10. กลลวง

1654 คำ
หวังอวี้หัวเราะชอบใจกับคำถามของคนตัวเล็กอยู่พักหนึ่งก็เอ่ยตอบคำถามของนาง “ข้าให้เจ้าเดือนละห้าตำลึงทองพอหรือไม่ แค่ทำหน้าที่หมอประจำจวนเท่านั้น ทว่ายามที่เราไปสืบคดีต่างเมืองข้าอาจให้เจ้าติดตามไปด้วย เจ้าเห็นเป็นเช่นไร” ถามแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตารอฟังคำตอบ จากคนที่นั่งนับนิ้วคำนวนอะไรบางอย่าง ท่าทางนี้ช่างน่าสนใจนัก ทว่าฮุ่ยอันยังไม่รู้ตัวว่าถูกจับจ้อง ซึ่งมันไม่ได้มีแค่ท่านโหวหรอกที่มองการกระทำอยู่ สามสหายก็กำลังมองนางอยู่เช่นกัน “ทำไมนางต้องนับนิ้วด้วยเจาหยาง” โม่ฟานกระซิบถาม สายตาก็ไม่ละออกไปจากมือขาวและปากที่กำลังขมุบขมิบ “ข้าจะไปรู้หรือ ได้เงินเดือนตั้งห้าตำลึงทอง ยังต้องมานับนิ้วคำนวนสิ่งใดอีก ทำอย่างกับคนไม่รู้ค่าเงิน” เจาหยางตอบอย่างที่คิด ซึ่งมันตรงกับการกระทำของฮุ่ยอันเป็นอย่างมาก นางไม่เข้าใจค่าเงินในยุคนี้จริง ๆ รู้แค่ว่าหนึ่งตำลึงทองมันมีค่ามากกว่าตำลึงเงิน และเหรียญทองแดงที่มีเกลื่อนตามตลาด หากไม่รวยจริงเงินตำลึงก็ไม่มีสิทธิ์ได้เห็น “ทำไม น้อยไปหรือ” หวังอวี้ถามอีก เมื่อเห็นนางยังเอาแต่นั่งนับนิ้ว พร้อมกับพึมพำอะไรบางอย่างจนปากไม่หยุดขยับ ฮุ่ยอันเงยหน้ามองเขาก่อนจะยิ้มแห้งใส่ “เอ่อ…ท่านโหวเงินหนึ่งตำลึงทองเท่ากับกี่ตำลึงเงินหรือเจ้าคะ แล้วมันสามารถซื้อสิ่งใดได้บ้างเจ้าคะ” ถามแล้วก็กะพริบตาถี่รอคำตอบ “อะไรกันท่านหมอ นี่ท่านจะบอกว่าไม่รู้ค่าเงินของแคว้นเรากระนั้นหรือ ก่อนนี้ท่านเป็นคุณหนูที่ซื้อของแล้วไม่เคยจ่ายเงินเองหรืออย่างไร จึงไม่รู้แม้กระทั่งค่าเงินต่างกันเท่าใด” หย่งเต๋อเอ่ยถามในสิ่งที่ตนสงสัยทันที ก่อนจะยิ้มแหยเมื่อเห็นสายตาดุของผู้เป็นนายที่จ้องมา ฮุ่ยอันหันมายิงฟันใส่เขาบ้าง ก่อนจะส่ายศีรษะรัว “ไม่ทราบเจ้าค่ะ” ตอบไปตามจริง ก็นางพึ่งมาอยู่ในยุคนี้จะให้รู้ไปทุกอย่างได้เยี่ยงไร เงินที่ได้มาเมื่อเดือนก่อนก็ใช้จ่ายไปโดยไม่รู้ บรรดาพ่อค้าแม่ค้าบอกเท่าใดนางก็จ่ายไปตามนั้น แม้แต่ตอนที่สร้างบ้านก็ยังถูกโกง ทำให้นางเหลือเงินติดตัวไม่มาก หากมิใช่เพราะไห่ถังมาช่วย มีหวังนางไม่เหลือแม้แต่เงินซื้อข้าวสาร ฮุ่ยอันยอมรับเลยว่าตอนนั้นตนโง่มาก เชื่อคำพูดคนคิดว่าเขาหวังดี สุดท้ายเลยได้จ่ายค่าสร้างบ้านในราคาแพง สาเหตุส่วนหนึ่งก็เพราะไม่รู้ว่าค่าเงินนั้นคิดเช่นไร แม้แต่ซาลาเปาในตลาดที่ควรมีราคาแค่สองอีแปะ นางยังซื้อในราคาห้าอีแปะเลย ด้วยความที่ยังใหม่ในยุคนี้ประกอบกับไม่อยากมีปัญหากับใคร นางจึงถูกเอาเปรียบโดยง่าย ทว่าหลังจากเหตุการณ์นั้น ฮุ่ยอันก็เริ่มศึกษาเรื่องค่าเงิน แต่เผอิญว่าเกิดเรื่องโรคระบาดขึ้นเสียก่อน ทำให้การเรียนรู้หยุดชะงัก พอท่านโหวเสนอเงินให้ นางจึงสงสัยว่ามันมากหรือน้อยกันแน่ “เงินหนึ่งตำลึงทอง หากเจ้าอยากซื้อบ้านคงทำไม่ได้ เพราะเจ้าต้องมีอย่างน้อยห้าสิบตำลึงทองขึ้นไป จึงจะมีบ้านหลังขนาดเล็กได้ แต่ถ้าอยากได้ม้า ก็ต้องใช้เงินอย่างน้อยห้าถึงสิบตำลึงทองจึงจะซื้อได้แล้วแต่ว่าจะเป็นม้าพันธุ์ดีหรือไม่” หวังอวี้พยายามเอ่ยให้นางเข้าใจ ซึ่งคนตรงหน้าก็ตั้งใจฟังเป็นอย่างมาก นั่งมองเขาตาเป็นประกายเชียว หวังอวี้จึงเอ่ยต่อ “หากจะเปรียบกับเงินเดือนที่ข้าให้เจ้าก็คิดตามนี้ องครักษ์ทั้งสามได้เดือนละสิบห้าตำลึงทองเพราะทำงานเสี่ยงตายกับข้า พ่อบ้านแม่บ้านที่จวนได้คนละสามตำลึงทอง ส่วนบ่าวที่คอยรับใช้ในจวนข้าให้เดือนละหนึ่งตำลึงเงิน ส่วนเจ้าที่ข้าเสนอให้ห้าตำลึงทอง เพราะข้าอยู่ที่ใดเจ้าก็ต้องอยู่ที่นั่น ราคานี้เหมาะสมแล้ว หรือเจ้าคิดว่าถูกไป” ถามความคิดเห็นนางในช่วงหลัง ดูท่าฮุ่ยอันยังคงมึนงงอยู่ ถึงได้นั่งเงียบเช่นนี้ “ท่านหมอรู้หรือไม่ เงินเดือนที่ท่านโหวเสนอให้มันมากกว่าหมอทั่วไปด้วยซ้ำ ต่อให้ท่านรักษาคนทั้งเดือนก็ใช่ว่าจะได้เงินถึงห้าตำลึงทองนะ” โม่ฟานรีบชี้แนะ “จริงหรือเจ้าคะ” หันกลับมามองคนตัวโตที่นั่งอยู่ข้างกันด้วยแววตาเปล่งประกาย เม้มปากรอฟังคำตอบอย่างจดจ่อ “อืม” ตอบรับแล้วก็หันหนีใบหน้างาม ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “แต่ถ้าเจ้าไม่รับก็ไม่เป็นไร ข้าไม่บังคับ” ทำทีเป็นนิ่งเฉย “รับเจ้าค่ะ ทว่าข้ามีหน้าที่แค่รักษาคนในจวนใช่หรือไม่ ไม่เกี่ยวกับ เอ่อ…ดูแลท่านเป็นการส่วนตัวนะ” ถามแล้วก็รีบหันหนี เพราะรู้สึกว่าใบหน้าตนกำลังเห่อร้อนขึ้นมา เมื่อนึกถึงคำพูดขององครักษ์หนุ่มที่เอ่ยเมื่อครู่ เงินเดือนนี้มันมากเกินไป ฮุ่ยอันจึงเกรงว่าท่านโหวจะให้ทำอย่างอื่นด้วย เขาถึงยอมจ่ายแพงขนาดนี้ อีกฝ่ายต้องการแค่ให้นางเป็นหมอประจำจวนจริงหรือ อย่างไรเสียก็ต้องถามให้แน่ใจก่อน หวังอวี้หันกลับมาพร้อมกับยกยิ้มมุมปาก แล้วค่อยเอ่ยขึ้นมาให้นางตาโตเล่น “ถ้าเจ้าอยากทำข้าก็ไม่ขัดนะ” “คะ…ใครเขาอยากทำแบบนั้นกัน” รีบสวนทันควัน มองหน้าเขาด้วยสายตาคมดุ ก่อนจะรีบหันหนีไปอีกทาง “แบบนั้นคือแบบไหนล่ะ” คนตัวโตยังมิวายแกล้ง เมื่อเห็นแก้มเนียนใสขึ้นสีเรื่อขึ้นมาแล้ว ใบหูนางก็แดงไม่ต่างกัน “ว่าอย่างไร แบบนั้นที่เจ้าว่าหมายถึงสิ่งใดกัน” โน้มหน้าเข้าใกล้อย่างจงใจ ฮุ่ยอันจึงลุกพรวดขึ้นจนคนในห้องต่างก็ตกใจไปตาม ๆ กัน มีเพียงหวังอวี้เท่านั้นที่ยิ้มชอบใจกับท่าทางของนาง ก่อนจะมองตามร่างเล็กที่เดินออกไปโดยไม่ร่ำลา “เตรียมห้องพักให้ข้าด้วย จากนี้ไปข้าจะค้างคืนที่นี่” คำสั่งของผู้เป็นนาย ทำให้สามสหายหันมามองเขาเป็นตาเดียว “ท่านโหวพึงใจท่านหมอใช่หรือไม่ขอรับ” โม่ฟานเสี่ยงถาม หากเป็นอย่างที่พวกเขาคาดการณ์ ภายหน้าจะได้ทำตัวถูก หวังอวี้มองคนสนิทด้วยแววตาเรียบเฉย ตามมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบต่างจากตอนที่คุยกับหมอหญิงเป็นอย่างมาก “ฮุ่ยอันคือเจ้าตัวแสบที่เราตามหา” หวังอวี้เอ่ยจบก็ยกชาขึ้นดื่ม มองสีหน้าของคนสนิททั้งสาม ที่ทำตาโตไม่แพ้กัน และพักใหญ่กว่าพวกเขาจะเอ่ยคำถามที่อยากรู้ออกมาได้ “ท่านหมอคือเจ้าเด็กหนุ่มนั่นจริงหรือขอรับ” เจาหยางรีบถามย้ำ เพราะไม่อาจเชื่อได้จริง ๆ ว่าเจ้าเด็กสกปรกผู้นั้นจะกลายเป็นสตรี ที่มีหน้าตางดงามปานเทพธิดาเพียงนี้ “ไม่แปลกที่พวกเจ้าจะจำนางไม่ได้ เพราะเจอกันแค่ครั้งเดียว และวันนั้นนางก็อยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้เลย ทว่าข้าอยู่กับนางถึงสองวัน มีหรือจะจำไม่ได้” เอ่ยจบเขาก็หวนนึกถึงจุดตำหนิใต้ตาข้างซ้ายของนาง ซึ่งมันเป็นตำแหน่งเดียวกันกับเจ้าหนุ่มจอมแสบผู้นั้น หน้าตาหรือก็เหมือนกันอย่างกับแกะ หากนางบอกว่ามีพี่ชายหรือน้องชายเขาอาจจะเชื่อ เพราะคิดว่าทั้งคู่คงเป็นฝาแฝดกัน ทว่าฮุ่ยอันกลับบอกว่าเจ้าหนุ่มนั่นเป็นสามี ซึ่งมันไม่ใช่อย่างแน่นอน ต่อให้มนุษย์อาจมีหน้าตาคล้ายกัน แต่ก็ไม่มีทางเหมือนพิมพ์เดียวกันหมดทุกส่วนเช่นนี้ โดยเฉพาะตำหนิใต้ตาที่เขาจดจำได้ดี รวมถึงกลิ่นหอมบนตัวนางด้วย ทุกอย่างมันฝังอยู่ในหัวเขานับตั้งแต่พบเจอกันแล้ว “เช่นนั้นที่ท่านโหวเสนอให้นางไปอยู่ที่จวน ก็เพื่อหลอกล่อเอาคืนนางใช่หรือไม่ขอรับ ข้าน้อยก็คิดว่าท่านพึงใจนางเสียอีก” เจาหยางเอ่ยถามพร้อมกับมองผู้เป็นนายเพื่อรอคำตอบ ซึ่งมันไม่ใช่แค่เขาที่อยากรู้ สหายทั้งสองก็ตั้งตารอฟังเช่นกัน หวังอวี้เงยหน้ามองทั้งสามสลับกันไปมา “นางมีความรู้พอตัว ขนาดเรื่องวางยาในน้ำยังสืบออกมาได้ คนฉลาดเฉลียวเช่นนี้หากไม่เก็บเอาไว้ใกล้ตัวเพื่อใช้ประโยชน์ ก็เสียดายแย่” “อย่างนี้นี่เอง ข้าน้อยก็หลงนึกว่าท่านโหวพึงใจท่านหมอเสียอีก ที่ไหนได้แค่หลอกล่อนางเอาไว้ใช้เท่านั้น” โม่ฟานเอ่ย “นั่นสินะ ท่านโหวของเราจะชอบสตรีไร้มารยาทเช่นนั้นได้เยี่ยงไร ไม่เหมาะแม้แต่จะเอามาเป็นอนุด้วยซ้ำ” หย่งเต๋อสำทับคำสหาย หวังอวี้จึงเหลือบมองคนสนิทเล็กน้อย ก่อนเอ่ย “นางก็เป็นแค่สมบัติล้ำค่าที่ควรเก็บรักษาไว้ใกล้ตัวเท่านั้น ภายหน้าเราอาจใช้ประโยชน์ได้มากกว่านี้ก็เป็นได้” #ท่านโหวขุดหลุมรอน้องแล้ว เล่ห์เหลี่ยมเยอะจัด อย่าให้รู้นะ ว่าตกหลุมพรางตัวเอง ฉันเตรียมจอบพร้อมถมแกแล้วนะ 555
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม