“เอ่อ ฉันหมายถึงเผื่อหิวอีกรอบค่ะ”
“รีบกินจะได้รีบกลับ ฉันต้องไปตรวจงานที่คาสิโนต่อ”
หญิงสาวในชุดราตรียักไหล่แล้วพยักหน้าอย่างไม่ทุกข์ร้อน ก่อนจะเริ่มหย่อนเนื้อชิ้นแรกลงในหม้อ ท่าทางเธอขะมักเขม้นและเพลิดเพลินกับอาหารตรงหน้าราวกับไม่มีมาเฟียหนุ่มผู้เย็นชานั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
เหมันต์ตั้งใจจะไม่แตะอาหารเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อกลิ่นน้ำซุปหอมลอยมาแตะจมูก และเห็นหญิงสาวตรงน่ากินอย่างเอร็ดอร่อย ดวงตาเป็นประกาย เขาก็อดไม่ได้ต้องหยิบตะเกียบขึ้นมา
ไม่นาน...อาหารบนโต๊ะก็หมดเกลี้ยง
ญาดาแอบคิดในใจขณะซับริมฝีปากว่ามาเฟียระดับเหมันต์นั่งกินชาบูข้างทางจนหมดคงจะติดใจแล้วล่ะมั้ง
ทว่าความอบอุ่นชั่วครู่กลับถูกทำลายลงทันที
เสียงแจ้งเตือนข้อความดังขึ้น ญาดาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ทันทีที่เห็นตัวอักษรที่ปรากฏก็ทำให้เธอตกใจจนแทบเก็บอาการไม่อยู่
เคน : [ให้เวลาคิดอีกหนึ่งคืน ถ้าไม่ยอมทำตาม...พ่อเธอตายแน่]
มือบางที่ถือโทรศัพท์สั่นเล็กน้อย ดวงตาเธอสั่นไหวอย่างชัดเจน เหมันต์เงยหน้ามองแล้วเอ่ยขึ้นทันที
“มีอะไร”
“ฉันรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อยค่ะ” ญาดารีบเก็บสีหน้าแล้วฝืนยิ้มเล็กน้อย มาเฟียหนุ่มไม่พูดอะไรต่อ เพียงขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินนำเธอออกจากร้าน
รถยนต์แล่นออกจากริมถนนเข้าสู่ตัวเมือง เสียงลมพัดเบา ๆ ผ่านกระจกหน้ารถ ญาดานั่งเงียบกริบ สีหน้าไม่ดีนัก มือสองข้างกุมหน้าท้องราวกับพยายามประคองความรู้สึกบางอย่างไว้
“จอดรถก่อนค่ะ!” เธอร้องบอกคนขับกะทันหัน รถ เสียงรถเบรกดังจนเหมันต์หันขวับไปมองด้วยความตกใจ
“อะไรของเธอ”
หญิงสาวไม่ตอบอะไร รีบเปิดประตูลงจากรถ ก่อนจะทรุดตัวลงที่ข้างทางและอาเจียนอย่างหมดสภาพ เหมันต์นั่งมองจากในรถ สีหน้าเย็นชาเหมือนเดิม แต่แล้วเขาก็ผลักประตูรถออกเดินตรงไปหาเธอพร้อมกับหยิบน้ำดื่มขวดหนึ่งยื่นให้เธอ
“รับไปสิ”
“ขอบคุณค่ะ ฉันขอโทษนะคะที่ทำให้คุณเสียเวลา ฉันคงอาหารเป็นพิษค่ะ” ยังไม่ทันขาดคำร่างบางของเธอก็เอนเข้าหาเขาอย่างกะทันหัน ดวงตากลมโตปิดสนิท เหมันต์ก้าวเข้ารับร่างเธอไว้ได้ทันอย่างเฉียดฉิว
“ญาดา....” เขาเรียกชื่อเธอหลายครั้ง แต่ไม่มีเสียงตอบกลับ
ลูกหนี้สาวหมดสติไปในอ้อมแขนของมาเฟียหนุ่ม...
เหมันต์อุ้มร่างเธอขึ้นรถโดยไม่พูดอะไร เขาสั่งให้คนขับพาไปคฤหาสน์ทันทีโดยไม่รีรอ
ระหว่างทางเหมันต์เหลือบมองหญิงสาวที่หมดสติอยู่ข้างเขาเป็นระยะ ในใจของเขาเริ่มมีคำถามที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ทำไมเขาต้องเป็นห่วงเธอด้วย...
เช้าวันถัดมาภายในห้องพักรับรองแขกขนาดเล็กแสงแดดอ่อนสาดส่องตกกระทบลงบนเปลือกตาของหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงนุ่ม ญาดาขยับเปลือกตาเล็กน้อยก่อนจะลืมตาขึ้น
ศีรษะของเธอยังคงหนักอึ้งก่อนจะเธอค่อย ๆ พยุงตัวเองขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง ชั่วขณะที่ความเงียบอบอวลในห้อง
หญิงสาวจ้องมองไปรอบกายและจำได้ว่าเป็นห้องพักของตัวเองซึ่งอยู่ภายในคฤหาสน์ของมาเฟียหนุ่มที่เธอจำต้องอาศัยอยู่ในฐานะลูกหนี้และเมียเก็บ
ไม่นานนักเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ป้าเอิงแม่บ้านที่คุ้นหน้าคุ้นตาเดินเข้ามาพร้อมถาดอาหารเช้าในมือ กลิ่นหอมของข้าวต้มกุ้งลอยฟุ้งไปทั่วห้อง
ป้าเอิงวางถาดอาหารลงบนโต๊ะข้างเตียงอย่างเบามือ ก่อนบอกว่าคุณเหมันต์ให้นำมาให้เธอและก็กำชับให้พักผ่อนจนกว่าจะรู้สึกดีขึ้น
เธอพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ พร้อมกล่าวคำขอบคุณด้วยเสียงแผ่วเบา
ณ วินาทีนั้นความรู้สึกบางอย่างก็ไหลเข้ามาในใจเธออย่างไม่ทันตั้งตัว
เขาเป็นห่วงเธอใช่ไหม..
เธอไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเอง
ญาดาพยายามสลัดความคิดนั้นออกจากหัวเพราะเหมันต์ไม่มีทางรักเธอได้หรอก เขาต้องแต่งงานกับคู่หมั้นในไม่ช้านี้
หญิงสาวถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนลุกไปนั่งข้าวต้มที่ป้าเอิงตั้งใจทำให้ ญาดารู้สึกว่ารสชาติอร่อยถูกปาก และน้ำซุปร้อน ๆ ช่วยบรรเทาความวิงเวียนในศีรษะได้บ้าง
แต่แล้ว...
ติง!
เสียงข้อความแจ้งเตือนดังขึ้นจากโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ปลายเตียง
ญาดาหยุดชะงัก เธอเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาช้า ๆ หน้าจอสว่างวาบแสดงข้อความจากเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกชื่อแต่เธอจำได้ขึ้นใจ…
คุณเคน!