4 ทางเดินชีวิตที่เลือกเองไม่ได้

1691 คำ
"ทำไมกับแค่สอบเข้ามหาลัยง่าย ๆ แค่นี้แกยังทำไม่ได้!" เสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เหล่าแม่บ้าน ไม่มีใครกล้าย่างกายเข้าไป ใกล้ในบริเวณนั้น "..." คนถูกด่าก็ได้เพียงแต่ก้มหน้ารับ "เหลืออีกมหาลัย ถ้าแกสอบไม่ได้ แกต้องไปอยู่มาเก๊ากับเฮียแก ไปให้มันเขี้ยวเข็นแกเอง" "ป๊า..." "หุบปาก แล้วไปหาอ่านหนังสือซะ แกมันไม่ได้เรื่อง ฉันไม่เคยคาดหวังอะไรจากแกเลยนอกจากเรื่องเรียน แค่นี้แกยัังทำไม่ได้ ไปดูลูกชายไอ้นพดลสิ มันได้ดิบได้ดีทั้งสองคนแล้ว มีแต่แกสองพี่น้องเนี่ยแหละ สร้างแต่ความหนักอกหนักใจให้ฉัน" เจ้าสัวธวัชก็พูด พร้อมกับหน้าแดง โกรธจนตัวสั่น ด้วยที่เขามีคู่แข่ง อย่างเจ้าสัวนพดล (พ่อของเพิร์ธ ภัทรวิชญ์) ที่เหนือกว่าเขาทุกอย่าง "ครับป๊า" กิติกร ก็ได้แต่ก้มหน้ารับ ชีวิตเขาตั้งแต่เด็กแล้ว พ่อเขาจะเป็นคนบงการแบบนี้ทุกอย่าง แล้วสอนแต่เรื่องที่ควรเอาชนะ เราต้องชนะและเป็นผู้แข็งแกร่ง ส่วนมากแล้วนอกจากเรื่องเรียน กับการสืบทอดธุรกิจ พ่อเขาก็ไม่ได้บังคับอะไร อย่างเรื่องผู้หญิง ก็สอนแต่ไม่ให้มีความรักให้ใคร เพราะคนมีความรักจะกลายเป็นคนอ่อนแอ "แกรู้อะไรไหม ฟ้าใสที่เรียนแค่โรงเรียนรัฐแถวนี้ ยังสอบติดมหาลัยชื่อดังได้ แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเก่งกว่าแกเป็นไหน ๆ" ด้วยที่มีข้อเปรียบเทียบ ทำให้เจ้าสัวธวัช ยิ่งตั้งแง่กับลูกชายมากขึ้น ขนาดสอบเข้ามหาลัยที่เขาอยากให้เรียน ลูกชายยังทำไม่ได้ แต่กับหลานสาวแม่บ้าน กลับเก่งกว่าลูกชายตนทุกอย่าง "ป๊าจะพูดอะไรก็ได้ แต่ป๊าอย่าเปรียบเทียบได้ไหม ผมไม่ชอบ!" เขาพูดเสียงเรียบ แต่แววตานั้นฉายความโกรธออกมา ก่อนจะรีบเดินออกไปจากตรงนั้นทันที เพราะยังไม่อยากระเบิดอารมณ์ ตอนที่พ่อเขาโกรธอยู่ เมื่อเห็นแบบนั้นผู้เป็นพ่อก็แอบยิ้มมุมปาก เพราะรู้ดีว่าลูกชายตนต้องมีสิ่งกระตุ้น ยิ่งเขาเป็นคนไม่ยอมแพ้ใครง่าย ๆ พอโดนข้อเปรียบเทียบแบบนี้ เดาไม่ยากเลย ว่าสุดท้ายแล้วคนอย่างเขาต้องทำให้ได้ "ขอบคุณที่มาส่งนะ" หญิงสาวพูดพร้อมกับยิ้มให้ เพื่อนชายคนสนิทอย่างวิลล์ ที่สนิทกันมาตั้งแต่ ม.4 ขับรถมาส่งถึงหน้าบ้าน ที่เธอมาอาศัยอยู่ วันนี้ทั้งคู่นัดกันไปดูหนัง เนื่องจากปลดล็อค ที่สอบเข้าคณะนิเทศศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชื่อดังได้ ด้วยการติวที่ยากลำบาก และความพยายามเป็นอย่างมาก ตอนนี้สมหวังแล้ว "ไม่เป็นไร แกรีบเข้าบ้านเถอะ เดี๋ยวจะค่ำไปกว่านี้" "แกก็ขับรถดี ๆ นะ พักผ่อนบ้าง สอบเข้ามหาลัยได้แล้วก็งดเรื่องเครียดเถอะ เดี๋ยวจะเป็นประสาทก่อน" "แกก็เหมือนกัน กว่าจะสอบติดนิเทศได้ก็ยากเอาเรื่องอยู่ แต่เพื่ออนาคตนักแสดง เราต้องสู้ไปด้วยกันนะ" "ใช่ ฉันอยากเป็นนักแสดง แล้วก็อยากมีเพื่อนดาราแบบแกด้วย" ทั้งสองคนก็พูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ด้วยที่ผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะ กว่าจะสอบเข้าคณะที่อยากเรียนได้ ทั้งคู่ก็กดดันเอาเรื่องเหมือนกัน เพราะคณะนี้การแข่งขันมันสูงมาก และความฝันของทั้งคู่ก็เหมือนกัน คืออยากเป็นนักแสดง เมื่อลงจากรถเพื่อนชายคนสนิทแล้ว กัญจาวีร์ก็เดินอ้อมไปหลังบ้านทันที ด้วยที่เธอไม่อยากเจอใครบางคน ช่วงหลังมานี้ เธอกับเขาไม่ค่อยได้พบปะกัน เวลาเจอเขาเธอก็หลบไปทำอย่างอื่น พยายามหลีกหนีให้ห่างที่สุด เพราะไม่อยากมีปัญหา แต่วันนี้คงเป็นวันซวยของเธอ เพราะคนที่เธอไม่อยากเจอหน้าที่สุด ตอนนี้ยืนจ้องเธอไม่วางตา ตั้งแต่เธอปิดประตูรั้วเล็กแล้ว "ดีเนอะ จะไปไหนไปทำอะไรก็ได้ ค่ำมืดค่อยกลับเข้ามาบ้าน" "..." เธอก็เพียงแต่มองหน้าเขา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร "กล้ามากนะให้ผู้ชายมาส่งถึงที่" "ค่ะ" "นี่เธอ!" เมื่อเห็นสีหน้าและท่าทางที่เฉยเมยของเธอ มันยิ่งทำให้เขามีอารมณ์มากขึ้น "มีอะไรหรือเปล่าคะ ถ้าไม่มีจะได้ขอตัว" เธอก็ถามด้วยใบหน้าที่เบื่อหน่าย "มีหรือไม่มี เธอมีปัญหาอะไร ที่นี่มันบ้านฉัน" "ไม่มีค่ะ" "รู้จักอยู่ให้เป็นบ้าง" "ฉันมาเหนื่อย ๆ ขอตัวก่อนนะคะ" "เหนื่อยเหรอไปทำอะไรมาล่ะ ถึงได้เหนื่อย" "นี่คุณ!" "ทำไมฉันพูดความจริงหน่อยรับไม่ได้เลยเหรอ" "หยุดพูดเรื่องอะไรแบบนี้เถอะค่ะ" "ไปกับผู้ชายมาแล้วเหนื่อย แบบนี้ให้คิดยังไง" "นายน์!" "สนิทกันหรือไงถึงได้เรียกฉันแบบนั้น!" "ไม่ ไม่สนิท แล้วก็ไม่เคยคิดจะสนิทด้วย" เธอพูดออกมาอย่างเหลืออด "ฟ้าใส!" "ฉันไม่รู้นะว่าเป็นอะไร แต่จำเอาไว้ด้วยว่า ฉันก็ไม่ชอบคุณ เหมือนที่คุณไม่ชอบฉันเหมือนกัน!" พูดจบเธอก็รีบเดินเข้าบ้านไป โดยไม่สนใจเขาที่โกรธจนหน้าแดงอยู่ มันจะเป็นแบบนี้ทุกครั้ง เมื่อเขาทะเลาะกับผู้เป็นพ่อ เขาจะเริ่มหาเรื่องเธอ และทุกคนในบ้านจะเข้าหน้าไม่ติด แม้ว่าตอนนี้จะอายุเพียง 18 ปี แต่ด้วยที่มีหน้าที่ให้รับผิดชอบ มันเลยทำให้เขาโตกว่านั้นมาก และเธอเองก็อย่างที่ว่า เธอก็ไม่ชอบเขาเหมือนที่เขาไม่ชอบเธอเหมือนกัน ยิ่งตอนนี้เขาบ้าอำนาจ เหมือนส่งต่อมาจากดีเอ็นเอของผู้เป็นพ่อ ยิ่งทำให้เธอไม่ชอบขึ้นไปอีกหลายเท่า หลายวันต่อมา "ป๊าครับผมสอบติดวิศวะได้แล้ว" และสิ่งที่เขาตั้งใจก็เกิดผลจริง ๆ เขาตั้งใจจนสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่พ่อเขาอยากให้เรียน และคณะที่เขาเองก็อยากเรียนด้วยได้ "ป๊าดีใจนะ ที่แกทำได้สักที" ผู้เป็นพ่อก็ได้แต่ตบบ่าให้กำลังใจลูกชายเบา ๆ ไม่มีการกอดหรือให้กำลังใจ อย่างลึกซึ้งเหมือนที่ควรจะเป็น จนเขาเองก็ไม่ได้คาดหวังแล้ว เพราะไม่เคยรู้เลยว่าความอบอุ่นจากการ ถูกกอดมันเป็นยังไง ตั้งแต่จำความได้ กิติกรก็ถูกเลี้ยงมาแบบนี้ คนที่ไม่มีแม่เลี้ยงดู อยู่กับพี่เลี้ยง เลยไม่ได้ซึมซับความรักความอบอุ่นจากใคร ขนาดผู้เป็นพ่อยังไม่ได้มีให้ขนาดนั้น จนเขาเองก็ไม่รู้ว่าความรัก ความอบอุ่นเป็นยังไง มีหลายวูบที่คิดถึงผู้เป็นแม่ แต่ด้วยที่โดนพูดถึง ว่าไม่ให้ไปสนใจ มันเลยกลายเป็นเขาตั้งกำแพงไว้ เพื่อไม่ให้คิดถึงผู้หญิงคนนั้น ที่ทิ้งเขาไปตั้งแต่เขาเกิดได้ 1 ขวบ ก๊อก ก๊อก ก๊อก "คุณท่านเรียกหนูเหรอคะ" กัญจาวีร์ก็เดินเข้ามาที่ห้องทำงานของเจ้าสัวธวัช ด้วยความงุนงง เพราะทุกอย่างวันนี้ดูเป็นทางการไปหมด "นั่งก่อนสิ" เจ้าสัวธวัชผายมือให้เธอไปนั่งเก้าอี้ ข้างกันกับลูกชายตน ที่มองเธออย่างไม่เข้าใจเหมือนกัน "ค่ะ" แล้วเธอก็ไปนั่งเก้าอี้ ตามที่บอก "เธอสอบติดมหาลัยได้ คณะที่อยากเรียนใช่ไหม" "ค่ะ" เธอตอบพร้อมกับยิ้มบางออกมา ด้วยความดีใจ มันยากมากสำหรับเด็ก ที่ไม่มีต้นทุนอะไรเลยอย่างเธอ กว่าจะทำมันได้ก็ต้องพยายามกว่าคนอื่น ๆ "ไปสละสิทธิ์ซะ" "..." เธอก็ต้องชะงักไปกับคำที่ได้ยิน "..." กิติกรเองก็ไม่ต่างกัน เขาก็ไม่เข้าใจพ่อตัวเองเหมือนกัน และเขาก็ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน "แล้วฉันจะส่งเธอเรียน มหาลัยที่ดีกว่านั้น" "หมายถึงยังไงนะคะ" "มาเรียนวิศวะกับลูกชายฉัน เธอต้องช่วยนายน์ทำงานทุกอย่าง และเรียนจบให้พร้อมกัน" "แต่หนูไม่ได้อยากเรียนวิศวะ" "คนอย่างเธอไม่มีสิทธิ์ต่อรองอะไรทั้งนั้น เธอก็ควรรู้นะ ว่าคนอย่างฉันไม่เลี้ยงใครไว้ฟรี ๆ ถ้าไม่ได้มีผลประโยชน์อะไร" "..." เมื่อได้ยินประโยคนั้น เธอก็รู้สึกจุกที่อกทันที เธอตั้งใจมากเพื่อจะเรียนนิเทศ อ่านหนังสือทุกวัน ทำกิจกรรมทุกอย่าง สู้กับทุกสิ่งมาอย่างยากลำบาก เพื่อความฝันจะได้เป็นนักแสดง จะได้มีฐานะที่มั่นคง โดยไม่ต้องพึ่งพาใครแบบนี้ "หนูขอร้องล่ะค่ะ หนูไม่ได้อยากเรียนวิศวะ หนูอยากเรียนนิเทศจริง ๆ" เธอก็เริ่มพูดจาอ้อนวอน พร้อมกับยกมือไหว้ ทั้งกั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหล "เธอไม่มีสิทธิ์ต่อรองอะไรนะฟ้าใส ไปทำตามที่ฉันสั่ง แล้วก็ไปสอบรอบรับตรงซะ คนเก่งแบบเธอสอบได้ไม่ยากหรอก ทำยังไงก็ได้ ให้ลูกชายฉันเรียนจบพร้อมเธอ" "..." น้ำตาที่มีทั้งหมด ก็ไหลออกมาอย่างกั้นไม่อยู่แล้ว เธอไม่คิดว่าคนบ้าอำนาจแบบนี้ จะสั่งการเธอได้แม้กระทั่ง ให้ลูกชายตัวเองมีชีวิตที่ดี แต่ดึงเธอไปอยู่ด้วยในสิ่งที่เธอไม่อยากทำ "ถ้าเธอยังขัดขืน หรือไม่ทำตามคำสั่งฉัน อย่าว่าแต่นิเทศเลย มหาลัยเธอก็ไม่ได้เรียนหรอก ไม่เชื่อก็ลองดู หยุดทำตัวอ่อนแอ แล้วไปทำในสิ่งที่ควรทำซะ" "..." แล้วก็ต้องเป็นแบบนั้นจริง ๆ คนต่ำต้อยอย่างเธอ แม้แต่ชีวิตตัวเอง ก็ยังเลือกทางเดินเองไม่ได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม