บทที่ 4 BAD DANGEROUS

2308 คำ
บทที่ 4  Siren part 8.30น. ไลน์ๆๆๆๆๆๆ ครืดดดดดด ครืดดดดดดด พรึบ! ติ๊ด. [โหล่อีวา นี่มึงอยู่ไหนแล้วหะ อีก30นาทีอาจารย์จะเข้าสอนแล้วน่ะมึง] “เอวา อยู่ในห้องน้ำ ถ้าไม่ทันก็ฝากเลคเชอร์ให้ยัยนั่นด้วยละกัน” “ฮะเฮียไซเหรอคะ ดะได้ค่ะ เดี๋ยวอลิสเลคเชอร์ให้มันเองค่ะ” “อืม” ติ๊ด. หลังจากที่ผมกดรับสายโทรศัพท์ของเอวาแทนเธอแล้ว ผมก็คว่ำหน้านอนกับหมอนต่ออย่างง่วงนอน ก็ง่วงสิครับเมื่อคืนกว่าจะได้นอนรบกับยัยนั้นเกือบเช้า ก็มันอยากอะเลยจัดสักดอกสองดอก หึ ก็เธอเล่นใส่ชุดนอนหวิวขนาดนั้นมันก็ต้องอยากเป็นธรรมดาไหมว่ะ ตุบ! แคร่ก! ก๊อก! แก๊ก! แต่ในขณะที่ผมกำลังจะหลับตานอน ผมก็ต้องลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงก๊อกแก๊กดังมาจากห้องแต่งตัว ผมจึงพลิกตัวมานอนหงายพร้อมกับลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงมองไปที่ห้องแต่งตัวที่มีร่างบางของเอวากำลังเร่งรีบกับการแต่งตัวเพื่อที่จะไปเรียนให้ทัน... และไม่นานเธอก็วิ่งออกมาจากห้องแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษา ก่อนจะเดินมาหยิบโทรศัพท์มือถือข้างๆ ผม แต่พอผมเห็นชุดนักศึกษาที่เธอใส่เท่านั้นแหละ จู่ ๆ ความหงุดหงิดแม่งก็ทำงานทันทีเลยวะ ก็เสื้อมันจะรัดไปไหนวะ! รัดจนกระดุมเสื้อจะปริแตกอยู่แล้ว แล้วกระโปรงทรงเอที่โคตรสั่นนั้นอีก นี่ยัยนี้ไปเรียนจริงๆ เหรอว่ะ หมับ! “เดี๋ยว! กระดุมเสื้อจะแตกอยู่แล้ว ไม่คิดจะเปลี่ยนเสื้อตัวใหม่รึไง” ผมดึงมือเอวามาถามไว้ก่อน ก่อนที่เธอจะได้หันหลังไป “เรื่องของฉัน ปล่อย ฉันรีบ” เธอหันมาตอบผมด้วยสีหน้านิ่งๆ แต่แอบหงุดหงิดว่ะ “ฉันบอกเพื่อนเธอไว้แล้วว่าถ้าไม่ทันให้จดเลคเชอร์ให้ด้วย เพราะฉะนั้นไปเปลี่ยนเสื้อตัวใหม่ก่อนออกจากห้อง” “ห้ามก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว นายลืมไปแล้วเหรอ” หึ ยอกย้อนเก่งซะด้วย ก็เมื่อคืนผมใช้คำนี้พูดกับเธอไงก็เลยย้อนพูดกับผมบ้างว่างั้น หึ! แต่เอาจริงๆ ก็ตามนั่นแหละมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเธอตามที่เธอพูด แต่โทษทีว่ะ เพราะผมไม่จำเป็นต้องสน! “ไม่ได้ลืม แต่กระดุมเสื้อมันจะแตกอยู่แล้วอยากโชว์นมให้คนทั้งมหาลัยเห็นรึไงว่ะ” “ไซเรน นายอย่ามายุ่งวุ่นวายได้ปะ แล้วก็ปล่อยมือฉันได้แล้ว มันจะเก้าโมงอยู่แล้วเนี้ย” พรึ่บ! ผมไม่สนใจฟังว่าเธอพูดอะไร แต่ผมเลือกลุกออกจากเตียงแล้วลากยัยดื้อเอวาเดินเข้าไปที่ห้องแต่งตัวของเธอแทน พร้อมกับหาเสื้อแจ็คเก็ตของผมที่เคยมาทิ้งที่ห้องของเธอให้เธอใส่ “นายทำบ้าอะไรเนี่ย ฉันไม่ใส่ ไซเรนหยุดเดี๋ยวนี้เลยน่ะ!” “ใส่มันไปเอวาแล้วห้ามถอดมันออกเด็ดขาดแล้วไอ้กระโปรงเนี่ยไม่มีที่ยาวกว่านี้แล้วเหรอว่ะ” “ไม่มี ปล่อยฉันได้แล้ว” พรึบ!! ตึกตึกตึกๆ “เอวา!! ฉิบ” ผมเท้าเอวตะโกนเรียกชื่อยัยตัวดีที่วิ่งหนีผมออกไปจากห้องนอนอย่างเสียงดัง หลังจากที่ยัยนั้นสะบัดมือออกจากมือผมแล้วรีบวิ่งออกไปทันที แม่ง แล้วก็ยังไม่ได้เปลี่ยนกระโปรงด้วยน่ะสัส พวกคุณไม่ต้องสงสัยหรอกครับว่าทำไมผมถึงได้อารมณ์เสียกับชุดนักศึกษาของเธอนัก คือแม่งมึงเข้าใจไหมว่ะ ว่ามันรัดจนอีกนิดเดียวอะสัส อีกนิดเดียวกระดุมแม่งก็จะดีดมาโดนตาผมอยู่แล้วก็เลยอยากให้เธอเปลี่ยนตัวใหม่แค่นั้นเอง อีกอย่างผมไม่ได้หวงยัยนั้นนะ ก็แค่เตือนในฐานะ....เอ๋อ ในฐานะคนที่เห็นร่างกายยัยนั้นได้ทุกอย่างคนเดียวอะ คือจะหวงเธอทำไมในเมื่อเธอไม่ใช่เมียไม่ใช่แฟนผมสักหน่อย หลังจากที่ยัยนั้นวิ่งออกไปแล้ว ผมแม่งก็นอนไม่หลับแล้ว ก็เลยว่าจะอาบน้ำแล้วกลับคอนโดตัวเองเลย เพราะที่นี่ไม่ใช่คอนโดของผมไงจะให้อยู่ทั้งวันก็คงไม่ได้ว่ะ ส่วนเมื่อคืนที่ผมมาหาเอวาก็เพราะอยากให้เธอช่วยทำแผลให้หลังจากที่ไปมีเรื่องกับไอ้เวรที่มันยืนกอดเธอเมื่อคืน แต่ที่ไปมีเรื่องกับมันไม่ใช่เพราะหวงเอวาน่ะ คือแม่งเสือกมองหน้าผมก่อนไงประเด็น ใช่ครับไอ้หน้าอ่อนนั้นมันมองหน้าผม ก็ตอนที่ผมขับรถออกไปก่อนเอวาตอนนั้นผมดันลืมของไว้ที่ผับ ผมก็เลยต้องกลับรถกลับมาที่ผับอีกครั้งเพื่อมาเอาของ แต่ตอนที่ผมกำลังจะขึ้นรถก็เห็นไอ้เวรที่ยืนกอดเอวายืนสูบบุหรี่อยู่ใกล้ๆ รถมัน มันจะไม่เป็นเรื่องเลยถ้าแม่งไม่เสือกมองหน้าผมอย่างท้าทายอะ ซึ่งผมเป็นพวกไม่ชอบให้ใครมองหน้าอยู่แล้วไง ถ้ามองหน้าปกติมันจะใช่แบบนั้น แต่ไอ้เหี้ยนั้นมันมองเพราะมันอยากแดกตีนผมไง ก็จัดไปเลยสิครับมองหน้ากูนักก็ต่อยยับไปสัส นั่นแหละผมกับมันเลยแลกหมัดกันอยู่พักใหญ่ก่อนที่เฮียผมจะเดินออกมาเห็นแล้วแยกตัวผมออกจากมัน ผมกับมันเลยแยกทางกันแค่นั้น ตอนแรกเฮียผมก็จะให้ผมไปทำแผลที่โรงพยาบาลนั่นแหละแต่ผมไม่อยากไปไงเลยเลือกที่จะกลับมาคอนโดเอวาเพื่อให้ยัยนั่นทำแผลให้แทน ทำแผลเสร็จมันก็ดึกพอดีเลยค้างกับเอวาไปเลยเพราะขี้เกียจขับรถกลับไปกลับมา... ด้านเอวา... แกร๊ก! แอ๊ดดดดด ฉันเปิดประตูห้องเรียนที่มีอาจารย์กำลังสอนอยู่ข้างหน้า แล้วย่องเข้าไปอย่างเงียบๆ ก่อนจะไปนั่งที่โต๊ะว่างข้างๆ มิล่า “ไงมึง มาสายจนได้อะ แล้วเมื่อคืนเป็นไงมาไงเฮียไซถึงไปอยู่ห้องมึงได้อะ” ทันทีที่ฉันนั่งได้ไม่ถึงสองนาทีมิล่าก็ถามถึงไอ้ตัวปัญหาที่ทำให้ฉันมาเรียนสายทันที เฮ้อ~ รู้สึกซึ้งใจที่เพื่อนโคตรเป็นห่วงอะแทบอยากจะดึงหัวมาจุ๊บเม่ง “เป็นห่วงหรืออยากเสือก” ฉันถามมันอย่างตรงไปตรงมา ก็ต้องตรงๆแบบนี้แหละจะได้ไม่เสียเวลา “ทั้งสอง” แล้วดูคำตอบของมัน โคตรเสียดายคำชมเมื่อคืนที่อุตส่าห์ชมมันว่าอยู่เงียบๆจัง ขอคืนได้ไหมจะเอาไปฝั่งดิน แต่สุดท้ายฉันก็ต้องตอบมันแหละเพราะจ้องหน้ารอคำตอบซะขนาดนี้ “เขาไปหากูที่ห้อง แล้วก็ค้างที่ห้องกู” “หึ เมื่อก่อนไม่เห็นจะไปค้างไม่ใช่เหรอว่ะ” “อืม แต่หลังๆ เขาไปหาบะ-...” “เอวริน ณัชชา ตั้งใจเรียนหน่อยค่ะ” ยังไม่ทันที่จะได้พูดจบประโยคเสียงอาจารย์ที่กำลังสอนอยู่ข้างหน้าห้องก็หันมาดุฉันกับมิล่าทันทีที่เห็นว่าฉันกับเพื่อนนั่งคุยกันอยู่โดยไม่สนใจสิ่งที่แกกำลังสอนอยู่ ฉันกับมิล่าก็เลยต้องหันไปก้มขอโทษแกพร้อมกันก่อนจะกลับมานั่งตั้งใจเรียนต่อจนจบคลาส... “อีวา อีมิล่า เมื่อกี้พวกมึงสองคนโม้อะไรกัน บอกมาเดี๋ยวนี้น่ะยะ” หลังจากจบคลาสแล้ว พวกฉันก็เดินลงมาจากตึกเพื่อไปโรงอาหารของคณะ แต่ในระหว่างที่กำลังเดินกันอยู่ แบมบี้มันก็เอ่ยถามเรื่องที่ฉันกับมิล่าคุยกันในห้องเรียน “ไม่มีอะไร แค่คุยเรื่องทั่วไปอะมึง” ฉันตอบแบมบี้แบบปัดๆ มันไป “กูว่ารีบเดินไปนั่งที่โต๊ะเหอะ ป่านนี้แล้วเดี๋ยวโรงอาหารคนเต็ม” แล้วฉันก็รีบเปลี่ยนเรื่องทันที กลัวว่ามันจะถามต่อ ก็ฉันไม่อยากเล่าให้มันรู้ว่าไซเรนไปหาเมื่อคืน เดี๋ยวมันก็ได้บ่นฉันอีก รำคาญเสียงมันเวลาบ่น @โรงอาหารคณะวิทยาการจัดการ หลังจากที่พวกฉันเดินมาที่โต๊ะในโรงอาหารแล้ว แบมบี้กับอลิสก็อาสาไปซื้อข้าวให้ ส่วนฉันกับมิล่าก็นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ที่โต๊ะ จนกระทั่งได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดของพวกผู้หญิงในโรงอาหารดังขึ้น ฉันจึงเงยหน้าจากโทรศัพท์มือถือขึ้นไปมองหน้ามิล่ามัน ประมาณว่าเกิดอะไรขึ้นรึเปล่าว่ะ แต่สักพักฉันก็รู้สึกว่ามีคนมานั่งข้างๆ ฉัน... พรึ่บ! “ไง เอวา” ฉันที่กำลังมองหน้ากันอยู่กับมิล่าเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อฉันจึงหันไปมองทันที... “นาย...” “อืม ฉันเอง เดเนียล ขอนั่งด้วยคนดิ” “ไอ้เนียล มึงจะนั่งมึงดูก่อนว่าเขามากันกี่คน” ฉันละสายตาจากใบหน้าเดเนียลไปมองเพื่อนของเขาสองคนที่กำลังยืนอยู่ ก่อนจะเห็นแบมบี้กับอลิสเดินกลับมาพอดี “ที่นั่งไม่พออะ นายไปนั่งที่อื่นเถอะ” ฉันบอกเดเนียลด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “เหรอว่ะ งั้นถ้าจะขอเข้าไปนั่งในใจเธอได้ปะ” “อะฮึ่ม! พ่อหนุ่มสุดหล่อจ๋า มานั่งในใจเขาเอาไหม เขาว่างพอดีเลยค่ะ” เสียงแบมบี้ว่าพร้อมกับทำตาหวานใส่เดเนียล จนเดเนียลลุกขึ้นยืนแล้วให้พวกมันสองคนนั่งแทน ก่อนที่จะหันมาบอกบางอย่างกับฉัน... “เดี๋ยวตอนเย็นฉันไลน์หา” พูดจบหมอนั้นก็เดินออกไปจากโรงอาหาร และทันทีที่มันเดินพ้นโรงอาหารไปเสียงกระซิบกระซาบของคนในโรงอาหารที่กำลังพูดถึงฉันกับหมอนั่นเมื่อกี้ก็ดังขึ้นเป็นเสียงแมลงวันเลย แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว อยากพูดก็พูดไปไม่ได้กระทบอะไรกับจิตใจของฉันสักนิด ตัวแม่จะแคร์เพื่อ? “เสน่ห์แรงจริงจริ๊ง~เพื่อนกูมีผู้ถ่อมาหาถึงที่” เสียงแบมบี้ว่าอย่างดัดจริต แต่ฉันก็ทำเป็นไม่สนใจเสียงมันนั่งทานข้าวไปอย่างเงียบๆต่อไป “แล้วนี่มึงไปรู้จักกับคนดังสุดหล่อจากคณะวิศวะได้ไงว่ะ” เป็นอลิสที่ถามฉันอย่างสงสัยเป็นรายต่อมา อ๋อ...ที่แท้ก็อยู่วิศวะนี่เอง ถึงว่าทำไมเมื่อกี้พวกผู้หญิงมันถึงได้กรี๊ดกันจังที่แท้ก็เด็กวิศวะหลงมานี่เอง ต้องบอกก่อนว่าคณะฉันกับคณะวิศวะมันไม่ได้อยู่ใกล้กันหรอก มันก็อยู่ห่างกันพอสมควรแล้วไอ้การที่มีเด็กจากคณะนั้นเข้ามาที่นี่ก็เป็นอย่างที่เห็นนั่นแหละ ก็คณะฉันหลงเด็กวิศวะจะตายไปอีกอย่างเด็กวิศวะไม่ค่อยจะมาแถวนี้หรอก แต่ถ้ามาก็สงสัยได้เลยว่ามาหาคนในคณะแน่นอน “เมื่อคืนหมอนั้นมันขอไลน์กูไป” ฉันตอบอลิสไปด้วยสีหน้าราบเรียบอีกเช่นเคย ก็ฉันเป็นพวกหน้านิ่งก็ไม่รู้จะทำหน้ายังไงดีนอกจากทำหน้านิ่งๆ “แล้วมึงก็ให้?” “อืม” “ปกติ มึงไม่แจกไลน์ให้ใครง่ายๆ น่ะเอวา แล้วนี่เป็นอะไร เกิดอยากมีผัวอีกคนว่างั้นเหอะ” แบมบี้ที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ เอ่ยแทรกขึ้นมา ฉันจึงเงยหน้าไปตอบมัน “ก็...ไม่รู้ว่ะถ้าคุยแล้วถูกคออะไรๆ ก็เป็นได้ทั้งนั่นแหละ” “อ้าวอีนี่ แล้วเฮียไซสุดที่รักมึงล่ะ กูรู้น่ะว่าเมื่อคืนมึงกกเฮียเขาที่คอนโดอะ” ยัยอลิสรีบโวยวายทันทีที่ฉันตอบไปแบบนั้น แสดงว่าเมื่อเช้าเป็นมันสินะที่โทรหาฉันแล้วไซเรนรับสายอะ “เขาก็อยู่ของเขาไปดิ จะมายุ่งเรื่องส่วนตัวของกูทำไม อีกอย่างตามกฎที่เขาตั้งไว้คือกูกับเขาไม่ได้ผูกมัดอะไรที่จะทำให้ไม่สามารถมีคนอื่นได้” “โอ้ย กูละปวดหัวกับเรื่องของมึงจริงๆ เลยเอวา วุ่นวายบ้าบอคอแตกมาก” อลิสทำหน้ายุ่งบ่นฉันอย่างปวดหัวก่อนที่มันจะก้มหน้าก้มตากินข้าวในจานต่อไป ฉันเลยกะว่าจะกินข้าวของตัวเองบ้าง แต่ยังไม่ทันจะได้เอาช้อนเข้าปากเลย ยัยมิล่าก็ถามขึ้นมาอีกคน “แล้วเมื่อกี้หน้าผัวใหม่มึงไปโดนมาอะไรวะ ปากแตกคิ้วแตกขนาดนั้น” ไม่ต้องกินแล้วมั้งข้าวเนี่ยสัมภาษณ์กูเก่งจังแต่ละคน เอาจริงๆก็เห็นเหมือนกันนั่นแหละว่าหน้าหล่อๆของหมอนั้นมันมีรอยฟกช้ำแทบจะเกือบทั้งหน้าตามที่ยัยมิล่าว่าจริง ซึ่งเมื่อคืนตอนที่หมอนั้นมาขอไลน์ฉันหน้ามันยังปกติดีอยู่เลย ไม่รู้ไปโดนอะไรมาตอนไหน แต่ประเด็นก็คือ...ฉันก็ไม่รู้ไง “กูไม่รู้ แล้วมึงอย่าเรียกว่าผัวกูได้ปะ ฟังแล้วขนลุกฉิบหาย” ตอบเสร็จฉันก็ก้มหน้ากินข้าวต่อทันทีโดยที่เลิกสนใจสิ่งรอบข้างทั้งปวง เพราะฉันหิวจนไส้จะแตกอยู่แล้วยังไงละ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม