให้เกณิกาเกิดความรู้สึกประหม่า ชวนหายใจไม่ทั่วท้องอย่างไรไม่ทราบ นัยน์ตาคมเฉยชาที่มองมา ยิ่งทำให้เกณิกาเดาอารมณ์ของชายหนุ่มไม่ออก ว่าเขามาอารมณ์ไหนกัน
“เอาของขวัญนี้ไปทิ้งซะ” ของขวัญที่ว่าคือของที่เอกซื้อให้ เกณิกาวางไว้บนโต๊ะหน้าโซฟา
“แต่เพื่อนเตยให้มา”
“ผู้ชายไม่นับเป็นเพื่อนหรอกนะ จัดการให้เรียบร้อยซะ” แม้น้ำเสียงราบเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์ แต่แววตาที่สื่อออกมากำลังเตือนเกณิกาว่าอย่าคิดดื้อรั้นด้วยการขัดคำสั่งเด็ดขาด
“ค่ะ” ตั้งท่าจะขยับตัวลงจากตัก นำของขวัญออกไปไว้ให้ไกลหูไกลตา แต่วงแขนแกร่งกลับกอดรัดเอาไว้ ใบหน้างามฉงนสงสัยเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม
“ฉันมีไปดูงานที่ชะอำสามวัน” ไม่รู้วัตถุประสงค์ที่เอ่ยออกมาคืออะไร ทว่ามือหนาที่ลูบไล้บั้นท้ายของเธออยู่ในขณะนี้ชวนให้รัญจวนอย่างไรไม่ทราบ เรียวปากอิ่มเม้มแน่นหลุบสายตามองแผ่นอกกว้างจากรอยแยกของสาบเสื้อคลุม
“จัดเสื้อผ้าให้ฉัน” เอ่ยมาถึงตรงนี้ก็เว้นระยะไว้ เชยคางเรียวให้คนที่เอาแต่นั่งก้มหน้าสบสายตากัน มือหนาเลื่อนขึ้นมาประคองใบหน้างามใช้หัวแม่มือเกลี่ยแก้มเนียนใสเล่นเบาๆ
“รวมทั้งของเธอด้วย” หัวใจคนฟังเต้นสะดุดตึกๆ ไม่อยากคิดไปไกล หรือเข้าข้างตัวเองว่าภากรอยากให้เธอไปด้วยอย่างนั้นใช่ไหม
“คุณตะวันให้เตยไปด้วยเหรอคะ” ยักคิ้วเป็นการตอบคำถาม ประคองใบหน้างามรับจุมพิตจากตน
มือหนาเลื่อนลูบไล้ทั่วแผ่นหลังบาง เล้าโลมร่างงามให้เกิดความกระสันวาบหวาม มือบางที่วางประสานกันบนตักคราแรก บัดนี้เลื่อนขึ้นมาตามร่างกำยำอัดแน่นด้วยมัดกล้าม แม้ภากรจะทำงานหนักทว่าชายหนุ่มกลับไม่ลืมจะรักษาสุขภาพและหุ่นของตัวเองให้สมบูรณ์แบบ
“อืม” เสียงแหบพร่าเปล่งออกมาจากปากของทั้งสอง เมื่อความเร่าร้อนของร่างกายแผ่กระจายมาสู่กันและกัน แม้ภายในห้องจะเปิดแอร์เย็นฉ่ำหนาวสั่น ทว่าใบหน้าของทั้งคู่กลับมีเหงื่อผุดพรายขึ้นตามกรอบหน้า
โซฟาเบดตัวใหญ่ในห้องถูกจัดให้เป็นสนามรบไร้รักของภากร พายุสวาทโหมเข้าใส่คนทั้งคู่อย่างบ้าคลั่ง ยิ่งได้ยินเสียงหวานครวญครางแทบใจจะขาด สะโพกหนั่นแน่นขาวเนียนลอยเด่นตรงหน้า มือหนาบีบขยำเมามันตามแรงปรารถนา กระแทกแก่นกายร้อนระอุกระชั้นหนักหน่วง จนเกิดเสียงหยาบโลนดังประสานกับเสียงหวานเสนาะหู
เกณิกาหมดสิ้นหนทางสู้ ศิโรราบต่อเพลิงปรารถนาที่ภากรสุมใส่ แม้วาจาเขาจะเชือดเฉือนหัวใจจนเลือดซิบ เธอก็ยังโอนอ่อนยินยอมให้เขาทุกครั้งไป พลีกายให้เขาเชยชมอย่างหน้าไม่อาย มิหนำซ้ำยังตอบสนองความต้องการของชายหนุ่มทุกท่วงท่า
ภากรไม่อยากยอมรับว่าตนหลงใหลในเรือนร่างและเสียงร้องครางของเกณิกา ยามได้เสพสมกับเธอคราใดรู้สึกอิ่มเอมจนล้นทะลัก ไม่เกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย มีแต่อยากเสพสุขกับร่างกายของหญิงสาวทุกวันเสียด้วยซ้ำ
“อ้ะ...อืม...คุณตะวัน” ใบหน้างามบิดเบี้ยวแสนทรมาน เมื่อแสงสีทองสว่างไสวเรืองรองรออยู่เบื้องหน้า ความเสียวซ่านกำลังจะเดินทางไปยังสุดทาง
ภากรก็เช่นเดียวกัน เมื่อผนังอ่อนนุ่มภายในตอดรัด โน้มตัวประคองใบหน้างามหันกลับมารับจูบดุดัน บดขยี้กลีบปากสวยแดงช้ำท่ามกลางจังหวะกระแทกกระทั้นกลางกายเร็วกระชั้น เกณิกาน้ำตาซึมด้วยความเสียวสยิว มือบางจิกลงบนโซฟาแน่น จังหวะสุดท้ายกระแทกเข้าใส่พร้อมกับความอุ่นกระจายเข้าสู่ภายในของหญิงสาวจนหมด
เมื่อกระแสสวาทความต้องการของร่างกายปลดปล่อยจบลง ภากรขยับออกจากร่างบางทันใด คว้าเสื้อคลุมมาสวมใส่ ไม่ได้สนใจหญิงสาวที่นอนอยู่ที่โซฟาสักนิด
“ไปเตรียมน้ำให้อาบสิ ไม่ใช่มานอนหมดแรงอยู่แบบนี้”
บางครั้งเกณิกาก็อยากเป็นคนไร้ความรู้สึก ไม่มีหัวใจ เธอจะได้ไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดเฉยชาถากถางหัวใจอย่างไม่ไยดีนี้ และยังแอบสงสัยว่าทำไมเธอไม่ชินสักที ทั้งที่เขาก็ร้ายกาจกับเธอแบบนี้มาเกือบหนึ่งปี ทำไมความรู้สึกเธอไม่ตายด้านไปบ้างก็ไม่รู้ และนอกจากจะไม่ตายด้านยังเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยซ้ำไป
“ใช้บริการเตยเสร็จแล้ว อย่าลืมจ่ายเงินให้ด้วยนะคะ และถ้าจะให้ดีเตยดูแลคุณดีแบบนี้คุณควรจะให้ทิปเตยบ้าง ถือว่าเป็นน้ำใจ” พูดจบก็เดินหายเข้าห้องนอนไป ทิ้งให้ภากรยืนเท้าเอวอ้าปากค้างเพราะพูดไม่ออก จะด่าก็ไม่รู้จะด่าอะไร
“ยัยบ้านี่ ไหนเมื่อก่อนบอกไม่ได้ขายตัว มาวันนี้จะเอาทิป เอาค่าตัว เหอะ!”