เมื่อสี่ปีก่อน
เด็กสาววัยสิบแปดปีนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บริเวณหน้าโลงศพ ดวงตาหม่นเศร้าและบวมแดงช้ำอยู่ตลอดหลายวันที่ผ่านมา โศกนาฎกรรมครั้งนั้นพร่าชีวิตบุพการีทั้งสองไป ทำแขกเหรื่อหันมองด้วยความเวทนา บางส่วนนั่งซุบซิบไม่เกรงใจเจ้าภาพ
“น้องจิล ไหวไหม”
จิลลาสะอึกสะอื้นก่อนหันไปมองเจ้าของน้ำเสียง ฝืนยิ้มบาง ๆ จอมเหนือ พี่ชายตัวเองวิ่งวุ่นกับการจัดงาน ต้อนรับแขกเข้ามาร่วมแสดงความเสียใจ อีกข้างกายเขามีร่างสูงใหญ่ชุดสีดำสุภาพ
คนคนนั้นคืออดีตรุ่นพี่รหัสพี่จอม เจอกันอีกครายังทำให้หัวใจดวงน้อยของจิลลาสั่นหวั่นไหวอยู่เหมือนเดิม
“วะ ไหวค่ะพี่จอม”
“พี่ขอแสดงความเสียใจด้วยนะ”
ไม่ใช่เสียงจอมเหนือ แต่เป็น โจ้ อดีตรุ่นพี่รหัสจอมเหนือ เขารับรู้ข่าวการเสียชีวิตบุพการีจากอดีตน้องรหัส ก็เคลียร์งานเสร็จขับรถมาที่นี่ก่อนวันงานเผาศพหนึ่งวัน เขาแอบห่วงความรู้สึกน้องน้อย
“ขอบคุณค่ะพี่โจ้”
“ผมฝากน้องจิลไว้กับพี่โจ้สักพักก่อนนะครับ ผมขอตัวก่อน”
“ว่าแต่นายกับน้องจะไปอยู่ที่ไหน ไปพักชั่วคราวที่คอนโดฯ ของพี่ไหม”
ครอบครัวของจอมเหนือแต่ก่อนเป็นตระกูลร่ำรวย มีธุรกิจบริษัทเกี่ยวกับขายอุปกรณ์ไอที ทว่าหลายปีที่แล้วดันเกิดวิกฤติเศรษฐีไม่ค่อยดี พ่อแม่หมุนเงินไม่ทัน จำเป็นต้องหากู้ยืมเงินจากธนาคารโดยเอาบ้านและที่ดินจำนอง แต่สุดท้ายพังล้มเหลว หนี้ท่วมหัว
ภาพตรงหน้าของสองพี่น้องย่างก้าวเดินเข้ามาในบ้านตอนที่ฝนตกกระหน่ำ ช่างเป็นคืนขวัญผวาที่สุดสำหรับเด็กสาววัยอายุสิบแปดปี พี่ชายจอมเหนือ กำลังเรียนจบปริญญาตรีแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เมื่อเสาหลักหลักพัง จอมเหนือต้องเข้มแข็ง คอยดูแลน้องสาวคนเดียวที่เหลืออยู่
พวกท่านเลือกทิ้งลูกสองคนไปด้วยการฆ่าตัวตายเพื่อจบปัญหา บ้านใกล้ถูกยึด ทรัพย์สินอะไรก็ไม่มีติดตัว หลังจบงานศพแล้วไม่รู้สองพี่น้องจะเร่ร่อน ใช้ชีวิตต่ออย่างไร สงสารแต่จอมเหนือยอมดร็อปเรียน เพื่อจัดการปัญหาต่อจากพ่อแม่
“ไม่ล่ะครับพี่โจ้ ผมกับน้องจิลรบกวนพี่หลายเรื่อง ผมว่าจะพาน้องกลับไปพักยังบ้านสวนทุเรียนที่เมืองนนท์ครับ”
บ้านสวนทุเรียนคือที่ดินมรดกผืนสุดท้าย เป็นของคุณตาคุณยายเสียชีวิตหลายปี ทำมรดกจัดการมอบให้หลานชายคนโต จอมเหนือจ้างคนดูแลทำความสะอาดที่นั่นอยู่ตลอดทุก ๆ เดือน
“อ้อ อย่างนั้นเหรอ แล้วนายจะดรอปเรียนเหรอ เหลืออีกไม่กี่วันจะจบแล้วเนี่ย”
“ไม่เป็นไรครับพี่โจ้ ถ้าผมตั้งตัวได้ผมจะกลับมาเรียนต่อให้มันจบ ผมเป็นห่วงน้องจิล”
จอมเหนือเอ่ยขอตัวออกไปต้อนรับแขกเหรื่อเข้ามาเพิ่ม เธอนั่งร้องไห้เงียบ ๆ จนกระทั่งเสียงฝีเท้าคุ้นหูก้าวเข้ามานั่งใกล้
หัวใจกลับเต้นโครมครามที่เธอใกล้ชิดกับคนแอบชอบ
“พวกท่านไม่น่าด่วนจากไปเร็วเลยนะน้องจิล พี่รู้ข่าวมาก็แอบใจหาย แต่พี่ติดงานด่วนก็เลยมาวันแรก ๆ ไม่ได้”
“ขอแค่พี่โจ้มาวันนี้จิลก็ดีใจแล้วค่ะ พ่อแม่ใจดีกับจิลและพี่จอมมาตลอด พวกท่านไม่เคยพูดปัญหาด้านการเงินด้วยซ้ำ จิลไม่คิดว่าพ่อแม่จะทิ้งพวกเราไปเลยค่ะพี่โจ้”
จิลลายื่นธูปให้กับคนมาใหม่ โจ้รับธูปมาแล้วพนมมือ เงยหน้ามองรูปหน้าศพบุพการีของหญิงสาว เธอไม่รู้หรอกว่าเขาพูดอะไรผ่านหน้าโลงศพพ่อแม่เธอในใจ หลังจากที่ปักธูปลงกระถางแล้ว เขาหันมาพูดคุยกับอีกฝ่าย
“เป็นอย่างไรบ้าง สภาพจิตใจ น้องจิลโอเคไหม พี่เป็นห่วงที่รู้ข่าว กลัวน้องจะทำใจไม่ได้”
“ตอนนี้จิลพอทำใจได้แล้วค่ะพี่โจ้ ขอบคุณมากนะที่โจ้ยอมมาร่วมงานศพคุณพ่อคุณแม่”
เด็กสาววัยสิบแปดปีไม่เคยคาดหวังว่าครอบครัววริษตเชษฐ์ที่เคยเป็นอดีตเพื่อนสนิทกับพ่อแม่เธอจะเข้ามาร่วมงานศพ ตั้งแต่รู้ว่าครอบครัวเธอล้มละลาย ไม่มีเงินหรือฐานะในสังคมไฮโซ ทางนั้นก็หายเงียบกริบ ยกเว้นอดีตคู่หมั้นวัยเด็กเข้ามาหา
โจ้ไม่ได้มาในฐานะอดีตคู่หมั้น มาเฟียหนุ่มมาเพราะรู้จักจอมเหนือ เขาเอ็นดูน้องน้อยจิลลาเพียงน้องสาว ตอนที่แม่ประกาศถอนหมั้นจิลลากับเขา ชายหนุ่มทำหน้าเรียบนิ่ง ไม่เชิงดีใจหรือเสียใจด้วยซ้ำ
“น้องจิลอย่าไปโกรธพ่อแม่พี่เลยนะ พวกท่านยึดติดกับฐานะสังคมพวกคนรวยนะ พอเห็นว่าครอบครัวใครหมดผลประโยชน์ก็พร้อมเขี่ยสลัดทิ้ง”
“แล้วพี่ล่ะคะ เป็นเหมือนพวกท่านหรือเปล่า?”
ลูกไม้ย่อมไม่ไกลต้น ช้อนม่านสายตามีน้ำสีใสเต็มคลอเบ้าเผชิญหน้ากับเขา โจ้ระบายรอยยิ้มอ่อนโยนแก่น้องน้อย
“ถ้าพี่เห็นด้วยกับแม่พี่ น้องจิลคงไม่เห็นพี่มานั่งตรงนี้หรอกนะ”
แววตาอ่อนโยนมองมาทำให้คนถามระงับใจเต้นแทบไม่ไหว อย่ามองเธอด้วยสายตาแบบนั้นสิ จิลลาหลุบตาก้มต่ำลง โจ้มีความคิดสวนทางกับแม่จรัสทิวาเสมอ บางครั้งชายหนุ่มก็ไม่เคยเห็นด้วยทุกเรื่องกับท่านสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะการกีดกันสถานะไม่เท่ากัน
ถึงแม้เขาจะเป็นลูก ทว่าก็ไม่ใช่หุ่นเชิด มีความคิดเป็นของตัวเอง บางเรื่องยอมทำตามใจตัวเอง แม้จะขัดแย้งกับบุพการีก็ตาม เช่นเรื่อง...ยุ่งเกี่ยวครอบครัวนิรากูลที่ล้มละลาย ไม่เหลืออะไรติดตัว
“แต่จิลกลัวว่าพี่จะมีปัญหากับคุณจรัสทิวานะคะ ถ้าเกิดท่านรู้ พี่มาหางานศพพ่อแม่ของจิล”
“พี่กับแม่พี่ไม่เหมือนกันเสียหน่อย พี่ไม่ได้กลับไปนอนบ้านใหญ่หลายปีแล้ว พี่ซื้อคอนโดมิเนียมอยู่ใกล้ที่ทำงานของพี่ ไม่ใช่ธุรกิจเทเลอร์พาวเวอร์ของแม่พี่ แต่พี่ทำธุรกิจของตัวเองนะ”
น้องน้อยจิลลาเคยเล่นกับพี่ชายข้างบ้านเมื่อหลายสิบกว่าปีแล้ว เธอกับเขาขาดการติดต่อตั้งแต่โจ้เรียนต่อโทที่ต่างประเทศ ชายหนุ่มปรากฎตัวมาพูดคุยกับเธอแบบสนิทสนมไม่มีการเคอะเขินใด ๆ นึกว่าเขาจะติดบ้านใหญ่เสียอีก
“แล้วน้องจิลล่ะ พี่ได้ยินข่าวจากน้องจอมว่าจิลสอบติดเข้าคณะการออกแบบศิลป์ตามที่น้องชอบแต่ยังเด็ก พี่ดีใจด้วยนะ”
“นี่พี่โจ้จำเรื่องราววัยเด็กด้วยเหรอ ว่าจิลอยากเข้าคณะอะไร แต่ตอนนี้จิลคงไม่อยากเรียนต่อแล้วล่ะคะ”
ประจวบเหมาะจิลลาเพิ่งสอบติด ยังไม่ทันลงทะเบียนเรียนอาทิตย์หน้า ทว่าเธอจ่ายค่าเทอมล่วงหน้าเทอมแรกแล้ว เด็กสาวเคว้งคว้าง ไม่อยากให้พี่ชายต้องแบกรักภาระค่าเทอมเลี้ยงดูน้องสาวมากเกินไป
“ทำไมล่ะ? นั่นมันความฝันของน้องจิลนี่”
“จิล...เองก็อยากเรียนต่อนะคะ จิลเสียดายค่าเทอม”
นามบัตรถูกหยิบยื่นจากคนที่ช่วยเหลือครอบครัวเธอมาโดยตลอด ร่างกายสูงใหญ่ลุกขึ้นยืนมองตรงหน้าโลงศพ จิลลารับนามบัตรของอดีตพี่รหัสพี่ชายเก็บเอาไว้ รับน้ำใจจากพี่โจ้
“ถ้ามีอะไรให้พี่พอจะช่วยเหลือได้ ก็รีบติดต่อมาหาพี่ได้”
“ขอบคุณมากนะคะพี่โจ้”
“พี่ขอตัวกลับก่อนแล้วกัน”
จิลลาใจสั่น ตกใจกับการบุกประชิดตัวกับอีกฝ่าย ร่างสูงขยับเข้ามาใกล้ชิด สัมผัสลมหายใจอุ่นร้อนรดรินต้นคอจนรู้สึกขนลุก เขาเอื้อมมือไกล่เกลี่ยเช็ดน้ำตาไหลพรากอาบแก้มขาวนวล
ความอ่อนโยนของเขาที่มีต่อเธอสม่ำเสมอ จิลลารู้สึกผิดแอบหลงรักอดีตพี่รหัสพี่ชายฝ่ายเดียว
“น้องจอมก็เปรียบเสมือนน้องชายของพี่ น้องจิลก็เหมือนกัน พวกน้อง ๆ เดือนร้อน พี่ก็คอยช่วยเหลือในฐานะพี่ชายที่มองน้องสาวเท่าที่จะทำไหว”
หัวใจเคยพองโตดันห่อเหี่ยวชั่วขณะ เครื่องหน้าหวานเศร้าสลดลง โจ้ลนลานทำตัวไม่ถูก กลัวเธอร้องไห้ต่อ ยังไม่หายจากการเสียใจ เขาลูบศีรษะน้องน้อยให้หายหวาดกลัว
“อย่าเศร้านะน้องจิล อย่างไรน้องก็มีพี่จอม และก็พี่คนนี้ทั้งคน”
“มันดึกแล้ว พี่โจ้กลับไปเถอะค่ะ”
จิลลาเดินออกมานำส่งโจ้ขึ้นรถกลับบ้าน และงานเผาศพวันสุดท้าย เด็กสาวเองก็ยุ่ง ๆ วุ่นกับงานพร้อมพี่ชาย มองเห็นร่างสูงใหญ่ชุดสูทสีดำตัดเข้มมาร่วมงานแค่ครึ่งวัน แต่ไม่มีเวลาทักทาย
หลังจากจบงานศพบุพการี สองพี่น้องย้ายมาพักบ้านสวนทุเรียนแบบถาวร จิลลาถือถาดแก้วน้ำเปล่าจะเข้ามาเสิร์ฟพี่ชายอยู่ภายในห้อง บังเอิญเห็นพี่ชายนั่งคุยมือถือกับใครบางคน
“จอมเกรงใจพี่โจ้นะครับ แค่นี้พวกเราสองคนก็รับเงินมากมายจากพี่แล้ว พี่ยังมีน้ำใจช่วยจ่ายค่าเทอมให้กับน้องสาวของจอม”
จ่ายค่าเทอม...หมายความว่าอย่างไร คิ้วเรียวสวยขมวดผูกเป็นปมเข้าหากันกับสิ่งที่ได้ยิน จิลลาสะดุ้งกับสายตาพี่ชายหันมองทางด้านหลัง
“แอบฟังพี่เหรอ” น้ำเสียงค่อนข้างจับผิด คนเป็นน้องสาวยิ้มเจื่อนวางน้ำเปล่าลงบนโต๊ะ
“คือ...จิลอยากมาปรึกษากับพี่จอม จิลไม่อยากรบกวนใคร จิลคิดว่าจะไม่เรียนต่อแล้วค่ะ”