“เป็นไงล่ะ โดนชมต่อหน้าแบบนี้แล้วเป็นไงบ้าง”
นี่เขาเอาคืนฉันเหรอ!
“เป็นคนชอบเอาคืนสินะคะ วันหลังเซียร์ไม่ชมแล้วก็ได้”
ฉันยู่ปากแล้วกลับไปล้างจานต่อ แทนตัวเองด้วยชื่ออีกครั้ง เนื่องจากพอเขาชมมาเลยรู้สึกกระดาก ถ้าจะแทนตัวเองด้วยหนู มันเหมือนฉันพูดเพราะเอาใจเขาน่ะสิ
“ไม่ได้แกล้งนะ แต่พี่ชอบเราแทนด้วยหนูมากกว่าจริงๆ”
เขาเข้ามาใกล้นิดๆ แล้วเอานิ้วมาสัมผัสบริเวณเหนือตาฉันจนสะดุ้งแล้วเอนหนีตามสัญชาตญาณ พอฉันทำหน้าเลิ่กลั่กเขาก็หัวเราะแล้วยื่นนิ้วให้ดูว่าเขาแค่เอาฟองที่มันกระเด็นโดนออกให้
เอาอีกแล้วนะ...
“ไม่เอา จะแทนตัวเองว่าเซียร์” เมื่อไม่รู้จะทำหน้ายังไงกับสถานการณ์แปลก ๆ เมื่อซักครู่ฉันก็เลยต่อต้านเขาซะเลย
“เอาตามที่สะดวกแล้วกันครับ” ว่าเสร็จเขาก็เดินออกจากครัวไป ทิ้งให้ฉันก้มหน้าก้มตาล้างจานต่อ
คนนิสัยไม่ดี มาทิ้งระเบิดแล้วเดินจากไปสบายใจเฉิบเลยนะ !
ฉันจัดการเก็บจานที่ล้างแล้ว เช็ดโต๊ะอะไรให้เรียบร้อยก็กินเวลานานพอสมควรจึงเข้าไปหาแม่ที่ห้องนอน เห็นท่านกำลังสวดมนต์อยู่ครู่นึงก็ทำท่าจะนอน ฉันเลยถามหาของสำคัญ ไหน ๆ ก็กลับบ้านมาแล้ว
“แม่เก็บพัสดุของหนูไว้ไหน” ฉันถามเพราะหาพัสดุที่ลืมเปลี่ยนที่อยู่ทำให้มันถูกส่งมาที่นี่
“แม่เอาไปไว้ในห้องแล้ว พรุ่งนี้ค่อยเอาสิ”
แต่พรุ่งนี้ออกแต่เช้าเลยนะฉันกลัวว่าจะลืมเอาไปด้วย จึงเดินออกมา เมื่อเห็นจากช่องด้านล่างประตูยังมีไฟสว่างอยู่พี่เกียร์น่าจะยังไม่ได้นอนจึงเคาะเรียก
ไม่กี่วินาทีก็ปรากฏร่างสูงในชุดเสื้อยืดกางเกงวอมสีเทาเข้มเปิดประตูออกมามือก็ยังใช้ผ้าขยำหัวไปด้วย
“ขอเอาของแป็บนึงได้มั้ยคะ” พอได้ยินเขาก็พยักหน้าแล้วหลบให้ฉันเข้าไป โดยเปิดประตูทิ้งไว้
ห้องฉันถูกแต่งทุกอย่างเป็นลายโดเรม่อนทั้งเตียง ตู้เสื้อผ้า แม้แต่ผนังยังเป็นวอลล์เปเปอร์การ์ตูนที่ชอบเต็มไปหมด จนรู้สึกกระดากอายนิดๆ ที่เขาต้องมาเห็น ก็ห้องนี้แต่งไว้ตั้งแต่ฉันยังเด็ก พอโตขึ้นก็ไม่ได้อยู่ที่นี่เป็นหลักเลยไม่ได้เปลี่ยนอะไรมัน
ใครจะคิดว่าเขาจะได้มานอนกันล่ะฮะ !
ฉันหากล่องพัสดุที่แม่บอกว่าเอามาเก็บไว้ พอเจอก็กำลังจะหาอะไรมากรีดเปิดออก ส่วนเขาก็นั่งเช็ดผมมองสิ่งที่ฉันทำเงียบๆ อยู่ตรงเก้าอี้ของโต๊ะอ่านหนังสือหัวเตียง
ฉันเดินไปยังตู้เสื้อผ้าแล้วเปิดออกเอาไดร์เป่าผมที่เก็บไว้ออกมาวางไว้ให้เผื่อเขาอยากจะใช้ เดินยกกล่องไปวางไว้ที่โต๊ะเพื่อเอาคัตเตอร์เปิดมันออก
“ชอบอ่านนิยายเหรอครับ”
“ช่าย” ฉันชื่นชมหน้าปกของนิยายรักหวานแหวนที่พรีออเดอร์มาแต่ยังไม่ได้อ่านซักทีเพราะถูกส่งมาผิดที่อยู่
“เขาว่าคนชอบอ่านนิยายรัก จะเป็นพวกโรแมนติก แล้วก็ชอบจินตนาการจริงมั้ยครับ” เขาถามตายังมองของที่อยู่ในมือฉัน
“ท่าจะจริงค่ะ แล้วคนที่อ่านหนังสือวิชาการเยอะ ๆ จะเป็นพวกเจ้าระเบียบ สุขุม แล้วก็หลักการเยอะจริงมั้ยคะ” เป็นฉันที่ถามกลับบ้าง
“ทฤษฎีนี้น่าจะมั่วแน่ ๆ เลย” เจ้าของเสียงส่ายหน้าไปมาจนผมเปียกสะบัด แล้วจึงพูดต่อ “คนอ่านหนังสือวิชาการเยอะ ๆ ความจริงเป็นคนอารมณ์ดี และโรแมนติกต่างหาก”
“ใช่เหรอคะ” ฉันขำนิด ๆ เพราะรู้สึกย้อนแย้งตอนเขาพูด “คนอารมณ์ดีแบบไหนจะอ่านหนังสือเครียด ๆ กันล่ะ”
“พี่ไม่รู้คนอื่น พี่แค่บอกว่าพี่เป็นคนแบบนั้น”
ฮะ ?
ร่างสูงหัวเราะนิดๆ เมื่อเห็นฉันงง ก่อนจะเลือนสายตาไปมองบนโต๊ะอ่านหนังสือแล้วย่นคิ้วเหมือนสงสัยกับอะไรบางอย่างฉันเลยเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ พบว่ามือหนาหยิบรูปใบหนึ่งที่ฉันเคยเอาไปอัดใส่กรอบไว้ขึ้นมาดู
“นี่มันรูปโจ้นี่นา...ไปเอามาจากไหนเหรอ” ฉันถอนหายใจเล็กๆ นี่เขาเห็นเฮียแต่ไม่เห็นฉันที่ยืนถือป้ายรางวัลอยู่เนี่ยนะ
สงสัยตอนนั้นน่าจะเอ๋อเกินทำให้เขาจำฉันไม่ได้
รูปที่ว่าเป็นรูปช่วงม.ปลาย เป็นรายการแรกที่ฉันไปแข่งตอบคำถามฟิสิกส์ระดับภาค ซึ่งแข่งแบบกลุ่ม 3 คน มีฉันเป็นเด็กม.4 มีพี่รามม.5 ที่ตอนนี้ได้ทุนไปเรียนต่างประเทศ และเฮียพี่ปีสุดท้ายยืนรับรางวัลที่ 1ระดับภาคกันอยู่
“ก็ต้องมีสิ นี่เป็นรูปแรกที่ได้รางวัลตอนไปแข่งตอบคำถามน่ะค่ะ” พูดไปเขาก็ยังทำหน้างง ว่าสรุปแล้วฉันมีรูปเฮียได้ไง “นี่คือหนูไงคะ”
ฉันจำใจจิ้มไปที่เด็กเอ๋อหน้าบานยิ้มแฉ่งคนนั้น
“ม.ปลายเรียนที่เดียวกับโจ้เหรอ”
“ใช่ค่ะ พอดีได้ทุนเลยได้ไปเรียน” เขาพยักหน้าแล้ววางมันไว้ที่เดิมตอนหมดข้อสงสัย
รูปนี้ฉันอัดไว้ตั้งนานแล้ว แต่พอคืนหอก็เลยขนของทุกอย่างมาไว้บ้าน แต่รูปนี้มันคือความภูมิใจของฉันจึงเอามาตั้งไว้
“แสดงว่ารู้จักกับโจ้มานานมากแล้วสิ พอเข้ามหาลัยก็ได้สายรหัสเดียวกันอีก”
“ใช่ค่ะ” ฉันยิ้มแหย เพราะมันไม่ใช่แบบนั้นซะทีเดียว ความจริงพี่รหัสของฉันซิ่วเฮียเลยรับไว้ แล้วต่อมาน้องรหัสจริงๆ ของเฮียก็ลาออกเพราะเรียนไม่ไหว มันก็เลยกลายมาเป็นแบบนี้แหละ
“มีรูปงานนี้นอกจากรูปนี้มั้ยครับ” จู่ๆ เขาก็ถามขึ้น ฉันก็พยักหน้า
คือฉันเป็นคนค่อนข้างอินกับช่วงเวลาชีวิตน่ะ ยิ่งอะไรที่เป็นความภูมิใจหรือประทับใจจะปริ้นแล้วมาเก็บไว้ในอัลบั้มรูปถ่าย
ฉันเดินไปที่ชั้นเก็บของอีกรอบแล้วหยิบอัลบั้มรูปภาพขนาดเท่าสมุดมาเปิดๆ ดู ก่อนชี้
“นี่ค่ะ อันนี้มีรูปถ่ายกับอาจารย์ อันนี้ถ่ายกับเพื่อน ส่วนอันนี้ อ้าว...”
เขาดึงมันไปแล้วชี้ไปยังรูปรวมเด็กทั้งหมดที่ได้ที่ 1 ของภาคนั้นในด้านต่าง ๆ มีอยู่ 5 ด้าน
เด็กในรูปมีประมาณ 15 คน แต่เขาจิ้มไปที่กลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นเด็กผู้ชายทั้งหมดใส่กางเกงน้ำเงิน ถ้าจำไม่ผิดเป็นโรงเรียนชายล้วนชื่อดังที่ใคร ๆ ก็รู้จัก ยืนถือป้ายอันดับที่ 1 ในด้านชีววิทยา
“นี่พี่เอง” ตรงที่เขาจิ้มคือเด็กผู้ชายตัวสูงผิวขาวจัด ปากแดง ๆ หน้าตาดีมากจนออร่าพุ่งออกมาโดดเด่นกว่าเพื่อน “ถ้าเราบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นคือเรา...”
เขาว่าแล้วเลื่อนนิ้วถัดไปอีกคนซึ่งเป็นเด็กผู้หญิงหน้าเอ๋อคนเดิมที่โชคดีหน่อยว่าขาวแต่ถึงแบบนั้นก็ยังดูซีดไปถนัดตาเมื่อยืนอยู่ข้างเขา
“...”
“วันนั้นเรายืนข้างๆ กันเลย”