เบื่อ...
แม้ในสนามจะดุเดือดซักเพียงใด คนในสนามจะสุดแสนเท่แค่ไหน สิ่งที่เรียกร้องความสนใจจนฉันนั่งเซ็งอยู่แบบนี้มีแค่อย่างเดียวคือ...
ติ้ง !
ติ้ง !!
ฉันล่ะเชื่อพี่เกียร์เลย เข้าใจที่บอกให้ฉันปิดเครื่องแล้วล่ะ
ตั้งแต่เขาเริ่มเล่นบาสกันเนี่ยนะ เสียงเฮ เสียงเชียร์ก็ลั่นสนามเหมือนกับแข่งขันกันจริง ๆ ยังไงยังงั้น แต่ฉันไม่ได้ดูเฮียกับพี่เกียร์เล่นสักนิด เพราะเสียงแชทเด้งตลอดเวลา
ติ้ง !
xoxo1 : คุณหมอสู้ๆ นะคะ วันนี้โดดเรียนมาดูเลยค่ะ
เอาเวลาไปเรียนก็ได้ค่ะแหม!! ไม่รู้เลยนะว่าเห็นผู้ชายสำคัญกว่าการเรียน
ติ้ง ๆ
xoxo2 : พี่เกียร์หล่อออออ อยากเป็นลูกบาสให้เธออุ้มจังง
เฮ้ !!!
xox3 : พี่เกียร์แต้มเมื่อกี้เริศมากกก ชูต 3 แต้มเท่อ่ะ~
ฉันเงยหน้าไปดูพบว่าฝ่ายพี่เกียร์ทำแต้มเพิ่มเมื่อกี้ มัวแต่อ่านแชทไม่ได้ดูเกมดูบาสอะไรเลย
ยัยพวกนี้ก็อีก...เห็นอยู่ทนโท่ว่าเขาเล่นบาสอยู่ ก็ยังจะส่งอะไรกันมานักหนา
เขาไม่เห็นหรอกย่ะ มีแต่ฉันเนี่ยแหละที่เห็นความว้อนของพวกหล่อนจวนจะอ้วกแล้ว
xoxo4 : คนถือกระเป๋าให้พี่คือใคร!! บอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ
ฉันทนไม่ไหวจนต้องหาปุ่มปิดเสียงด้านข้างให้เงียบ แต่ก็ไม่วายยังสั่น...
ก่อนฉันจะทนไม่ไหวต้องปิดเครื่องขึ้นมาจริง ๆ ก็เห็นมีข้อความหนึ่งทำฉันสะดุดและสนใจ
millgi : เลิกกันไปไม่ถึงครึ่งปี มีคนถือกระเป๋าให้แล้วเหรอ คิดว่าไวไปหน่อยไหม?
อะไรวะ?
millgi : เคลียร์ก็ยังไม่ชัดเจนเลย
: ทำแบบนี้ไม่คิดว่ามิลล์เสียใจบ้างหรือไง
: หายไปเลยใจร้ายมากนะเกียร์
อะไรของยัยนี่!!
ฉันหันรีหันขวางแต่เพราะคนเยอะขนาดนี้ ให้ตายก็คงไม่รู้ว่าคนส่งข้อความนั่งอยู่ตรงไหน บอกตรง ๆ ว่าอยากกดเข้าไปดูแชทมาก แต่ก็ต้องยั้งมือไว้เพราะอาจจะดูเป็นคนเสียมารยาท
ถึงจะไม่ได้เป็นคนมีมารยาทมากอยู่แล้วก็ต้องสร้างภาพไว้ก่อน
“เซียร์เป็นไร ? เห็นนั่งหน้าเซ็งนานแล้ว ไม่สนุกเหรอ เจ้ว่าเขาก็เล่นกันดีออก” เจ้ใบไม้หันมาย่นคิ้วถามกับปฏิกิริยาของฉัน
“เปล่าค่ะ เซียร์ปวดท้อง ขอเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ ฝากกระเป๋าพี่เกียร์ด้วย” ฉันยกกระเป๋าออกจากตักแล้วเดินไปห้องน้ำแต่ก็ติดโทรศัพท์พี่เกียร์มาด้วย
เพราะหากวางไว้มันคงได้สั่นจนตกจากเก้าอี้แตกแน่คนแชทมาหาเยอะขนาดนี้
ตลอดเวลาที่เดินไปเข้าห้องน้ำฉันก็เดินคิดไปตลอดทาง พวกผู้หญิงพวกนี้ดู Want พี่เกียร์หนักมาก แต่ก็ไม่แปลกถ้าพวกนางจะชอบคนที่ดูดีขนาดนั้น
แต่พี่เกียร์นี่แหละ งงตรงที่นางตอบเขาทุกคนเลยหรือเปล่า บอกเหมือนรู้อยู่แล้วว่าต้องมีคนทักมาแน่นอน
ทั้งชีวิตฉันผ่านผู้ชายกับการคุยจริงจัง ๆ น้อยมากถึงชีวิตจะอยู่แต่กับเพื่อนผู้ชาย แต่พวกมันถึงจะดูแบดก็เลวแบบเปิดเผยไปเลย แล้วพี่เกียร์เป็นผู้ชายแบบไหนกันนะ
นางที่บอกว่าเลิกกับเขาครึ่งปีอะไรนั่นก็คือใครอีก
โว้ย ! ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว น่าจะปิดเครื่องไปแต่แรกอย่างที่เขาบอก
ฉันเข้ามาที่ห้องน้ำศูนย์กีฬาด้านล่างซึ่งลึกพอสมควรและคนน้อยมาก ความจริงคือไม่มีเลยด้วยซ้ำเหมือนแหล่งมั่วสุมมากกว่า เงียบเชียบขนาดนี้
โชคดีที่ห้องน้ำดูสะอาดสะอ้านเหมือนเพิ่งสร้างเสร็จ แต่สร้างในที่ที่ลึกลับแบบนี้อีกสักพักก็เละ
เข้ามานั่งในห้องน้ำ แต่ก็แค่พับฝาชักโครกนั่งเล่นโทรศัพท์นานพอสมควรเห็นว่าแบตเตอรี่มุมบนขวาขึ้นเตือนว่ากำลังดับก็กดปิดหน้าจอพร้อมเปิดประตูออก
กระจกบานใหญ่เผยให้เห็นผู้หญิงผมตรงยาวแต่หน้าซีดสนิทซึ่งคือฉันเอง ถอนหายใจเซ็งกับสภาพแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะไม่ใช่คนที่พกเครื่องสำอางมาเติมระหว่างวัน จึงได้แต่ช่างมันแล้วเดินออกออกมาจากห้องน้ำเพื่อกลับไปที่ข้างสนาม รู้สึกว่าออกมานานเกินไปแล้ว แต่ก็ดันเดินชนกับผู้หญิงสองคนที่กำลังไปเข้าห้องน้ำ
“ขอโทษค่ะ” ฉันค้อมหัวลงเพราะทางมันแคบและเป็นความผิดของตัวเองด้วยส่วนหนึ่งที่ไม่เห็นพวกเธอ
“เดี๋ยว” เสียงเรียกทำให้ฉันหันกลับไปหาต้นเสียงซึ่งคือผู้หญิงตัวสูง ผิวแทนทาปากสีแดงก็เลยย่นคิ้วงง ๆ มีเธอมีอะไร
“คะ ?”
“เป็นไรกับหมอเกียร์เหรอ” สายตาคนตรงหน้ามองหน้าฉันสลับโทรศัพท์สองเครื่องในมือ
“อยากรู้ก็แนะนำตัวก่อนสิ” ฉันเลิกคิ้ว แล้วเท้าเอวให้พวกเธอเพราะดูท่าแล้วคงไม่ได้อยากรู้จักฉันดี ๆ แน่
“เพื่อนฉันเป็นแฟนหมอ” เธอสะบัดหน้าไปด้านข้างที่มีผู้หญิงซึ่งแม้จะมองมาอย่างไม่เป็นมิตรเท่าไหร่แต่ยอมรับว่าเธอดูดีเอาเรื่อง
เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกใจหากพี่เกียร์จะคบหรือชอบเธอที่หน้าตาแบบนี้
ฉันมองที่มือถือพี่เกียร์แล้วนึกถึงข้อความที่ติดใจอยู่ก่อนหน้านี้ ก็ตรัสรู้ได้ทันทีว่าเธอคือคนที่ส่งมา
เร็วทันใจดีจริง ๆ
“แล้วเธอเป็นใคร” ฉันชี้หน้ายัยปากแดง จนยัยนั้นผงะ นัยน์ตาขึงขึ้นเล็กน้อยเหมือนกำลังตำหนิว่าฉันไม่มีมารยาท
“ก็บอกไปแล้วไงว่าเป็นเพื่อนแฟนหมอ!”
คนตรงหน้าตะโกนใส่ฉันจนคอเป็นเอ็นดูตลกมาก…ยัยนี่รู้จักฉันน้อยไปสินะ
“งั้นก็ไม่เกี่ยวอะดิ แล้วยุ่งไรด้วย”
“นี่!!!”
“พอเถอะ…ปิง” คนตัวเล็กกว่ายัยปิงปากแดงเอ่ยขัดเพื่อนทันควัน “แล้วถ้าเป็นฉันก็ยุ่งได้ใช่มั้ย?”
“มีอะไรก็ว่ามา” ฉันจ้องคนตัวเล็กที่มองอยู่ก่อน ยัยนี่หน้าตาน่ารักดีแต่พอรู้ว่าเธอคือใคร สมองฉันก็สั่งให้มองเธอว่าน่าเกลียดทันตา
“เธอเป็นอะไรกับเกียร์”
“เธอถามฉันในฐานะอะไร แฟนเขาเหรอ แต่ที่ฉันเห็นข้อความในแชต เธอคือแฟนเก่า” ฉันยกโทรศัพท์มาเขย่าให้เธอดู
“ไม่มีมารยาทหรือไง มาแอบดูแชตคนอื่น เกียร์ไม่มีทางชอบผู้หญิงแบบเธอ ฉันคงจะเข้าใจผิดคิดว่าเธอจะมาแทนฉัน ดูจากพฤติกรรมแล้วไม่มีทางเป็นไปได้”
พูดจบยัยปากแดงข้างเธอก็หัวเราะราวกับจะเย้ยหยันฉัน
“พวกเธอคงเป็นสูงส่งสินะ แล้วมาคุยกับคนธรรมดาแบบฉันเพื่อ ?” ฉันแสร้งทำหน้างง แล้วจึงแสยะยิ้ม “ไม่ใช่เพราะพี่เกียร์ไม่อยากคุยด้วย ก็เลยต้องมาถามฉันเองหรอกเหรอ”
“นี่เด็กบ้า ไม่รู้เรื่องก็อย่าสะเหล่อมาพูดมั่วซั่ว ระวังหมอเขากลับมาคบกับเพื่อนฉันแล้วจะน้ำตาเช็ดหัวเข่า”
“เธอนั่นแหละสะเหล่อ!” ฉันถลึงตามองยัยตัวน่ารำคาญนี่อย่างนึกโมโห “ไม่เกี่ยวก็อย่ายุ่งดิ๊ นี่ถ้าเพื่อนเธอเป็นเพื่อนฉัน ฉันคงด่าว่าเสือกไปแล้ว”
ท้ายประโยคฉันหันไปพูดกับยัยคนตัวเล็กที่เป็นแฟนเก่าพี่เกียร์ ทำให้คนโดนแอบด่าขืนตาใส่ทันที
“ยัยลูกร้านตัดผม แกมันไม่เจียมตัว”
ฉันชะงักกับประโยคนั่น แล้วก้าวไปยังตัวยัยปากแดงที่ตอนแรกกระตุกยิ้มสะใจที่ได้ด่า แต่พอเห็นสายตาของฉันเธอก็ถอยไปหลายก้าว
“อย่าลามปามแม่ของฉัน เดี๋ยวจะหาว่าฉันไม่เตือน”
ยัยพวกนี้สืบประวัติฉันมา ไม่ได้แค่บังเอิญเดินผ่านแล้วมาถามอย่างที่นึกตอนแรก
“งั้นก็พูดมาสิ ว่าเธอเป็นอะไรกับเกียร์” แฟนเก่าพี่เกียร์ผลักอกฉันเบา ๆ ให้ถอยห่าง เมื่อเห็นว่าฉันทำหน้าเหมือนจะฆ่าเพื่อนเธอ “ถ้าไม่มีอะไรก็แค่จบ ฉันไม่อยากเสียเวลากับคนอย่างเธอหรอก”
“พูดง่ายดีนี่ พวกเธอมาหาเรื่องฉันก่อนแท้ ๆ” ยัยพวกนี้คิดจะมาดูถูกคนอื่นก็มาดูถูกกันง่าย ๆ พอจะจบก็คิดจะจบง่าย ๆ แบบนี้เหรอ “อยากรู้ใช่มั้ยล่ะ ว่าฉันเป็นอะไรกับพี่เกียร์”
“...”
“เมียใหม่ละมั้ง”
“นี่เธอ!! คิดว่าฉันเป็นเพื่อนเล่นเหรอฮะ ?” คนตัวเล็กกว่าเข้ามากระชากแชนฉัน ก่อนจะดึงเข้าหาตัวเองอย่างแรง “โอ๊ย!!”
ฉันมองเธออย่างงง ๆ ยัยนี่ท่าจะบ้าจริง ส่วนยัยปากแดงก็ลงไปประคองเพื่อนหันมามองฉันเหมือนฉันผลักเพื่อนของเธออย่างงั้นแหละ
เอาเว้ย บ้าพอกัน
“ทำบ้า...”
ฉันกำลังจะถามว่าทำตัวตลก ๆ อะไรใส่ฉัน แต่พอได้ยินเสียงต่อมา ก็รู้ทันทีว่าทำไมพวกนั้นถึงทำแบบนี้
“มิเซียร์ ทำอะไรน่ะ!” เสียงทุ้มเเสนเป็นเอกลักษณ์ตะโกนมาในขณะที่ฉันกำลังเดินตรงไปทางคนทั้งสองนั้น
“โอ๊ย ! เจ็บขาจัง” คนที่ล้มลงไปร้องโอดโอยมือทั้งสองจับขาขวาของตัวเองไปด้วย
เฮอะ ! เล่นแบบนี้เองสินะ
“เซียร์…” ผู้มาใหม่มองฉันพลางขมวดคิ้วใส่ เพื่อนของยัยนั่นก็ยังแสดงละครไม่เลิกตะโกนว่าฉันอีก
“ทำไมต้องมาทำร้ายร่างกายกันด้วย พวกเรามาคุยด้วยดี ๆ นะ”
โอ้โห ฉันจะไม่ไหวละนะ
ฉันทำท่าจะเดินเข้าไปหา มือก็ชี้หน้าใส่คนที่พยายามแสดงละครลิงฉากใหญ่
“มิเซียร์ พอได้แล้ว” พี่เกียร์คว้าแขนฉันที่เกือบถึงตัวอีกฝ่าย แล้วออกแรงดึงนิดๆ เพื่อห้าม
ฮะ ? ใครพอ
ใคร…ใครที่มันต้องพอวะ!
“พี่เกียร์บอกใคร หนูเหรอ” ฉันชี้เข้าหาตัวเอง รู้สึกถึงหัวใจเต้นแรงดังก้องไปทั่ว ฉันมองเขานิ่งมาก นิ่งเพราะต้องการคำตอบ บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ ว่าเมื่อกี้ให้ใครพอ
“มิลล์เขาเป็นรุ่นพี่เรานะ ขอโทษรุ่นพี่เขาด้วย”
ปึ้ง! ในหัวเหมือนได้ยินเส้นประสาทขาด…โอเคเขาบอกฉันสินะ
“ทำไมต้องพูด” ฉันสวนกลับเสียงแข็ง จนร่างสูงชะงักกับท่าที
“ยังไงซะเขาก็รุ่นพี่”
“ใช่! ยัยเด็กไม่มีมารยาท”
“หุบปาก” ฉันกัดฟันพูดใส่คนที่พยายามใส่ไฟคนอื่นตลอดเวลาอย่างโมโห อย่าให้ฉันทนไม่ไหวแล้วจะรู้ว่าฉันทำอะไรได้บ้าง และไม่ได้ดีแต่ปากแบบหล่อน
“มิเซียร์”
“อะไร! แล้วจะขอโทษทำไม หนูผิดอะไรล่ะ หนูไม่รู้! ถ้าพี่รู้ก็บอกมาสิว่าให้หนูขอโทษทำไม” ฉันถามและฉันรู้อยู่แล้วว่าจะไม่ได้คำตอบ
“...”
“พูดสิ! พี่เองก็ไม่รู้เรื่องไม่ใช่เหรอ แล้วคิดจะฟังกันมั่งป่ะ ?” รู้สึกว่าตัวเองใจเเข็งมากที่ไม่ร้องไห้ แต่ฉันเงียบปากไม่ได้มันเกินการควบคุมไปแล้ว
“ไม่ใช่แบบนั้นเซียร์ ฟัง...”
พี่เกียร์พยายามกล่อมด้วยน้ำเสียงนุ่มขึ้นอย่างชัดเจน แต่มันช้าไปแล้ว...ตอนนี้ไม่มีอารมณ์มาฟังอะไรแล้ว
“ไม่ฟัง! พี่ไม่ได้อยู่ตั้งแต่ต้นก็ตัดสินให้หนูขอโทษ เพราะแค่เขาเป็นแฟนเก่าพี่ใช่มั้ย” ฉันพูดออกไปทำให้พี่เกียร์ชะงักเพราะคงคาดไม่ถึงว่าฉันจะรู้
เฮอะ คนเก่าแสดงตัวชัดขนาดนี้ ไม่รู้ก็โง่ตายกลายเป็นควายกินหญ้าน่ะสิ
“เอาไป” ฉันคืนมือถือของพี่เกียร์ไป “แล้วไปเคลียร์กันด้วยล่ะ จะได้ไม่ต้องมายุ่ง เลิกทำตัวโง่ ๆ ตามสืบประวัติลูกช่างตัดผมแบบฉันได้แล้ว รำคาญ!”
พูดแล้วฉันก็เดินออกมา ให้ตายสิ…ฉันเกลียดตลอดเวลาดูละครแล้วพระเอกเข้าผิดจังหวะตอนนางเอกจะลุกขึ้นสู้ แค่เป็นคนดูอยู่หน้าจอยังรู้สึกหงุดหงิดชะมัด
แต่มันคงเปรียบกันไม่ได้หรอกมั้งเพราะฉันคงไม่ได้เป็นนางเอกแล้วก็หวังว่าพี่เกียร์จะไม่ได้เป็นพระเอกหน้าโง่แบบนั้นด้วย