6 หนูจะแต่งเอง

1332 คำ
"คุณพ่อคะ คุณปู่คะ หนูจะแต่งงานแทนพี่ทับทิมเองค่ะ" เมื่อฉันตัดสินใจดีแล้ว ฉันจึงเอ่ยบอกผู้เป็นพ่อกับปู่ไป "ลูกว่าอะไรนะ" แล้วพ่อก็เอามือออกจากขมับ ก่อนหันมาจ้องหน้าฉันเพื่อเอาคำตอบอีกครั้ง "หนูจะแต่งงานกับคุณภูมินทร์เองค่ะ " ฉันตอบพ่อออกไปอย่างมั่นใจ เพราะฉันคงทนเห็นพ่อกับปู่ เป็นทุกข์ใจอย่างหาทางออกไม่ได้ งานนี้พี่ทับทิมคงเตรียมการมาอย่างดีแล้ว แต่ที่ฉันเสียใจที่สุดคือ ที่พี่ทับทิมยอมทำดีกับฉัน มันเป็นแค่การแสดงเท่านั้น และมันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะตามให้พี่กลับมาแต่งงาน เพราะพี่เลือกที่จะไปแล้ว "โถ่ ลูกพ่อ" พ่อลุกขึ้นมากอดฉัน พร้อมกับร้องไห้อย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน "หลานปู่ ขอบใจหนูมากนะ" ปู่เองก็เดินมากอดฉัน แล้วก็ลูบที่หัวของฉันเบาๆ "ทั้งสองอย่าคิดมากนะคะ ถ้าครอบครัวมีปัญหาแล้วหนูนิ่งเฉย หนูเองก็คงไม่สบายใจ แค่แต่งงานมันก็คงไม่ได้เลวร้ายอะไร " ฉันบอกกับผู้เป็นที่รักทั้งสอง เพราะฉันไม่อยากให้ทั้งสองคิดมาก และเสียสิ่งที่สร้างมากับมือไป "พี่ๆคะ หนูมีเรื่องจะขอร้อง" แล้วฉันก็หันไปมองทีมช่าง ที่นั่งรออยู่อีกมุมห้อง "พูดมาเถอะจ้ะ" ฉันจึงบอกจุดประสงค์ของตัวเองไป "เรื่องนี้หนูขอให้มันเป็นความลับนะคะ เพื่อกันไม่ให้ชื่อเสียงของครอบครัวทั้งสองเสียหาย" ถึงแม้ชื่อในการ์ด จะเป็นชื่อของฑิฆัมพรก็เถอะ เพราะคนส่วนมากก็แทบจะไม่รู้จักชื่อจริงกันอยู่แล้ว "ไม่มีปัญหาค่ะพวกพี่รับปาก ว่าเรื่องนี้จะไม่มีทางออกจากปากพวกพี่แน่นอน" พวกพี่ทีมช่างรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ ก่อนที่ฉันจะให้พี่ๆเตรียมแต่งหน้าทำผมให้ ด้านภูมินทร์ ก๊อกๆๆ ในขณะที่ผม กำลังตรวจดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้าหน้าผมอยู่นั้น ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น "ไอ้ชาคริส มึงไปดูซิว่าใครมา" ผมให้ชาคริสเพื่อนของผม ที่นั่งอยู่ใกล้ประตูที่สุดเดินไปดู "ครับคุณเจ้าบ่าว" แล้วมันก็ทำหน้ากวนๆ พร้อมกับเดินไปเปิดประตู เมื่อคืนทั้งไอ้ชาคริสและก็ไอ้ธาดานอนเป็นเพื่อนผมที่นี่ จนตอนนี้พวกมัน 2 คนก็แต่งตัวเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเรียบร้อย "สวัสดีครับคุณพ่อ" เมื่อไอ้ชาคริสเปิดประตู ผมก็ได้ยินเสียงมันพูดกับพ่อผม ผมจึงหันไปมองที่ประตู ก็เห็นพ่อกับคุณอาทัศนัยเดินเข้ามา ปกติพ่อเจ้าสาว ก็ต้องคอยส่งตัวเจ้าสาวให้กับเจ้าบ่าวสิ แต่ทำไมคุณอาถึงได้มาหาผมได้ "มีอะไรหรือเปล่าครับคุณอาคุณพ่อ" ผมรีบถาม เพราะเห็นทั้งสองมีสีหน้าที่กังวล แต่ทั้งคุณอาแล้วก็คุณพ่อ ยังไม่พูดอะไรแถมมองไปที่เพื่อนผม ผมเลยบอกให้เพื่อนของผมออกไปก่อน "พวกมึงสองคนออกไปก่อน " พอผมพูดแค่นั้นเพื่อน 2 คนของผม ก็เดินออกไปจากห้อง ผมจึงหันมามองหน้าคุณพ่อกับคุณอาทัศนัย "หนูทับทิมหายไป" พอเพื่อนผม 2 คนออกไปพ้นแล้ว พ่อผมก็พูดขึ้น "อะไรนะครับหายไป" ผมถึงกับขมวดคิ้วมุ่น นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะเนี่ย "แล้วจะเอายังไงกันล่ะครับทีนี้ จะให้ผมแต่งยังไงเจ้าสาวก็ไม่อยู่" ผมพูดด้วยความโมโห ยอมแต่งก็ยอมแล้วยังไม่พอ ยังสร้างความวุ่นวายให้อีก ทั้งที่ผมยอมช่วยแล้วแท้ๆ แทนที่จะสำนึกแต่กลับทำให้เรื่องมันวุ่นวายขึ้นไปอีก "อาต้องขอโทษหลาน แทนลูกสาวอาด้วยนะภูมินทร์ แต่อาจะให้ลูกสาวคนเล็กของอาแต่งแทน" เมื่อกี้ผมหูไม่ฝาดไปใช่ไหม คุณอามีลูกสาว 2 คน "คุณอาว่าอะไรนะครับ ลูกสาวคนเล็กหรอครับ" ขนาดทับทิมยัง 26 ปี แล้วคนเล็กจะกี่ปีวะเนี่ย "ลูกสาวคนเล็กของอาชื่ออัญชัน ตอนนี้น้อง 20 ปีแล้ว ภูมินทร์จะขัดข้องไหม" ผมมองหน้าทั้งสองสลับกันไปมา "ฟุ้ว!!" ผมพ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยๆ น้อง 20 ปีห่างกับผม 10 ปี คิดได้ไงก่อน "ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว มันก็จำเป็นต้องแต่งละครับคุณอา แต่คุณอาแน่ใจใช่ไหมครับว่าน้องจะแต่ง" ผมถามเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง ไม่ใช่พอถึงเวลาแล้วหนีไปอีก คราวนี้ผมไม่แต่งแล้วนะ "น้องบอกกับอาเอง ว่าน้องจะแต่งแทนพี่สาวภูมินทร์ไม่ต้องเป็นห่วง" แล้วคุณอาทัศนัยก็ยืนยันคำตอบ ว่าลูกสาวคนเล็กของท่าน จะแต่งงานกับผมจริงๆ "งั้นก็ตามนั้นครับคุณอา คุณอากลับไปเตรียมตัวเถอะ ไม่ว่ายังไงงานวันนี้ก็ต้องออกมาดีที่สุด" เมื่อตกลงกันได้แบบนั้น พวกผมก็แยกย้ายเพื่อรอจนถึงเวลา "มีอะไรวะหน้าตาเคร่งเครียด" ผมมองดูหน้าเพื่อนทั้งสองคน ที่เดินเข้ามาผมแต่ไม่กล้าเล่าให้เพื่อนฟัง "เปล่าหรอกไม่มีอะไร" ไม่ว่ายังไง เพื่อนผมก็ไม่รู้จักกับทับทิมอยู่แล้ว เอาไว้ถ้ามันจวนตัว ที่พวกมันรู้เองผมค่อยเล่าแล้วกัน ไม่ใช่อยากจะปิดบังเพื่อนหรอก แต่แค่นี้ผมก็ปวดหัวมากพอแล้ว "เจ้าบ่าวถึงเวลาแล้วค่ะ" แล้วเมื่อคนจัดงานเดินเข้ามาบอกผม ผมกับเพื่อนๆเลยรีบเดินออกไปที่งาน อัญชัน "ลืมตาได้แล้วจ้า เจ้าสาวของเจ๊วันนี้สวยมาก" แล้วเจ๊ที่แต่งหน้าให้กับฉันก็เอ่ยชม ฉันจึงมองดูที่กระจกบานใหญ่ มันก็สวยอยู่หรอกและสวยมากๆเลย แต่คงไม่ใช่เรื่องน่าดีใจอะไร เพราะมันเป็นเพียงแค่การแต่งงานเพื่อธุรกิจ ไม่ใช่แต่งงานเพราะความรัก แต่ก็นั่นแหละ ฉันเลือกเอง ฉันทำใจเอาไว้แล้วด้วย "ขอบคุณพี่ๆมากนะคะ สวยมากจริงๆ" ถึงฉันจะพูดแบบนั้นกับพี่ๆ แต่ในใจฉันกลับเศร้าไม่น้อย คนที่ฉันจะแต่งงานด้วย ตัวฉันเองก็ยังไม่เคยเห็นหน้าเขาด้วยซ้ำ ยังไม่รู้ว่าถ้าเจอกันฉันจะทำหน้ายังไง "อัญชัน ถึงเวลาแล้วลูก" ฉันนั่งรออยู่พักใหญ่ๆ พ่อฉันก็เดินเข้ามาบอกว่าถึงเวลาแล้ว ฉันใจหายอยู่ไม่น้อยและมองหน้าผู้เป็นพ่อ แต่ในเวลานี้ฉันคงอ่อนแอไม่ได้ เมื่อเลือกแล้วฉันคงต้องเดินหน้าต่อ "คนเยอะหรือเปล่าคะพ่อ" ฉันพยายามชวนพ่อคุย เพื่อให้ตัวเองไม่ตื่นเต้นมากนัก ทั้งที่ความจริงแล้วเสียงของฉันสั่นมาก "เยอะลูก แต่หนูไม่ต้องกลัวนะ พ่อจะอยู่ข้างๆหนู" ยิ่งได้ยินพ่อพูดแบบนี้ มันทำให้น้ำตาฉันแทบไหล แต่ก็ต้องพยายามกลั้นไว้ "ตื่นเต้นไหมลูก" เมื่อเห็นสีหน้าเป็นกังวลของลูกสาว ทัศนัยจึงเอ่ยถามขึ้น "ตื่นเต้นค่ะแต่ก็ไม่เป็นไร หนูจะพยายามทำให้เต็มที่นะคะ" ด้วยความที่ไม่อยากให้พ่อเป็นกังวล ฉันจึงพยายามที่จะทำตัวให้ปกติที่สุด "พ่อขอบใจลูกอีกครั้งนะ ถ้าไม่ได้ลูกพ่อก็ไม่รู้จะทำยังไง" แล้วพ่อก็มีแววตาที่เศร้า "หนูรักพ่อกับคุณปู่นะคะ มีอะไรที่หนูจะสามารถตอบแทนได้ หนูก็จะทำ" แล้วเราสองคน ก็ค่อยๆเดินกันเข้ามาในงาน ท่ามกลางผู้คนมากมาย ที่ฉันไม่แม้แต่จะรู้จักด้วยซ้ำ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม