“เอ้า !! ชนนนนน”
แกร๊ง !
เสียงแก้วกระทบกันหลายใบ ก่อนจะมีเสียงร้องเพลงอย่างสนุกสนานลั่นอู่ซ่อมรถขนาดกลางที่ถูกเหมาด้วยฝีมือของประธานสาวแห่งหยางกรูป
ก่อนหน้านี้ 30 นาทีได้ ธีมพาพรีมมาถึงอู่ ตอนแรกที่ยังไม่มีคนมาซ่อมเธอก็นั่งคุยกับเขา พอเขารับงาน หน้าตาก็เริ่มไม่สบอารมณ์ ก่อนจะเริ่มเอาเงินให้พนักงานด้วยกันมาเอารถที่เขากำลังซ่อมไปทำแทน หนักข้อเข้าคือเอาเงินให้เจ้าของอู่ปิดร้าน และสุดท้ายก็มานั่งตั้งวงเหล้ากับพนักงานที่ดีใจได้เลิกงานเร็วแถมยังได้เงินจากเธอกันคนละ 1,000-2,000 ตอนนี้เขาปวดหัวกับผู้หญิงคนนี้มาก อยากจะเตือนมากว่าเธอคือประธานบริษัทใหญ่ ควรรักษาภาพลักษณ์ของตัวเอง
“คุณพรีมกลับกันเถอะ”
“ม่ายยย ขอดื่มอีกนิด ฉันยังไม่เมาเลย” พรีมสะบัดแขนธีมออก
“พอแล้วครับ ถ้าคุณไม่กลับกับผม ผมจะโทร.หาเลขาฯ คุณให้มาพาคุณกลับบ้าน”
“ไม่ได้ อึก !! โทร.หาเขาไม่ได้”
คำขู่ของธีมทำเอาพรีมแทบสร่างเมา เธอรีบจับแขนเขาไว้ ท่าทางของเธอทำเอาให้คนที่เพิ่งขู่ไปสงสัยมาก แต่ก็เลือกที่จะไม่ถามเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่าย
“งั้นเรากลับกันเถอะครับ”
“อือ”
“ไว้มาอีกนะครับ” เสียงพนักงานในร้านพูดตามเมื่อเห็นทั้ง 2 คนกำลังจะกลับ คนที่เป็นแขกไม่ได้รับเชิญตอนแรกหันไปยิ้มให้และโบกมือลา
“เราอยู่ต่ออีกหน่อยไม่ได้เหรอ”
หลังจากเงียบกันมาสักพัก คนตัวเล็กก็พูดขึ้นระหว่างที่กำลังอยู่ในลิฟต์กลับขึ้นห้องชายหนุ่ม ทำไมกันนะ พออยู่กับผู้ชายคนนี้แล้วเธอลืมความผิดชอบชั่วดี ไม่หรอก เธอไม่ได้ลืม เพียงแค่อยากให้ใครสักคนสามารถรับเธอในแบบที่เธอเป็นได้ต่างหาก
“ไม่ครับ ถ้ามีใครรู้ฐานะของคุณพรีมแล้วเอาไปพูดต่อมันจะเสียเอาได้นะครับ”
“มันมีอะไรต้องเสียด้วยเหรอ แค่นี้พวกนายที่เป็นพนักงานของฉันยังคิดต่อฉันแย่ ๆ เลย แล้วคนอื่นคงไม่ต้องพูดถึง”
ตอนนี้พรีมแทบจะทรงตัวไม่อยู่และเกือบจะเซล้ม แต่ดีที่ธีมดึงตัวเธอไว้ทำให้ไปอยู่ในอ้อมกอดของธีม
ผู้ชายคนนี้มีหุ่นดีจริง ๆ ร่างกายสูงใหญ่เต็มไปด้วยมัดกล้าม
พรีมอดคิดไม่ได้ก่อนผลักตัวออกเล็กน้อย แต่จู่ ๆ ก็มีภาพบางอย่างโผล่ขึ้นมาในหัว จูบ ! เมื่อคืนเธอจูบกับผู้ชายคนนี้อย่างนั้นเหรอ แถมยังเป็นจูบที่เร่าร้อนมาก ความทรงจำที่เด่นชัดในหัวทำให้เธอเผลอเอานิ้วแตะที่ริมฝีปากตัวเองราวกับจูบนั้นมันยังติดตราตรึงอยู่ เธอไม่ได้จูบกับใครมานานแค่ไหนแล้วนะ
“คุณพรีม คุณพรีม”
“อ๊ะ... เอ่อ... ว่าไง” พรีมตอบอย่างตะกุกตะกัก
“ลิฟต์เปิดแล้วครับ” ธีมบอก
คนที่เพิ่งได้สติมองไปหาคนที่ยืนรอตัวเองอยู่ด้านนอกของลิฟต์ก็รีบเดินตามไป นี่เธอเมาแล้วจริง ๆ สินะ
“เอ่อ... ฉันว่าฉันควรกลับแล้ว”
จู่ ๆ หญิงสาวก็พูดขึ้นหลังจากเดินเข้ามาในห้อง ทำเอาเจ้าของห้องถึงกับขมวดคิ้ว ถ้าเธอไม่ดื่ม เขาคงจะปล่อยไปง่าย ๆ แต่นี่เธอเพิ่งดื่มมา แล้วถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นหรือมีด่านตำรวจจะทำอย่างไร
“ผมไปส่งนะครับ”
“ไม่เป็นไร ฉันขับกลับเองได้”
“ไม่ครับ เดี๋ยวผมขับไปส่ง”
พูดจบเขาก็แย่งกุญแจในมือเธอมาถือเอง แล้วก็เดินเข้าไปหยิบกระเป๋าเงินของตัวเองที่มีบัตรประชนใส่ไว้มาด้วย เผื่อจะมีเหตุฉุกเฉิน
หลังจากขับรถ ธีมมองบ้านตรงหน้า... ไม่สิ ต้องเรียกว่าคฤหาสน์เลยดีกว่าเพราะมันอลังการมาก บ้านที่เขาเคยอยู่คงจะใหญ่ไม่เท่าห้องน้ำของที่นี่เลยมั้ง
“เอารถฉันขับกลับก่อนก็ได้นะ วันจันทร์ค่อยเอาไปคืนที่บริษัท” เจ้าของรถที่นั่งข้างคนขับพูดเสนอ
“ไม่ครับ เดี๋ยวผมโทร.เรียกบริการรับส่งผ่านแอปเองก็ได้ครับ” ธีมยิ้มตอบรับในความหวังดีของพรีม แต่เขาขอรับแค่ด้วยใจก็พอ ขืนเอาไปเฉี่ยวหรือชนที่ไหนเข้า ค่าซ่อมคงไม่น้อยแน่ ๆ
“ถ้างั้นฉันให้คนไปส่งไว้ที่หน้าบ้าน หรือจะให้ไปส่งที่คอนโดฯ เลยก็ได้นะ”
“แค่ด้านหน้าก็พอครับ”
ธีมตอบรับ เพราะถ้าให้เขาเดินไปจนถึงหน้าบ้านตอนแดดช่วงบ่ายร้อน ๆ แบบนี้คงได้เป็นลมแน่ เธอพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะสั่งให้คนขับรถไปส่งเขา ส่วนเธอก็เดินเข้าไปในบ้าน ทำไมบ้านมันถึงดูใหญ่โตจนรู้สึกกลัวแบบนี้ ความรู้สึกช่างต่างจากตอนที่ตัวเองอยู่ห้องของธีม
“คุณพรีมจะรับอาหารกลางวันเลยไหมคะ” แม่บ้านเดินมาถามเธอ
“ไม่ ฉันยังไม่หิว... แล้วมีใครอยู่บ้านหรือเปล่า”
“คุณผู้ชายอยู่ในห้องทำงานค่ะ”
คุณพ่อไม่ได้ออกไปข้างนอกสินะ
“รู้แล้ว เธอกลับไปทำงานของตัวเองเถอะ”
“ค่ะ” แม่บ้านบ้านรับคำเจ้านายแล้วเดินออกไป
พรีมเดินขึ้นไปบนชั้น 2 และไปหยุดยืนที่ตรงประตูห้องทำงานของพ่อ กำลังจะเคาะ แต่ก็ได้ยินเสียงพูดลอยมาก่อน
“ผมคิดถึงคุณกับลูกจะแย่”
ลูก !! พ่อเธอคงจะกำลังคุยกับผู้หญิงคนนั้นอยู่สินะ
“ผมอยากหย่าและไปหาคุณกับลูกมาก แต่ผมต้องเอาบริษัทที่ผมอุตส่าห์บริหารมาตั้งหลายปีคืน อีกไม่นานหรอกครับ ตอนนี้ผมกำลังกวาดซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นได้หลายคนแล้ว ถ้าตามคาด ผมคิดว่าจะได้หุ้นมากกว่าฝั่งของลูกสาวทางนี้รวมกันกับภรรยา... ไม่หรอก ก่อนที่คนพวกนี้จะรู้ แผนเราคงสำเร็จ ถ้าเป็นแบบนั้น ผมจะกลายเป็นผู้ถือหุ้นที่ใหญ่ที่สุดและมีสิทธิ์นั่งตำแหน่งประธานเหมือนเดิม”
นี่มันเรื่องบ้าอะไร คุณพ่ออยากได้บริษัทของคุณตาที่ตั้งใจยกให้เธอแต่แรกอย่างนั้นเหรอ คุณพ่อทำเรื่องแบบนี้ลับหลังเธอที่เป็นลูกสาวแท้ ๆ ท่านทำได้อย่างไร
“ที่จริง ถ้ายัยลูกสาวหน้าโง่ของผมมันปฏิเสธการรับสืบทอดตำแหน่งตั้งแต่แรก ผมคงไม่ต้องเหนื่อยขนาดนี้ ผมอุตส่าห์คิดไว้ว่าถ้ามันปฏิเสธ 1-2 ปีผมจะหย่ากับแม่มัน แล้วพาคุณกับลูกมาอยู่ด้วยกัน ฮ่า ๆ ใช่ ก็ต้องเป็นบ้านหลังนี้อยู่แล้ว ผมมีแผนที่จะทำให้เธอหย่าดี ๆ โดยที่ไม่ต้องพึ่งกฎหมาย แถมยังได้ทรัพย์สมบัติอีกด้วย”
พรีมกำมือแน่น หัวใจเต้นรัว เธอไม่คิดเลยว่าพ่อจะชั่วได้ขนาดนี้
“ผมก็ต้องรักคุณสิครับ คุณเป็นเมียของผมนี่ ถ้าไม่ติดว่าเธอรวย มีทรัพย์สินมากมาย ผมก็ไม่สนใจ... ฮ่า ๆ ผมแค่ได้แลกเปลี่ยนประโยชน์กับพ่อของเธอ ในเมื่อพวกเขาอยากได้ชื่อเสียงของผมในการทำธุรกิจผมก็ให้ แล้วทำไมไม่ตอบแทนผมบ้าง อะไรก็ยกให้แต่หลาน เด็กผู้หญิงอ่อนแอที่คอยแต่พึ่งอำนาจของตาแบบเธอจะทำอะไรได้”
นี่คือความคิดของพ่อที่มีต่อเธอเหรอ พูดเหมือนเธอเป็นลูกที่ท่านไม่ต้องการ แล้วตลอดเวลารอยยิ้มที่พ่อมอบให้มันคืออะไร ไม่รู้ว่าทำไมหัวใจของเธอมันถึงแบกรับอะไรไว้มากมายขนาดนี้
ปรี๊ดดดด !!!
เสียงบีบแตรรถลั่นถนน ตอนนี้ไฟจราจรบ่งบอกว่าเป็นไฟเขียวให้ออกรถได้ พรีมไม่รู้ว่าตัวเองขับรถมาถึงตรงนี้ได้อย่างไรด้วยซ้ำ พอหลังจากที่ได้สติ เธอก็ประคองรถคันหรูมาจอดด้านหน้าบริษัท เพราะสิ่งนี้เหรอ พ่อถึงได้เกลียดเธอ ที่นี่น่ะเหรอที่ทำให้เธอเสียชายที่รักไป เธอไม่อยากกลับบ้าน... ควรไปที่ไหนดี
พี่เอก...
แต่แล้วจิตใต้สำนึกของเธอกลับบอกว่าห้ามไป ถ้าไปแล้วเธอเจอเอกอยู่กับน้ำหนึ่ง เธอจะทำอย่างไร แต่จู่ ๆ ใบหน้าของคนที่ตัวเองแยกด้วยไม่ถึงชั่วโมงก็ลอยเข้ามา ถ้าไปตอนนี้ เขาจะยังต้อนรับเธออยู่หรือเปล่านะ แม้ในหัวจะคิดแบบนั้น แต่ร่างกายเธอกลับขยับแล้วบังคับรถให้ไปที่จุดหมาย