กว่ามื้ออาหารเย็นจะจบลงทำเอาคีร่าแทบเป็นบ้า เมื่อโดนสายตาของแสนสิงหาจับจ้องอยู่ตลอดเวลา มันทำให้คีร่ารู้สึกอึดอัด หายใจลำบาก อยากลุกหนีกลับบ้านเดี๋ยวนั้น ทว่า ความเป็นจริงคีร่าทำอย่างนั้นไม่ได้ คีร่าแกล้งใจป้ากานดาเลยยอมอดทนนั่งร่วมโต๊ะอาหารกับคนนิสัยเสียจนมื้ออาหารจบ
คีร่ารีบปลีกตัวเข้ามาให้ห้องครัวเก็บอุปกรณ์ทำขนมของเธอเตรียมกลับบ้าน หลังจากได้รับค่าจ้าง คีร่าคิดว่าเธอจะแวะซื้อวัตถุดิบไปเตรียมไว้ทำขนมในวันพรุ่งนี้เลย
“คีร่าเก็บของเสร็จแล้วเหรอลูก” เดินออกมาจากห้องครัวก็เจอเข้ากับป้ากานดาที่นั่งอ่านหนังสืิออยู่ในห้องรับแขกตามลำพัง คีร่าเห็นดังนั้นก็รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก บอกตามตรงว่าเธอไม่อยากเจอกับแสนสิงหาผู้ชายปากร้ายไร้มารยาทคนนั้นอีก
เจอกันครั้งแรก คีร่าพูดได้เต็มปากเลยว่า เธอไม่ชอบแสนสิงหาอย่างแรง
“ค่าจ้างหนูจ้ะ” ธนบัตรสีเทาสามใบถูกยื่นมาตรงหน้าของคีร่า
“มันเยอะไปรึเปล่าคะป้าดา จริง ๆ แล้วค่าจ้างไม่ถึงพันด้วยซ้ำ” แม้จะตารุกวาวกับจำนวนเงิน หากแต่คีร่าก็ยังมีความเกรงใจป้ากานดาอยู่ “คีร่ารับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ”
“รับ ๆ ไปเถอะลูก เงินจำนวนนี้ป้าตั้งใจให้หนู ส่วนนี่อีกสองพัน พี่แสนเขาให้ทิปหนูและแทนคำขอโทษที่พี่แสนเขาพูดจาไม่ดีใส่” คีร่าอึ้งเล็กน้อยกับจำนวนเงินทั้งหมดที่เธอได้รับในวันนี้ ห้าพันเชียวนะ มันมากกว่าเงินที่เธอทำขนมขายทั้งเดือนอีก
อึ้งกว่าจำนวนเงินที่ได้รับก็น่าจะเป็นเรื่องที่ผู้ชายคนนั้นให้ทิปเพื่อเป็นการขอโทษเธอ
เหอะ นี่มันตบหัวแล้วลูบหลังกันชัด ๆ
“อย่าคิดมากเลยนะลูก หนูไม่ต้องเกรงใจ หรือรู้สึกลำบากใจเพราะป้ากับพี่แสนตั้งใจให้หนูจริง ๆ”
“ขอบคุณนะคะป้าดา ขอบคุณที่เอ็นดูหนูและใจดีกับหนูมาตลอด หากไม่มีป้าคอยช่วยเหลือ หนูคิดไม่ออกเลยค่ะว่าป่านนี้ชีวิตหนูจะเป็นยังไง”
“โธ่ คีร่าของป้า” ใจของกานดาอ่อนยวบ เอ็นดูเด็กคนนี้เหลือเกิน
ด้วยความเอ็นดูและรักเด็กคนนี้เหมือนลูกเหมือนหลาน กานดากับสามีเคยเอ่ยปากจะรับคีร่ามาเลี้ยงดูเป็นบุตรบุญธรรม หากแต่เด็กสาวคนนี้ปฏิเสธเสียงแข็ง ให้เหตุผลว่าเธอไม่อยากรบกวนกานดากับสามี กานดาจึงทำได้เพียงจ้างหญิงสาวมาช่วยงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นประจำ
คีร่าเป็นเด็กน่ารัก เป็นเด็กขยัน ไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรค แม้ว่าตัวเองจะลำบากแต่ก็ไม่เคยคดโกงใครกิน หาได้เท่าไหร่ ใช้จ่ายเท่านั้น ภาพที่คีร่าดิ้นรนเอาชีวิตรอดไปวัน ๆ มันเป็นภาพที่ชินตาของกานดาเสียแล้ว กานดาอยากเห็นคีร่ามีชีวิตที่ดีขึ้นกว่านี้ มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีไม่ใช่อยู่บ้านที่ทรุดโทรมจะพังแหล่ไม่พังแหล่เหมือนอย่างทุกวันนี้
“คีร่า” กานดาเรียกชื่อคีร่าเสียงจริงจัง ขณะที่มือลูบกลุ่มผมหญิงสาวแผ่วเบาราวกับปลอบโลมคีร่าอยู่ยังไงอย่างนั้น
“คะ ป้าดา” เสียงเรียกชื่อจริงจังทำคีร่าผงะไปชั่วขณะ เงยหน้าขึ้นสบตาป้ากานดาอย่างฉงน
“ไปทำงานอยู่กรุงเทพกับพี่แสนไหมลูก พี่แสนเพิ่งเปิดโรงแรมใหม่ขาดแคลนพนักงานพอดี เงินเดือนก็ดี ส่วนเรื่องที่พัก ป้ามีคอนโดอยู่ที่นั่น หากหนูไปทำงานกับพี่แสน หนูสามารถไปพักที่คอนโดป้าได้เลย ป้าให้หนูอยู่ฟรีไม่คิดเงิน ป้าอยากเห็นคีร่าของป้ามีชีวิตที่สุขสบายมากกว่าที่เป็นอยู่นะลูก ป้าอยากเห็นคีร่าเติบโตไปในทางที่ดีขึ้นมากกว่านี้”
“……..” คีร่าเงียบไปชั่วอึดใจหนึ่ง สิ่งที่กานดาพูดยอมรับตรง ๆ ว่าคีร่าสนใจเป็นอย่างมาก คีร่าอยากทำงานมีเงินเดือน เธอเคยไปสมัครงานหลาย ๆ ที่แล้วทว่ากลับไม่มีที่ไหนรับเลย เธอถึงต้องทำขนมขายประทังชีวิตของตัวเองไปวัน ๆ
“ป้าอยากให้คีร่าคิดให้ดี ๆ โอกาสมาถึงแล้ว ป้าอยากให้คีร่ารับไว้นะ”
คีร่าก็อยากคว้าไว้จนตัวสั่น แต่พอคิดได้ว่าโรงแรมนั้นเป็นของแสนสิงหา อีกทั้งแสนสิงหาก็ดูไม่ชอบเธอเท่าไหร่นักเขาจะยอมรับเธอเข้าทำงานรึเปล่า
“พี่แสนอยู่ที่นี่แค่สองวันก็เดินทางกลับ คีร่ามีเวลาสองวันให้ตัดสินใจ”
“หนูจะกลับไปคิดนะคะป้าดา” เธอตอบเสียงอ้อมแอ้ม ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยความกังวลอย่างเปิดเผย พลันจินตนาการว่า
ชีวิตในเมืองกรุงจะแตกต่างจากบ้านนอกที่เธออยู่มากขนาดไหนกันนะ