ร่างสูงสมาร์ตในเสื้อสูทสีเข้มกางเกงขายาวเดินตรงเข้ามาในห้องพอดี มาเฟียหนุ่มชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นหญิงสาวนั่งอยู่บนโซฟา
“มีธุระสำคัญอะไร” เขาถามเสียงเรียบแววตาคมกริบจับจ้องเธอด้วยความสงสัย
“ฉัน...แค่มาขอบคุณคุณเรื่องเมื่อวานค่ะ ที่คุณช่วยฉันตอนหมดสติไป” ญาดาฝืนยิ้มเล็กน้อยทั้งที่ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป
แค่จะมองหน้าเขายังไม่กล้าเลยด้วยซ้ำ
“ไม่จำเป็น ฉันไม่ได้ต้องการคำขอบคุณจากใคร” เขาเบือนหน้าหนีและกล่าวต่ออย่างชัดถ้อยชัดคำ “ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ออกไปจากห้องฉันเพราะฉันไม่ชอบให้ใครเข้ามายุ่มย่ามในห้องทำงาน”
ญาดาพยักหน้าตอบรับ ในขณะที่เธอกำลังจะลุกขึ้นยืน แต่แล้วสายตาของเหมันต์ก็เหลือบไปเห็นหน้าจอโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะที่เพิ่งมีข้อความเข้ามา ดวงตาคมวาวของเขาไล่อ่านอย่างรวดเร็ว ก่อนใบหน้าจะเคร่งเครียดและบูดบึ้งในทันใด
โครม!
เสียงฝ่ามือตบลงบนโต๊ะอย่างแรงดังก้องทั่วห้องทำงาน
“เธอยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!” เขาตะคอกเสียงดังลั่นห้อง
“คะ...คุณเหมันต์” ญาดาสะดุ้งเฮือก ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจเหมันต์เดินเข้ามาใกล้พลางจ้องหน้าเธอเขม็ง
“รายชื่อลูกค้ารายใหญ่ของฉันหลุดไปถึงมือไอ้เคนเป็นฝีมือเธอใช่ไหม?”
ใบหน้าของญาดาซีดเผือด เธอหลบตาเขา พูดไม่ออกสักคำ
“ตอบมา! ใช่ไหม!”
ญาดาสูดหายใจเข้าลึกพยายามกลืนก้อนสะอื้นที่จุกอยู่ในลำคอ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ฉัน...ฉันจำเป็นค่ะ ถ้าฉันไม่ทำ พ่อฉันต้องถูกฆ่าตาย...”
“ฉันไม่สนว่าใครจะเป็นจะตาย! แต่เธอหักหลังฉัน…” ไม่ทันที่เธอจะพูดจบ เหมันต์ชักปืนพกจากเอวขึ้นมาชี้ตรงมาที่เธอทันที
หญิงสาวรู้ดีว่าตัวเองทำผิดมหันต์เธอคงไม่รอดจากลูกกระสุนของเขาอย่างแน่นอนจึงหลับตาลงน้อมรับชะตากรรมที่กำลังเกิดขึ้น
“ฉันขอโทษ...ฉันปล่อยให้พ่อตายไม่ได้”
“หึ! ขอโทษงั้นหรอมันสายไปแล้วญาดา” เขาพูดด้วยความผิดหวัง ในหัวเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่อาจหาคำตอบได้
เหมันต์คิดว่าที่ผ่านมาเขาใจดีกับเธอช่วยเรื่องเคลียร์หนี้สินจากเคนและยังให้เป็นเมียเก็บของเขาซึ่งผู้หญิงคนอื่นยังไม่ได้รับโอกาสแบบนี้จากเขาเสียด้วยซ้ำ
แต่สุดท้าย…เธอกลับทรยศหักหลังนำข้อมูลไปให้ข้างเคนซึ่งเป็นพี่ชายแท้ ๆ ที่ไม่ลงรอยกัน
มาเฟียหนุ่มวางปืนลงกับโต๊ะ และคว้าแขนของญาดาออกลากมาจากห้องทำงาน โดยบอดี้การ์ดหน้าห้องสบตากันเงียบ ๆ ด้วยความกังวล
ท่ามกลางสายฝนที่เริ่มโปรยปราย เหมันต์สั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
“มัดคนทรยศไว้กับต้นไม้ใหญ่…ปล่อยให้ตากฝนจนกว่าฉันจะสั่งให้หยุด”
“แต่คุณเหมันต์…” โจ บอดี้การ์ดคนสนิทลังเล
“ทำตามที่ฉันสั่ง!” เหมันต์ตวาดเสียงดังลั่น
ญาดาเองก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใดโชคดีแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ลั่นไกใส่เธอ การถูกลงโทษแค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำกับสิ่งที่เธอทำลงไป
สามชั่วโมงผ่านไป...
ภายในห้องทำงานของเหมันต์ เขานั่งจมอยู่กับแก้วแอลกอฮอล์ในมือ สายฝนเทกระหน่ำลงมาไม่หยุด เขาไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมหัวใจของเขาถึงรู้สึกเจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“กูเป็นอะไรวะ แค่ผู้หญิงคนเดียวทำไมแม่งต้องรู้สึกอะไรขนาดนี้” เขากระซิบกับตัวเองเบา ๆ น้ำเสียงระคนความเจ็บปวด
ไม่นานนักโจก็เคาะประตูห้องเพื่อขอพบเจ้านายตัวเอง
“คุณเหมันต์ครับ”
“มีอะไร”
“ญาดาหมดสติไปแล้วครับ”
มาเฟียหนุ่มนิ่งไปครู่หนึ่ง ใบหน้าเรียบเฉยกลับกลายเป็นแข็งกร้าว เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง คว้าร่มจากบอดี้การ์ดที่ยื่นให้ แล้วก้าวลงบันไดอย่างรวดเร็ว
สายฝนยังคงกระหน่ำลงมาไม่มีท่าทีว่าจะหยุด เมื่อมาถึงสวนด้านหลัง เหมันต์เห็นร่างของหญิงสาวที่เคยสดใส ตอนนี้กลับซีดเผือดไร้สีเลือด ร่างบางเปียกโชกและเอนพิงต้นไม้อย่างหมดเรี่ยวแรง
เหมันต์มองเธอครู่หนึ่ง หัวใจของเขาสั่นไหวโดยไม่รู้ตัว
“แก้มัดเธอออก...” เขาออกคำสั่งกับลูกน้อง
ซึ่งหนึ่งในบอดี้การ์ดที่คุ้นเคยกับญาดารีบเข้ามาคลายเชือก เหมันต์เดินออกจากร่มที่ลูกน้องกางไว้ให้ เข้าไปรับร่างของเธอไว้แนบอกโดยไม่กลัวเปียก เขาอุ้มเธอขึ้นอย่างระมัดระวังราวกับกลัวว่าหากปล่อยไว้นานกว่านี้เธอจะเป็นอะไรไป
ภายในห้องพักรับรองขนาดเล็ก
ใบหน้าของเหมันต์ยังคงฉายแววโกรธจัดอยู่ แต่ลึกลงไปในนั้นกลับเต็มไปด้วยความห่วงใยที่เขาไม่อาจปฏิเสธได้
ร่างบางของญาดานอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงสีขาว ริมฝีปากซีดจาง ดวงหน้าอ่อนล้าไร้สีเลือดเขาจึงเรียกให้แพทย์ประจำคฤหาสน์มาตรวจร่างกาย
เวลาไม่กี่นาทีผ่านไปคุณหมอก็ลุกมาคุยกับเหมันต์พร้อมสีหน้าประหลาดใจ
“คุณเหมันต์ครับ...” แพทย์เอ่ยเสียงเรียบ “คนไข้กำลังตั้งครรภ์ได้เจ็ดสัปดาห์ครับ...”