Gear say…
“เอาไป” ร่างเล็กกว่าผมแทบจะเขวี้ยงโทรศัพท์ในมือใส่ผม ก่อนจะหันไปทางมิลล์ และปิง
“แล้วไปเคลียร์กันด้วยล่ะจะได้ไม่ต้องมายุ่ง เลิกทำตัวโง่ ๆ ตามสืบประวัติลูกช่างตัดผมแบบฉันได้แล้ว รำคาญ!”
สืบ ? พวกนี้สั่งสืบอะไร
พูดจบมิเซียร์ก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไป ผมมองตามร่างเล็กก่อนจะกำลังวิ่งตาม น้องเข้าใจผิดไปไกลจนกู่ไม่กลับแล้ว
“โอ๊ยย! ข้อเท้าฉัน...หมอดูให้หน่อยสิ” ร่างในชุดนักศึกษารัดรูปนั่งพับเพียบกองกับพื้น มองผมด้วยใบหน้าน่าสงสาร
“ลุกมาเถอะมิลล์ อย่าให้เราอึดอัดไปมากกว่านี้เลย”
ผมค่อนข้างงงกับการที่อาสามาตามมิเซียร์ที่ใบไม้บอกว่าเข้าห้องน้ำไปนานแล้ว ด้วยความที่ใบไม้เป็นห่วงประจวบกับผมเปลี่ยนตัวมาพักพอดี เลยกะว่าจะมาดู และขอล้างหน้าซักหน่อย
ก็เจอนะ แต่กำลังมีเรื่องกับใครก็ไม่รู้เสียงดังโหวกเหวก โชคดีแค่ไหนที่ตรงนี้เป็นกึ่งตึกกึ่งป่า ทำให้ไม่มีกล้องวงจรปิด และไม่มีผู้คน
ใครจะรู้ว่าใครก็ไม่รู้ในตอนแรกคือ ‘แฟนเก่าของผม’
เราจบกันแบบค้างคา จบกันแบบไม่เหลือสิ่งดี ๆ ไว้ให้จำ คนรอบข้างไม่มีใครรู้สาเหตุ
มิลล์มองผมตาขวาง และหันไปหงุดหงิดกับเพื่อนของเธอให้ช่วยลุก ในขณะที่ผมจะเดินออกมาอีกรอบ เสียงใสค่อนข้างไปทางแหลมเอ่ยขัดอีก ผมชะเง้อมองหลังตัวเล็กอีกรอบพบว่าไม่เห็นเธอแล้ว
“อะไร” ผมขมวดคิ้วหงุดหงิดกับผู้หญิงตรงหน้าที่เดินเข้ามาหาช้า ๆ
ไหนตอนแรกบอกขาเจ็บ ? ท่าทางก็ดูปกติดี
“อะไรกันทำเสียงแข็งใส่เราเหรอ เราอุตส่าห์คิดถึงคุณหมอจะตาย” ผมถอนหายใจแล้วดันเธอออก หลังจากที่เธอพยายามจะเข้ามาใกล้
“สนุกนักเหรอ ว่างมากขนาดตามสืบประวัติคนอื่นเล่น” พอมิลล์ได้ฟังก็ชักสีหน้าไม่พอใจนิดๆ แต่ก็ยังคงกัดฟันฝืนยิ้มอยู่
“ก็ไม่ว่างนักหรอก แต่ก็ว่างพอที่จะทำให้เรารู้ว่าผู้หญิงคนไหน พื้นเพเป็นยังไงเหมาะกับคุณชายทายาทโรงพยาบาลใหญ่หรือเปล่า”
“...” ผู้หญิงคนนี้นิสัยแบบเดิมไม่มีผิด
ไม่ว่าจะผ่านมานานเกือบครึ่งปีก็ยังหาจุดที่เปลี่ยนไปไม่เจอ
“แต่ก็ขอบคุณนะเมื่อกี้นี้ ก็ยังดีที่ยังห่วงเราอยู่ ถึงจะในฐานะแฟนเก่าก็ยังดี ไม่งั้นเรากับปิงต้องโดนเด็กนั่นตบแน่ ๆ เลย กล้าดีขนาดนั้น” เมื่อพูดจบก็ทำหน้าเหยียดหยามเหมือนคนที่กำลังพูดถึงดูต่ำต้อยเกินจะเอ่ย
ทำผมเค้นหัวเราะ
“ห่วง ? เข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะ” จากที่ยิ้มร่างเล็กกว่าตวัดสายตามามองผมก่อนจะพูด
“ไม่ห่วงแล้วพูดเหมือนปกป้องเราทำไม เมื่อกี้หมอหักหน้าเด็กคนนั้น...” มิลล์พูดไม่จบก็ชะงักเมื่อผมหัวเราะขึ้น หัวเราะแต่ปากนะ ไม่ได้มีอารมณ์อยากจะหัวเราะจริงๆ สักนิด
“คนที่เราปกป้องคือน้อง ไม่ใช่มิลล์” ผมจ้องไปในตาของคนที่ฟังที่พอได้ฟังก็สั่นระริก
“พูดบ้าอะไร!” ผมหัวเราะอีกรอบเหมือนพวกโรคจิตที่หัวเราะด้วยความรู้สึกอะไรไม่รู้
ผมไม่ใช่คนดี และไม่เคยเป็นคนดี ผมค่อนข้างปากร้าย แต่ก็เลือกคนเช่นกัน
“เพราะรู้ว่าเธอเป็นคนแบบไหนไงมิลล์...เราเลยว่าน้อง”
“...” มิลล์ยืนจ้องหน้าผมด้วยนัยน์ตาเริ่มแดง
“ว่าอย่า...อย่าทำตัวแย่ ๆ กับคนแย่ ๆ ...”
“มันจะมากเกินไปแล้ว!” ร่างเล็กทนฟังไม่ได้ ใช้มือผลักอกผมนิดหน่อย แรงแค่นี้แทบไม่ทำให้ผมขยับเลยด้วยซ้ำ แต่สร้างความรำคาญได้มากโข
“ถ้าเราไม่ห้ามน้อง...น้องก็จะเหมือนเธอ ซึ่งเราไม่อยากให้เป็นแบบนั้น” ผมกดเสียงต่ำกดดัน และทำเหมือนทุกอย่างปกติ
ไม่รู้ว่ามันน่ากลัวหรือเปล่าแต่ก็ทำให้เพื่อนมิลล์กลืนน้ำลายแล้วยืนตัวสั่นไม่กล้าเข้ามาหาเพื่อน
ภาพที่ใครต่อใครสร้างผมในจินตนาการคงดูเป็นคนสุภาพ พูดเพราะ ใจดี อบอุ่น และอ่อนโยน เพื่อนมิลล์คงเป็นหนึ่งในคนพวกนั้น ตอนนี้ผมคงจะไปทำลายภาพจำในหัวของเขาทลายลงเสียแล้ว
แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาของผม ผมไม่ได้เป็นคนสร้างมันมา พวกเขาต่างหากที่คาดหวังกันมากเกินไป
“หมอเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ นายไม่ให้เกียรติฉันเลย...ฉันเป็นผู้หญิงนะพูดแบบนี้ได้ยังไง!”
นี่ก็อีกคน เมื่อไหร่จะรู้ว่าที่ผมดีด้วยเพราะตอนนั้นเธอเป็นคนที่ผมรัก แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้วไง...ผมก็แค่กลับมาเป็นปกติของตัวเอง
“เราให้เกียรติผู้หญิงเสมอ ลองถามตัวเองดูได้ไหม ว่าทำไมถึงทำตัวให้ตัวเองดูเป็นผู้หญิงที่ไม่มีเกียรติขนาดนี้ล่ะมิลล์” ผมเหนื่อยเกินจะพูดกับคนตรงหน้าเต็มทน
“พูดขนาดนี้ หมอคงไม่อยากเห็นยัยเด็กนั่นอยู่แบบสงบสุขใช่มั้ย” มิลล์พูดพร้อมรอยยิ้มจิต ๆ
ไม่ใช่ครั้งแรก...ไม่ใช่มิเซียร์คนแรกที่โดนสืบหรือโดนหาเรื่องแบบนี้
มิลล์เป็นลูกคนใหญ่คนโต โดนเลี้ยงมาแบบตามใจฉบับลูกคนเดียว ที่สามารถพูดเพื่อให้ได้อะไรก็ตามที่ตัวเองต้องการ
แต่ไม่ใช่อยู่สองอย่าง...
หนึ่ง... เธอจะไม่มีวันได้ผมคืน
และสอง...เธอไม่มีทางทำอะไรมิเซียร์ได้
“อย่ายุ่งกับน้อง อย่าคิดว่าตัวเองจะเอาแต่ใจได้แค่คนเดียว”
“...”
“ลองเราเอาแต่ใจดูบ้าง เธอจะรู้ว่ามันไม่สนุกเลยมิลล์”
“เกียร์...”
“ถือว่าพูดไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนนั้น” ผมมองไปยังร่างเล็กที่ตัวสั่นเทาไปด้วยความโกรธ “ถ้าไม่เข้าใจก็พยายามเข้าใจให้ด้วย”
ผมเดินออกมา โดยมีเสียงเล็กแหลมพูดไล่หลัง
"เข้าใจอะไร ? เกียร์...เกียร์หยุดเดี๋ยวนี้!" ได้ยินเสียงตะโกนร้องห้ามอยู่หลายครั้ง ในขณะที่เดินออกมาแต่ผมก็ไม่ได้หยุดตามที่เจ้าตัวสั่งหรอกนะ
ตอนนี้ตัวเล็กขี้น้อยใจหายไปไหน นี่คือสั่งที่ผมควรใส่ใจมากกว่า
บรื้น...
สิ้นเสียงในความคิดก็ได้ยินเสียงรถยนต์ ขณะที่ผมวิ่งเพื่อหามิเซียร์อยู่รถคันนั้นก็ค่อยๆ วิ่งผ่านไปเหมือนต้องการให้เห็นเสี้ยวใบหน้าเฉยชาของคนที่นั่งข้างคนขับเมื่อสักครู่
ผมค่อย ๆ ลดความเร็วที่วิ่งลง และหันไปมองไปหลังรถที่ผ่านไปแล้ว
มิเซียร์กับไอเหี้ยนั้น ไอ้ซัน!
เดินกลับไปยังศูนย์กีฬาที่ยังมีคนเล่นบาสกันอยู่ด้วยความหงุดหงิด
“ไอ้เกียร์ลงแทนกูหน่อย กูจะไปแดกน้ำ” นนท์วิ่งกระหืดกระหอบมาเรียก ผมส่ายหน้าในมือก็กดโทรหาน้องไปด้วย
[ตืดดด ตืด]
ทำไมไม่รับนะ
“เฮ้ย! มึงได้ยินที่กูพูดเปล่า ไปลงหน่อยคนไม่ครบเนี่ย” ผมถอนหายใจแล้วมองไอ้นนท์ที่ยังพูดไม่รู้เรื่องรู้ราว
[หมายเลขที่ท่านเรียก...]
สุดท้ายมิเซียร์ปิดเครื่อง
หมายความว่าอะไร รำคาญจนขนาดปิดเครื่องเลยงั้นเหรอ?
“ไอ้…” นนท์กำลังพูดอีกรอบ แต่ผมตวัดสายตามองมัน
“ได้ยิน! แต่ไม่ลง คนไม่ครบถ้าเล่นไม่ได้ก็ไม่ต้องเล่น จะไปแดกน้ำก็ไป ก่อนจะได้แดกอย่างอื่น”
ช่วยไม่ได้ เร้าหรือดีนัก…ลงที่น้องไม่ได้ก็ลงที่มึงนั่นแหละ มากวนประสาทไม่ดูสถานการณ์เอง
ไอ้นนท์ทำหน้างง ๆ ที่จู่ ๆ ก็โดนด่า ก่อนจะเดินเลี่ยงไปทางอื่นเเล้วพึมพำ
“กูผิดอะไรวะเนี่ย...”
“ไอ้นนท์!” ผมเรียกมันเสียงดัง ทำให้คนที่กำลังกระดกน้ำสะดุ้ง
“อะไร้ ! เปล่า กูไม่ได้พูดไรนะ” มันส่ายหน้าพรืดทำสีหน้าเลิ่กลั่ก
“กูไม่ได้ว่าอะไร ไปเรียกไอ้โจ้มาให้ที” มันทำหน้าอ๋อ ก่อนจะพยักหน้าแล้ววิ่งลงสนามไปเรียกมาให้แล้วตัวมันก็หายไป
ไม่นานร่างสูงพอ ๆ กับผมก็เดินทำทีหงุดหงิดที่โดนขัดจังหวะในการเล่น
“อะไร ใบไม้บอกมึงไปตามน้องกู ไหนน้อง แล้วไหนใบไม้?” ผมส่ายหน้า เพราะไม่รู้ว่าใบไม้ไปไหน แต่ครู่เดียวก็เห็นเจ้าตัวกลับมาพร้อมน้ำสองขวดใหญ่
“มีไรกันเปล่า แล้วไหนเซียร์อ่ะ เกียร์ไปตามไม่ใช่เหรอ” เสียงใสถามเสียงฉงน
“เราไปตามน้องที่ห้องน้ำแล้วเห็นน้องทะเลาะกับมิลล์ ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรกัน มึงพอรู้หรือเปล่าว่าเซียร์น่าจะไปที่ไหน”
โจ้ลอบมองหน้าใบไม้ก่อนจะส่ายหน้า
“แล้วน้องไปกับใคร เพื่อนมันหรือเปล่าถ้างั้นไม่ต้องเป็นห่วงมันก็ได้มั้ง เดี๋ยวกูโทรถามเพื่อนมันได้”
คราวนี้ผมส่ายหน้า แล้วพูดประโยคทำให้โจ้ที่หน้าหงุดหงิดอยู่แล้วเปลี่ยนเป็นโมโหจัด
“ขึ้นรถไปกับไอ้ซัน”
ไม่แปลกใจที่โจ้จะหงุดหงิดได้ข่าวจากไอ้ตี๋มาว่าน้องมันโดนน้องรหัสโจ้บอกเลิก แล้วโดนกระทืบซึ่งก็คือมิเซียร์ และถ้าให้เดาคนที่กระทืบไอ้ซันก็คงเป็นพวกไอ้โจ้แน่
“โทรหาน้องยัง” โจ้ดูลนลานมากขึ้นหลังรู้ว่าไปกับใคร
“โทรแล้ว น้องปิดเครื่อง” ตอนนี้ใบไม้กับโจ้หันหน้ามองกันสายตางง ๆ ก่อนจะถามผม
“เกียร์ นายบอกว่าเซียร์ทะเลาะกับมิลล์ มิลล์ที่เป็นแฟนเก่านายน่ะเหรอ”
ผมพยักหน้า แอบคิดโมโหนิดหน่อย ผมกับมิลล์คบกันเป็นที่รู้กันกว้างขวางในคณะและมหาลัย เพราะในสายตาคนอื่นเราเหมาะกันจนบางคนคิดว่าเราคงโดนทางบ้านจับคู่ให้แน่ แต่เปล่า...พ่อแม่เราแค่รู้จักกัน ช่วงนั้นผมหลงความสวยของเธอก็แค่นั้น ซึ่งก็ช่างมันเถอะ
“แล้วมันจะปิดเครื่องทำไม ทะเลาะกับแฟนเก่ามึงแล้วเกี่ยวไรกับมึง” โจ้มองที่ผมพร้อมหรี่ตาจับผิด “นอกจากมึงผสมโรงด้วย มันก็เลยโกรธหนีไปแบบนั้น”
“เปล่า แต่น้องอาจเข้าใจอะไรผิดล่ะมั้ง”
ไม่มั้งเเล้วแหละ แน่ๆ เลยมากกว่า ด่าไม่ไว้หน้าขนาดนั้น
“ถ้าโกรธมากจะยอมออกมาเหรอคนแบบมิเซียร์เนี่ยนะ” ใบไม้ทำหน้าเป็นห่วง
ดูจากที่เถียงมิลล์ฉอดๆ ก็รู้เลย ว่าน้องเป็นคนเอาเรื่องมาก นี่ขนาดตัวเล็กแค่นั้นน่ะนะ
“เลิกคิดได้แล้ว มึงไปเลย” อยู่ ๆ ไอ้โจ้ก็พยักพเยิดมาให้ผม
“ฮะ ?” มันกลอกตาที่ผมทำหน้างงใส่ “มึงปล่อยน้องไป มึงก็ต้องไปหา กูไม่รู้ว่ามึงจะไปหาที่ไหน แต่มึงต้องหาให้เจอ ยังไงก็ฝากด้วยละกัน”
ใครบอกว่าปล่อยไป ไม่ได้ปล่อยแต่น้องเดินไปเองแล้วเดินไปไหนไม่เดินนะ เดินไปหาคนที่ผมเกลียดเข้าไส้ซ่ะด้วย
เป็นคนที่เล่นได้เจ็บแสบดีจริง
ผมมองหาไอ้ตี๋ตั้งใจจะให้มันโทรถามน้องชายมัน แต่เพื่อน ๆ บอกว่ามันขับรถกลับไปแล้วเมื่อกี้ ไม่บอกไม่กล่าวใคร
เออว่ะ!! มันได้ดั่งใจทุกคนเลยจริงๆ
[ตื้ดดด ตึด...ว่า ?]
ปลายสายน้ำเสียงไม่ได้บ่งบอกถึงอารมณ์ใดๆ
“น้องมึงอยู่ไหน” มันถอนหายใจหน่าย ๆ เหมือนรู้อยู่แล้วว่าจะโทรมาเรื่องอะไร
[ไม่พ้นกูอีก กูตลอด...พวกมึงมีอะไรกันกูก็ต้องเป็นคนเคลียร์ให้ตลอด]
“มึงไม่ต้องเคลียร์ ไปหามาว่ามันอยู่ไหน กูเคลียร์เอง”
[น้องคนนี้อีกแล้ว! ทำไมกูต้องมาปวดหัวกับน้องคนนี้อีกวะ เรื่องเก่าก็พึ่งเคลียร์ไป ฉิบ...เออเดี๋ยวกูโทรไป”
มันบ่นเหมือนอึดอัดใจมาก
ที่มันบอกว่าเคลียร์คงจะเป็นเคลียร์กับไอ้โจ้มั้ง เรื่องที่พ่อแม่ไอ้ซันจะเอาเรื่องที่ลูกชายสุดรักโดนสอยหน้าคอนโด ก็เป็นไอ้ตี๋นี่แหละที่แบกหน้าไปคุยให้
ก็อย่างที่มันพูด...มันตลอด
หลังจากรอมันไปหลอกถาม ผมก็คว้ากระเป๋าแล้ววิ่งมาที่รถที่จอดอยู่หลังตึก ไม่นานนักก็มีสายเข้า
[อยู่คอนโด COCO 1] พอมันพูดผมก็โบกตาโพลง
“ไปทำอะไรที่คอนโด!”
[พอ! มึงจะโวยวายทำไม คอนโดเพื่อนน้องมั้ง ต้นหญ้าอะไรซักอย่าง มึงเลิกคิดแง่ลบกับน้องกูได้แล้ว ถึงมันจะเหี้ยมันก็น้องกู]
“แค่นี้แล้วกัน”
ผมไม่ได้สนใจ มือกำลังกดหาโลเคชั่นคอนโดเพราะไม่เคยไปและไม่เคยได้ยินชื่อ ก็ต้องชะงักเมื่อสายที่ยังไม่ได้ตัดมีเสียงเรียกถาม
[ไอ้เกียร์...มึงเข้าหาน้องไอโจ้ทำไม] ผมนิ่งไปไม่คิดว่าเพื่อนจะถาม ปกติผมจะทำอะไรมันจะนิ่ง ๆ และไม่ค่อยสนใจ มันทำผมแปลกใจนะที่มันสนใจเรื่องนี้ [มึงจะหาน้องทำไม น้องมันไปกับแฟนน้อง]
“แฟนเก่า...” ผมค้านนิด ๆ รู้สึกแปลกๆ ที่เพื่อนเรียกผิด
ไอ้ซันกับมิเซียร์เลิกกันแล้ว มันก็รู้ดีนี่
[เขาอาจจะกลับมาคบกันก็ได้ มึงจะไปขัดเขาทำไม มึงไม่ได้ชอบน้องด้วยซ้ำ] ผมหัวเราะเบา ๆ กับคำพูดของเพื่อน
“มึงไม่คิดว่ากูจะชอบน้องมั่งเลยหรือไง”
[ไม่คิด...ทำอะไรมึงก็รู้ตัวดีไอ้เกียร์] อีกฝ่ายทำเสียงรู้ทันและมั่นใจมาก
“แล้วแต่มึง” ผมพูดตอบไปแค่นั้นแล้วตัดสายทิ้ง