“พรีมลูก เมื่อยมากหรือเปล่าลูก”
อรวรรณ แม่ของพรีมเมื่อเห็นลูกสาวเดินเข้ามาด้วยความเหนื่อยล้าเลยอดถามอย่างเป็นห่วงไม่ได้ ส่วนคนที่ถูกถามก็ยิ้มอ่อนให้แม่ ความจริงเธอเหนื่อยจริง ๆ แหละ อาจจะคงเพราะเมื่อคืนเมาหนัก ร่างกายของเธอเลยต้องแบกรับมากเป็นพิเศษ
“หนูไม่เป็นไรค่ะแม่ แล้วนี่พ่อไปไหนเหรอคะ” เมื่อไม่เห็นวี่แววของผู้เป็นพ่อ เธอก็อดที่จะถามไม่ได้ ปกติพ่อกับแม่เธอแทบจะตัวติดกันก็ว่าได้ ตั้งแต่ที่เธอเข้ารับตำแหน่งผู้บริหารแทนพ่อตามพินัยกรรมของคุณตา ท่านก็ปลดเกษียณตัวเองอย่างถาวรด้วยการใช้ชีวิตที่เหลือพาภรรยาที่รักไปเที่ยวต่างประเทศหรือทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าเป็นแม่เธอคนเดียว
“พ่อเขาไปตีกอล์ฟกับเพื่อนน่ะลูก”
“อ๋อ เมื่อคืนที่พรีมไม่กลับบ้านพ่อเขาโมโหหรือว่าอะไรหรือเปล่าคะ” พอนึกถึงเรื่องที่ตัวเองเถลไถลก็อดถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนไม่ได้
“แม่บอกพ่อว่าลูกจะนอนที่คอนโดฯ เขาเลยไม่พูดอะไรต่อน่ะจ้ะ”
“ขอบคุณนะคะแม่ แม่เหนื่อยไหมคะที่มีเด็กดื้อแบบพรีมเป็นลูก” พรีมโน้มตัวลงไปเอาหัวหนุนนอนบนตักของแม่
“ไม่หรอกลูก ทำไมถึงคิดแบบนั้น พรีมเป็นลูกสาวที่น่ารักและเก่งของแม่กับพ่อ” อรวรรณลูบหัวลูกสาวอย่างอ่อนโยน แม้พรีมจะอายุเข้าเลข 3 แล้ว แต่สำหรับเธอ ลูกสาวก็ยังเป็นเด็กไม่เปลี่ยน
“พรีมรู้เรื่องที่พ่อมีบ้านเล็ก”
จู่ ๆ คำพูดที่ออกมาจากปากของลูกสาวก็ทำให้คนเป็นแม่ใจสั่น ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้เรื่องนี้ เธอรู้มาโดยตลอดว่าสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายและเป็นพ่อของลูก ๆ ของเธอมีผู้หญิงคนอื่น แต่ที่ยอมอดทนอยู่ด้วยเพราะไม่อยากให้ลูกสาวกับลูกชายคนเล็กที่เรียนอยู่ต่างประเทศรู้สึกขาดหายหรือรู้สึกไม่ดีกับการไร้พ่อ เธอเลยเลือกที่จะยอมกล้ำกลืนฝืนทนเก็บเงียบไว้คนเดียว
“พรีมลูก พูดเรื่องอะไรกัน”
ถึงแม้จะรู้ว่าลูกสาวหมายถึงเรื่องอะไร เธอก็เลือกที่จะปัดผ่านทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“หนูรู้ว่าแม่เข้าใจเรื่องที่หนูกำลังพูด แต่ที่แม่ไม่อยากบอกใครหรือยอมอดทนมาตลอดเพราะหนูกับน้องใช่ไหมคะ... แม่เพียงแค่บอกมา ไม่ต้องอดทนอยู่คนเดียวอีกแล้ว หนูโตพอที่จะแบกรับความเจ็บปวดช่วยแม่ได้แล้ว ให้หนูได้ช่วยผ่อนคลายความเจ็บปวดของแม่นะคะ”
แปะ ! หยาดน้ำตาหล่นลงบนแก้มขาวของพรีม เธอรู้สึกถึงแรงสั่นไหวเล็กน้อยของร่างกายเล็กของแม่ได้ดี มันเจ็บปวดเหลือเกินกับการถูกหักหลังความรักและความซื่อสัตย์ที่มีให้ เธอรู้เรื่องนั้นดี เธอเลือกที่จะจับมือของแม่มาทาบไว้ข้างแก้มตัวเองเพื่อส่งผ่านความอบอุ่นไป หวังให้แม่รู้ว่าท่านยังมีเธออยู่เคียงข้างท่านอยู่
“อึก ขอบคุณมากนะลูก แม่รักลูกนะ”
“พรีมก็รักแม่ค่ะ ถ้าแม่อยากหย่าเพราะอดทนไม่ไหวแล้ว บอกหนูเลยนะคะ เดี๋ยวหนูจัดการให้เอง”
เธอรู้เรื่องนี้มา 2 ปีแล้ว แต่ที่เธอตัดสินใจพูดเรื่องนี้เพราะหลายวันก่อนเพื่อนของเธอที่เป็นเจ้าของโรงแรมที่เชียงใหม่ส่งรูปพ่อกับผู้หญิงโอบกอดกันและมีผู้หญิง 2 คนเดินตามหลังมาให้ เธอเลยให้คนไปสืบ จากที่ได้รับรายงาน พวกเธอคือภรรยาน้อยและลูกสาวที่เกิดจากพ่อกับผู้หญิงคนนั้น
“เดี๋ยวพรีมลูก แม่ไม่อยากทำแบบนั้นเพราะมันอาจกระทบต่อบริษัทและตัวลูกได้ แล้วคนอื่นจะพูดยังไงอีก แม่ไม่อยากให้พวกลูกถูกว่าเสียหาย ถ้าเกิดการหย่าจริง บอร์ดผู้บริหารคงจะตั้งคำถามอีกมากมายให้ลูกวุ่นวายแน่”
ที่จริงแล้วหยางกรูปคือบริษัทที่พ่อของเธอหรือคุณตาของลูกสาวสร้างมาโดยไม่มีคนหนุนหลัง คุณพ่อของเธอเลยต้องการชื่อเสียงในสังคมเพื่อให้บริษัทเป็นที่รู้จักในแวดวงไฮโซผู้ดี เธอเลยยอมแต่งงานกับสามีที่เป็นพ่อของลูกสาวทั้ง 2 ทุกอย่างเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี จนกระทั่งในวันที่พ่อเธอเสีย สามีเธอเลยขึ้นนั่งตำแหน่งรักษาการประธานตามพินัยกรรมจนกว่าลูกสาวคนโตนั่นก็คือพรีมอายุ 25 ปี แต่เพราะสามีของเธอดูเหมือนจะหลงในอำนาจ ไม่ยอมลงจากตำแหน่ง จนเธอขู่ว่าจะฟ้องหย่าและยกเอาพินัยกรรมมาขู่ สามีเลยยอมทำตาม พรีมเลยได้เข้าบริหารตามที่พ่อของเธอตั้งใจไว้ แต่เรื่องนี้เธอก็ไม่เคยเล่าให้ลูกสาวฟังเพราะไม่อยากให้ลูกมองพ่อไม่ดี
“แม่คะ พรีมกับพิตาโตแล้ว อีกอย่างหนูกับน้องก็คุยเรื่องนี้กันแล้ว”
“น้องก็รู้เรื่องนี้เหรอลูก” ดูเหมือนว่าเรื่องที่เธอคิดว่าเป็นเรื่องที่เก็บได้มิดชิดมาตลอดมันจะไม่ใช่แบบนั้นเลยสินะ
“น้องอาจจะรู้ก่อนหนูก็ได้ค่ะแม่ เพราะลูกของผู้หญิงคนนั้นเรียนที่เดียวกับพิตาตอนมัธยมปลาย”
“ลูก... ลูกของพ่อลูกกับผู้หญิงคนนั้นเหรอ” แม่ของพรีมยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ ถึงจะรู้เรื่องที่สามีนอกใจ แต่เธอไม่เคยรู้เลยว่าสามีจะมีลูกกับผู้หญิงคนนั้นด้วย ท่าทางตกใจของแม่ทำให้พรีมพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งเพราะเป็นห่วงความรู้สึกของท่าน
“หนูก็ยังไม่มั่นใจ ตอนนี้กำลังให้คนตามสืบเพิ่มเติมอยู่ แต่ว่าถ้ามันเป็นแบบที่เราคิด แม่จะทำยังไงคะ”
“แม่จะฟ้องหย่า แม่ไม่ยอมเสียอะไรที่เป็นของพวกลูกให้คนอื่น” เธอกลัวว่าในอนาคตเขาจะคิดทำอะไรไม่ดีแล้วมาแย่งของที่เป็นของลูกสาวเธอไปให้คนอื่น
“หนูไม่อยากให้แม่ยืดติดกับของพวกนี้ค่ะ ขอแค่ให้แม่มีความสุข ต่อให้หนูต้องเสียของพวกนี้ไปหนูก็ยอม” พรีมกอดแม่ เบา ๆ
“ลูกเสียมาเยอะแล้วแม่รู้ แม้แต่หัวใจของลูกเอง ลูกยังยอมเสียสละได้”
“แม่คะ”
“เอกใช่ไหมคือหัวใจของลูก” เธอรู้ดีว่าลูกสาวของเธอไม่ได้เป็นคนไร้หัวใจจนไม่ยอมมีใคร แต่สายตาของลูกสาวที่มองเลขานุการส่วนตัวมันเต็มไปด้วยความโหยหา เอกได้รับทุนจากพ่อของเธอไปรับการศึกษาที่ต่างประเทศ หลังจากนั้น 1 ปี ลูกสาวเธอก็เข้าเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน พ่อเธอเลยฝากฝังให้เอกช่วยดูแลหลานสาว เธอเลยคิดว่าทั้ง 2 คงมีความสัมพันธ์และพัฒนาความรู้สึกกันตั้งแต่ตอนนั้น แต่วันหนึ่งเธอก็ได้ยินว่าเอกตัดสินใจหมั้นกับหลานสาวของสามีเธอ
“มันคือแค่เคยใช่ค่ะ ตอนนี้พี่เขาไม่ได้รักและต้องการหนูแล้ว” พรีมพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ
“โธ่~~ ลูกแม่ สักวันลูกจะได้เจอคนที่รักลูกและยอมสู้ฝ่าฟันทุกเรื่องไปกับลูก เชื่อแม่” อรวรรณดึงลูกสาวเข้ามากอดปลอบ
“หนูขอให้มีวันนั้นนะคะแม่”
“มีอยู่แล้ว ลูกของแม่ทั้งเก่งและสวยขนาดนี้ ใครบ้างที่ไม่อยากยอมเสี่ยงเพื่อเอาชนะใจ”
“ขอบคุณนะคะแม่” พรีมกระชับแขนให้แน่นขึ้น แม่ก็ลูบหลังปลอบโยนลูกสาวเบา ๆ เธอปล่อยให้ลูกเผชิญความเจ็บปวดมาคนเดียวนานแล้ว ถึงเวลาที่เธอต้องลุกขึ้นมายืนเคียงข้างลูก ๆ ทั้ง 2 คน
พรีมกลับมาห้องนอนของตัวเอง มันเหนื่อยเหลือเกินในแต่ละวัน เธออยากใช้ชีวิตแบบสงบเรียบง่ายที่มีแค่แม่กับน้องของตัวเอง คนที่เธอรักและรักเธออย่างจริงใจ พร้อมฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกัน เธอฝันว่าคนคนนั้นจะคือเอก แต่สุดท้ายปลายทางระหว่างเธอกับเขาก็คือการจากลา
ครืด~~~ ครืด~~
(สวัสดีค่ะท่านประธาน โทร.มาดึกดื่น มีอะไรให้มีมี่คนนี้รับใช้เหรอคะ) ทันทีที่รับสาย ปลายสายก็พูดอย่างกระแนะกระแหนกลับมา
“ไปดื่มเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ”
(ใช่ซี้~~~ เรามันก็มีความสำคัญเฉพาะเวลาแบบนี้)
“พูดมากนะมี่ แกจะไปหรือไม่ไป” พรีมถามเสียงเรียบ
(ไปจ้า แต่แกเลี้ยงนะ ช่วงนี้ฉันจน)
คำว่าจนของมีมี่ไม่ได้ทำให้เธอเชื่อเลยสักนิด เจ้าของคอนโดมิเนียมสุดหรูใจกลางเมืองจะไปจนได้อย่างไร
“ได้”
พรีมวางสายจากเพื่อนเสร็จเธอก็ลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วขับรถสปอร์ตคันหรูออกไปทันที
NOTTING BAR
“ชวนฉันมา แต่แกเริ่มก่อนนี่นะ” มีมี่ เพื่อนที่เคยเรียนกับพรีมตอนมัธยม ลูกสาวของเจ้าของคอนโดมิเนียมหรูและแรมโรงดังที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศเดินลงมานั่งข้าง ๆ เพื่อน
“แกช้า... ขอเตกีลา 2 ที่ค่ะ” พรีมหันไปสั่งเหล้ากับพนักงาน
“เบาได้เบาเพื่อน วันนี้ฉันนัดเด็กมารออยู่ห้อง”
“เดี๋ยวนี้แกเห็นผู้ชายสำคัญกว่าฉัน” ปกติพรีมไม่ค่อยพูดแบบนี้หรอกนอกจากเพื่อนสนิทและเธอก็มีแค่ไม่กี่คน
“ถ้าสำคัญกว่าคงไม่ทิ้งมาหาแกแบบนี้หรอก แล้วนี่คิดไงอยากดื่ม”
“ฉันเบื่อ เหนื่อย บางทีก็อยากหนีไปอยู่ที่ที่ไม่มีใครรู้จัก” พูดจบพรีมก็ยกเเก้วเหล้าในมือขึ้นดื่มรวดเดียว
“ใครมันจะไม่รู้จักท่านประธานของหยางกรูปบ้าง”
“ก็มีอยู่นะ แถมยังเป็นลูกน้องของฉันด้วย” คำพูดของเพื่อนทำให้เธอนึกถึงใบหน้าของหัวหน้าฝ่ายคนใหม่ที่คิดว่าเธอคือเด็กฝึกงาน
“อย่ามาตลก” มีมี่เห็นท่าทางของเพื่อนแล้วไม่อยากจะเชื่อหู
“เฮ้ออออ ถ้าฉันมีพ่อที่รักครอบครัวแบบแกก็คงดี”
“เรื่องที่ฉันส่งรูปให้แกเหรอ”
พรีมพยักหน้า รูปที่เธอได้มาและตามสืบคือมาหนึ่งในโรงแรมของเพื่อน
“แกจะเอายังไงต่อ”
“ฉันแล้วแต่แม่ ให้ท่านตัดสินเอาเอง”
“ถ้ามีการเปลี่ยนแปลง คงจะเป็นข่าวใหญ่และคงกระทบกับหุ้นของบริษัทด้วย... น้องคะ ขอเหมือนเดิมอีก 2” มีมี่หันไปสั่งเหล้าเพิ่มเพราะคิดว่าคืนนี้คงอีกยาวนาน
มีมี่รู้ดีว่าชีวิตของเพื่อนไม่ได้มีความสุขเหมือนที่คนภายนอกเห็น พรีมเป็นผู้หญิงที่อ่อนไหวและอ่อนแอคนหนึ่ง แต่เลือกที่จะเก็บมันไว้ภายใต้ความเก่งและความเย็นชาที่คนข้างนอกมองเห็น