เพื่อน ๆ ในโต๊ะลอบมองซันผู้มาใหม่ พวกเขารู้ว่าซันคือแฟนของฉันและรู้ด้วยว่าวันที่เลิกกันมีเหตุการณ์ที่ซันโดนต่อยหน้าคอนโดเพราะใคร
“…” ฉันหันไปมองเสี้ยวหน้าคุ้นเคย ที่บัดนี้ยังพบรอยช้ำอยู่บนใบหน้าหล่อ
สมน้ำหน้า !
“ซันคิดถึงเซียร์อะ เซียร์ไม่ตอบข้อความซันเลยนะ” คำบอกความรู้สึกพูดออกมาโต้ง ๆ ทำเอาเพื่อนที่นั่งข้างฉันทำตัวไม่ถูก
มาทำตัวแบบนี้ได้เพราะเห็นฉันอยู่คนเดียวสินะ ถ้าอยู่กับภัทร และ ฟรังไม่มีทางกล้าหรอก
หน้าด้านนัก
“...” ฉันถอนหายใจยาว เพราะเกรงใจเพื่อนร่วมโต๊ะ จึงลุก และลากร่างสูงออกมาบริเวณข้างโรงอาหาร เขาก็เดินตามออกมาง่าย ๆ “คิดจะทำอะไรของซัน”
ฉันค่อนข้างหัวเสียกับการกระทำของเขา แต่ก็ไม่มีอารมณ์จะตอบโต้อะไรมาก
“ง้อเซียร์ไงครับ” เจ้าของใบหน้าที่เคยเป็นแฟนของฉันยิ้มตาหยีแบบที่ฉันเคยชอบ แต่ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่ามองมันแล้วเกิดความรู้สึกอะไรอยู่ “เซียร์น่าจะตอบซันสิ ปล่อยไว้หลายวันมันไม่ดีนะ”
“เราเลิกกันแล้ว ไม่จำเป็นต้องมาง้อ” ฉันพูดสิ่งที่เขาน่าจะลืม หรือจงใจลืมก็ไม่รู้
“ไม่เอาน่า ซันขอโทษ เซียร์ก็รู้ว่าซันรักเซียร์ขนาดไหน เราจะเลิกกันเพราะเรื่องแค่นี้ไม่ได้นะ” ซันเอื้อมมือมาจับฉันไว้ก่อนชะงักคงเพราะตัวฉันอุ่น ๆ เนื่องด้วยพิษไข้ แล้วมองมาด้วยสายตาเป็นห่วง “เซียร์ไม่สบายเหรอ”
“พอเถอะซัน ไม่ต้องมายุ่ง” ฉันสะบัดมือแล้วพูดเพื่อให้เขาเข้าใจ “แล้วอีกอย่างสิ่งที่ซันบอกว่าเรื่องแค่นี้น่ะ มันคือการนอกใจนะ ยังบอกว่ามันคือเรื่องแค่นี้อยู่เหรอ”
“แต่นั่นมันคือผู้หญิงที่ซันไม่ได้รักนะ จะเรียกว่านอกใจได้ไง” เขาทำหน้าไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันพูด แล้วอธิบายต่อ “แต่เพราะซันรักเซียร์ ซันเลยไม่เคยคิดจะบังคับเซียร์เรื่องนี้ซักครั้ง เซียร์ไม่พร้อมแล้วจะให้ซันทำยังไงถ้าไม่หาทางออกแบบนี้”
ฉันมองหน้าเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือสิ่งที่เขาคิด ตรรกะเขามันป่วยมาก และฉันก็เชื่อว่าเขาคิดแบบนี้จริง ๆ หน้าเขามันฟ้องว่าที่เขาไม่บังคับขืนใจฉันในตอนที่ฉันไม่พร้อม เลยต้องไปหาสิ่งนี้จากคนอื่นที่ไม่ได้รัก มันคือสิ่งที่เขาทำถูกต้องแล้ว
และสายตาเขายังบอกด้วยว่า นี่คือสิ่งที่เขาทำมันเพื่อฉัน
“แต่ฉันรับไม่ได้ เลิกมายุ่งได้แล้ว ก่อนที่คนจะเห็นแล้วเอาไปบอกเฮีย” ฉันพยายามเอาเฮียมาอ้างเพราะรู้ว่าเขาคงไม่อยากมีปัญหา และฉันก็ไม่อยากมีปัญหาเหมือนกัน
“อย่าทำเสียงใจร้ายแบบนั้นสิ”
โอ๊ย ! จะบ้าตาย ทำไมเขาเข้าใจอะไรยากเย็นแบบนี้เนี่ย
กึก กึก...
เสียงคนเริ่มเยอะขึ้นคงเป็นเพราะตอนนี้ถึงเวลาพัก ฉันเหลือบมองไปยังโต๊ะที่พวกเพื่อนนั่งกันอยู่ เห็นว่าบางคนเริ่มทานเสร็จแล้ว แต่บางคนยังคงทานกันอยู่
“วันนี้ฉันไม่ว่าง ไม่มีเวลามาคุยด้วยหรอกนะ”
“ถ้าซันปล่อยไปก็ไม่ได้คุยกันอยู่ดี จะหาโอกาสมาเจอกันอีกคงยาก” เขาดื้อดึง มันไม่ใช่ว่าเขาหาโอกาสมาเจอฉันไม่ได้หรอกนะ แต่โอกาสที่ฉันอยู่คนเดียวโดยห่างจากพวกภัทรน่ะยาก !
ในขณะที่ยื้อยุดกันอยู่ ฉันก็ได้ยินเสียงจากทางด้านหลัง โดยมีกลุ่มคนสองคนกำลังถือของพยุงพลัง แล้วมีคนมาสะกิดฉันท่าทางจะเป็นรุ่นพี่
“ขอโทษนะครับ ผมขอพื้นที่ตรงนี้สักครู่ได้ไหมครับ พอดีพวกเราต้องถ่ายวิดีโอโปรโมตคณะน่ะครับ” ฉันพยักหน้า
ดีเหมือนกันจะได้รีบออกไปจากที่นี่ กำลังจะเดินเลี่ยงออกแต่ซันก็มือไวมาจับแขนเอาไว้ และหันไปคุยกับคนที่บอกเราเมื่อสักครู่หน้าตาเฉย
“พี่โจม หวัดดีพี่” เหมือนคนชื่อโจมเพิ่งจะเห็นซันเลยพยักหน้าให้ ซันเองก็ย่นหน้าใส่เขาแล้วพูดเหมือนกันเสียอกเสียใจ “มาถ่ายโปรโมตคณะ ไม่เอาผมมาถ่ายล่ะ ผมพลาดได้ไง”
ซันแสร้งทำเสียงน้อยใจเหมือนเด็กตามสไตล์เขา แต่ปล่อยฉันไปได้ไหม แล้วจะคุยอะไรก็คุยไป
“โธ่ไอ้ซันหน้ามึงเละงี้ คณะจะหมดความน่าเชื่อถือเพราะหน้ามึงนี่แหละ” เขาชี้ไปตรงหน้าที่มีรอยช้ำหลายที่ของซัน “นี่กูเลยขอเวลาพี่เกียร์มาถ่าย มึงก็พาแฟนมึงหลบหน่อย เดี๋ยวพี่เขาไม่ได้พัก”
ฉันมองไปหาคนที่พี่โรมบอกว่าเอามาถ่ายแทนซัน และก็พี่เกียร์ที่ฉันรู้จักตามคาดเขามาคู่กับผู้หญิงที่ฉันไม่ได้รู้จัก ทั้งคู่ใส่ชุดถูกระเบียบเป๊ะมือถือไมค์พร้อมถ่าย ฉันอยากจะทักแต่เขาคงต้องรีบทำงาน อีกอย่างสภาพฉันก็ไม่น่าดูเท่าไหร่ เพราะติดอยู่กับไอ้บ้าซัน
ซันพาฉันมาหลบด้านข้างนิดนึง แต่ยังคงเป็นมุมที่เห็นพวกเขาถ่ายกัน
พี่เกียร์ไม่ได้มองฉันคาดว่าคงไม่เห็น
“ค่า และที่สุดท้ายที่เราจะพามาชม คือโรงอาหารคณะแพทยศาสตร์ของพวกเรานั่นเอง ที่นี่มีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ ร้านอาหารเยอะแยะมากมายเลยค่ะ ว่าแต่เกียร์มีร้านไหนแนะนำน้อง ๆ หรือคนที่อยากมาทานที่โรงอาหารคณะเรามั้ยคะ” พี่ผู้หญิงตัวเล็กหน้าตาน่ารัก หันไปพูดน้ำเสียงสดใสกับกล้อง
“จริง ๆ อร่อยทุกร้านเลยครับพิม แต่ที่ทานประจำคงเป็นร้านป้าติ๋มเจ้าดังของที่นี่ครับ พิมละครับ…”
“เฮอะ !” ซันมองไปยังสองคนนั้นแล้วเค้นในลำคอ
“แล้วจะมาดูอะไรเขา แยกได้แล้วเรามีงานมีการต้องทำ” ฉันพูดเบา ๆ เพราะกลัวว่าเสียงอาจจะเข้าไปในกล้องแล้วทำให้คลิปที่เขาถ่ายกันอยู่เสีย
“โอเคคค เสร็จแล้ว ขอบคุณพี่เกียร์กับพี่พิมมากนะพี่ ที่สละเวลามาให้ผม” พี่โรมน่าจะปี 3 เพราะซันเรียกเขาพี่ แต่เขาเรียกพี่เกียร์ที่ปี 4 ว่าพี่เช่นกัน แถมยกมือไหว้ทั้งสองคน “พี่ไปพักได้เลยไม่มีอะไรแล้วครับ เดี๋ยวพวกผมขอถ่ายอินเสิร์ทร้านอาหารกับบรรยากาศรอบ ๆ ก็จบแล้ว”
ทั้งสองพยักหน้า แล้วกำลังเดินกันออกไป
เดี๋ยวสิ ! ช่วยฉันก่อน ฉันอยากไปด้วย ไม่อยากอยู่ตรงนี้
“พี่เกียร์ !!!” ฉันเรียกแล้วสะบัดมือซันอย่างแรงตอนเขาเผลอจนหลุดออกก็วิ่งไปหาร่างสูงที่หยุดเดิน และหันหาต้นเสียงที่เรียกเขาไว้ “พี่เกียร์รอเซียร์ด้วย”
“อ้าวมาได้ไง...” เขาและพี่ผู้หญิงคนข้าง ๆ ทำหน้างง ๆ เมื่อเห็นฉัน แต่ก็เหลือบไปมองเห็นคนที่วิ่งตามมาอย่างรวดเร็ว
“เซียร์ออกมานี่เดี๋ยวนี้” ซันคว้าแขนฉันแล้วดึงอย่างแรง จนมือที่จับแขนเสื้อพี่เกียร์หลุดออก แล้วจู่ ๆ ก็มาตวาดฉันเสียงดัง “ไปรู้จักมันได้ไง !”
“โอ๊ย !” ซันบีบแขนฉันแรงมาก น้ำเสียงและสีหน้าของเขาต่างจากปกติ ซึ่งฉันไม่เคยได้รับความรุนแรงแบบนี้จากเขามาก่อน ฉันสั่นเพราะท่าทีน่ากลัวของซัน
เขาเป็นหมาบ้าไปแล้ว !
“เซียร์ ! ไอ้ซันมึงทำเขาเจ็บอยู่นะ” พี่เกียร์พูดด้วยน้ำเสียงตกใจ พอจะเข้ามาดูฉันที่ร้องเพราะโดนบีบแขน แต่ซันดึงฉันไปหลบข้างหลังเหมือนไม่ต้องการให้คนตรงหน้าแตะต้องฉันได้แม้แต่ปลายเล็บ
“อย่ามายุ่ง เซียร์กลับ !” เขาทำท่าทางเหมือนคนสติหลุด เกรี้ยวกราดมากขึ้น และฉุดรั้งฉันออกมาอีกครั้ง
“เจ็บ” ฉันร้องบอกเขาว่าเจ็บหลายครั้ง พยายามขืนแขนเอาไว้ เพราะไม่อยากให้คนอารมณ์ร้ายตอนนี้ลากไปไหนมาไหนได้ตามใจ
เพียงครู่เดียวแขนอีกข้างก็ถูกจับด้วยอีกคน แล้วเขาก็ผลักอกซันออกด้วยความรุนแรงพอกัน
“กูบอกว่าเขาเจ็บไง หูมึงหนวกเหรอ”
ซันถลาไปตามแรงผลัก คนเริ่มมองกันเยอะขึ้นจนน่าอึดอัด มันไม่ควรมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเลย ซันโมโหอะไรขนาดนี้ ฉันไม่เข้าใจ
“เซียร์ มาหาซัน” ซันพยายามกดอารมณ์ไว้เมื่อเห็นว่าฉันกลัว แต่สายตาเขามันแทบฆ่าคนได้ ทำให้ฉันหลบอยู่หลังพี่เกียร์ พอเห็นท่าทีของฉันว่าคงไม่ทำตามที่พูดก็กัดฟัน “มาหาซันเดี๋ยวนี้”
“ไม่” ฉันสวนเขากลับไปทันที ซันก็ทำท่าทางจะเข้ามากระชาก แต่พี่เกียร์ก็เอาตัวมาบัง คนเริ่มสนใจเรามากขึ้นทุกทีซึ่งมันไม่ใช่เรื่องดีเลย ฉันเห็นเพื่อนที่นั่งกันอยู่ในโรงอาหารรีบวิ่งออกมาดูหน้าตาตื่น
ร่างสูงสงบสติตัวเองครู่นึ่งก่อนจะพูดกับฉันอีกครั้ง
“วันนี้ซันไม่ตามเซียร์แล้วก็ได้ ถ้าเซียร์เดินกลับไปหาเพื่อนเดี๋ยวนี้”
“จริงนะ ซันจะไม่ตามมาอีกใช่มั้ย”
ฉันถามเพื่อความแน่ใจว่าถ้าฉันปล่อยพี่เกียร์ซึ่งน่าจะเป็นคนเดียวที่เอาซันอยู่แล้วไปหาเพื่อนแล้วซันจะไม่ทำอย่างที่พูด ฉันรู้ว่าเพื่อนที่อยู่ด้วยตรงนี้คงไม่อยากเข้ามายุ่งหรอก
“ซันสัญญา”
พอซันพูดจบฉันก็ค่อย ๆ ปล่อยมือจากแขนของพี่เกียร์ เจ้าตัวที่รู้สึกก็ก้มมามองฉันด้วยสายตาอ่านไม่ออก ฉันมองเขาครู่นึงแล้วเดินไปหาเพื่อน
ฉันรู้สึกไม่ดีเลยที่ทำแบบนี้ แต่ถ้าไม่เลือกแบบนี้เรื่องมันคงใหญ่มากกว่าที่คิด ทั้งซันและพี่เกียร์ดูไม่มีใครยอมใคร
เขาไม่ชอบกันอยู่แล้วแน่ ๆ ถ้าเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง ถ้าเขาลงมือใส่กัน ฉันรับผิดชอบผลที่ตามมาไม่ไหว...