บทนำ
บทนำ
เสียงร้องไห้ของทารกน้อยวัยสามเดือนดังขึ้นลั่นบ้าน ขณะที่ณิชากำลังแต่งตัวหลังจากอาบน้ำเสร็จ หญิงสาวในชุดอยู่บ้านง่าย ๆ เสื้อยืดตัวบางกับกางเกงผ้าขาสั้นประมาณหัวเข่ารีบใช้ผ้าขนหนูซับผมที่เพิ่งสระมาแบบลวก ๆ พอให้แห้งหมาด ก่อนจะโยนมันลงตะกร้าผ้าที่ใช้แล้ว จากนั้นก็รีบสาวเท้าลงไปยังชั้นล่างทั้งที่ผมยังไม่แห้งดี
“ตื่นมาก็ร้องเลยค่ะ พี่เปลี่ยนผ้าอ้อมแล้วก็ยังไม่หยุดร้อง สงสัยจะหิวนม” ดวงใจซึ่งเป็นแม่บ้านพ่วงตำแหน่งพี่เลี้ยงเด็กรีบบอกเมื่อเห็นแม่ของเด็กเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นที่กลายเป็นห้องเลี้ยงเด็กขนาดย่อม ๆ ไปแล้ว
ณิชาเดินเข้าไปรับเด็กหญิงณิศราหรือหนูณิจากดวงใจมาอุ้มไว้เอง ครั้นเห็นใบหน้าเล็กที่แดงก่ำกับเสียงร้องไห้ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงง่าย ๆ คนเป็นแม่ก็รู้สึกเหมือนใจจะขาดแทนลูก
“หนูหิวนมเหรอคะ หม่ำ ๆ เนอะ เดี๋ยวแม่ให้หม่ำ ๆ” หญิงสาวโยกทารกน้อยในอ้อมแขนเบา ๆ อย่างทะนุถนอม พร้อมเดินไปนั่งบนโซฟา
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปในครัวนะคะ”
ณิชาพยักหน้า ดวงใจจึงปลีกตัวไปจัดการงานในครัวทันที ปล่อยให้คุณแม่ยังสาวได้ให้นมลูกน้อยได้สะดวก ๆ
เมื่อแม่บ้านวัยกลางคนเดินออกไปแล้ว หญิงสาวก็ดึงชายเสื้อยืดของตัวเองขึ้น ใช้สำลีชุบน้ำที่วางอยู่ไม่ไกลเช็ดทำความสะอาดจุกสีหวาน ก่อนจะค่อย ๆ ประคองป้อนเข้าปากเล็กที่ยังส่งเสียงร้องไม่หยุด คราแรกหนูน้อยหันหน้าหลบ ทว่าเมื่อได้สัมผัสรสชาติหรือกลิ่นที่คุ้นเคยเด็กหญิงณิศราก็งับเต้าผู้เป็นแม่และดูดแรง ๆ อย่างหิวโหย
เสียงร้องไห้สงบลงแล้ว ทารกน้อยวางมือข้างหนึ่งบนเต้าคัดตึงของหญิงสาว ปากเล็กดูดดึงสลับกับใงือกขบเบา ๆ ที่ยอดถันพอให้มารดาได้รู้สึกจั๊กจี้
ณิชาพิศมองใบหน้าเล็กของลูกสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ พลางใช้ข้อนิ้วชี้เกลี่ยเบา ๆ บนแก้มนุ่ม ก่อนจะผลิยิ้มออกมาเมื่อเห็นดวงตากลมแป๋วไร้เดียงสากับแก้มซาลาเปาที่พองเข้าพองออกตามจังหวะการดูดน้ำนม
ผ่านไปประมาณห้านาที หนูน้อยที่กินนมอิ่มแล้วก็คายจุกสีหวานแล้วหันหน้าหนี ณิชายิ้มเอ็นดูก่อนจะก้มจูบกระหม่อมเล็กอย่างทะนุถนอม จากนั้นก็อุ้มแกขึ้นพาดบ่า ใช้มือประคองคอและตบหลังเบา ๆ เพื่อให้เรอออกมาหลังกินนมอิ่ม
“คุณชาคะ วันนี้คุณวินทร์จะกลับมาทานข้าวที่บ้านไหมคะ” หลังจากหายไปอยู่ในครัวได้สักพัก ดวงใจเดินเข้ามาถามถึงเจ้านายอีกคนที่ออกไปทำงานตั้งแต่เช้า
คนถูกถามเงยหน้าจากลูกที่นอนอยู่บนเบาะขึ้นไปส่งยิ้มให้ ก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ “ไม่รู้เลยค่ะ แต่พี่ใจทำเผื่อไว้เลยก็ได้นะคะ”
“อ๋อ ได้ค่ะ วันนี้เป็นแกงเขียวหวานกับทอดปลาสลิดนะคะ”
“เปลี่ยนเมนูได้ไหมคะพี่ใจ พอจะทำแกงจืดกับผัดผักน้ำมันมะกอกแทนได้ไหม แต่ถ้าไม่มีวัตถุดิบก็ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวเอ่ยขอและบอกเมนูที่ต้องการไปอย่างเกรงใจ อันที่จริงเธอไม่ได้มีปัญหาเรื่องอาหารการกินหรอก เพียงแต่ว่า ‘วินทร์’ ผู้ซึ่งเป็นสามีตามกฎหมายของเธอนั้นค่อนข้างเลือกกิน เขาไม่ค่อยกินของทอด ของมัน และของหวาน เขาจะเน้นโปรตีนที่ให้พลังงานหนัก ๆ และไม่สร้างไขมันมากกว่า
“ทำได้ค่ะ แต่วันก่อนนู้นพี่ได้ยินคุณชาบ่นว่าอยากกินแกงเขียวหวานพี่ก็เลยว่าจะทำวันนี้ อีกอย่างก็ไม่แน่ใจว่าคุณวินทร์จะกลับมาทานข้าวที่บ้านหรือเปล่า”
ณิชาได้แต่ส่งยิ้มแห้ง ๆ ไปให้ ด้วยเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวันนี้เขาจะกลับมากินที่บ้านหรือจะเรียบร้อยจากข้างนอกมาแล้ว “เผื่อไว้ก่อนดีกว่าค่ะ ส่วนแกงเขียวหวานไว้เราค่อยทำกินด้วยกันตอนเที่ยงพรุ่งนี้ก็ได้ค่ะ”
“โอเคค่ะ งั้นพี่ไปทำต่อแล้วนะคะ เดี๋ยวจะค่ำก่อน” ครั้นเห็นว่าเป็นเวลาห้าโมงกว่า ใกล้จะถึงเวลาเลิกงานของตนแล้ว แม่บ้านวัยกลางคนก็รีบเดินกลับเข้าไปในครัวอีกครั้งเพื่อทำหน้าที่สุดท้ายของวันนี้ให้แล้วเสร็จ ผ่านไปประมาณสามสิบนาทีก็เดินกลับมาที่ห้องนั่งเล่นอีกครั้ง พร้อมกับกระเป๋าผ้าสะพายไว้ที่หัวไหล่
“พี่ทำเสร็จแล้วนะคะ เอาฝาชีครอบไว้ที่โต๊ะกินข้าว ถ้าคุณชายังไม่กินตอนนี้ก็ค่อยเอาออกมาอุ่นทีหลังได้ค่ะ พี่กลับบ้านก่อนนะคะ”
“ค่ะ ขอบคุณพี่ใจมากเลยนะคะ ส่วนเงินเดือนเดือนนี้ของพี่ใจ เดี๋ยวชาบอกพี่วินทร์โอนเข้าบัญชีให้ค่ะ” หญิงสาวบอกลูกจ้างอย่างเช่นทุกเดือนเมื่อใกล้ถึงวันจ่ายเงิน เพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกสบายใจว่านายจ้างไม่ได้ลืมค่าจ้างของตน
“ขอบคุณค่ะ...เอ่อ...” ดวงใจยกมือไหว้ขอบคุณก่อนจะค่อย ๆ ลดมือลงมากำสายกระเป๋า สายตาล่อกแล่ก ท่าทางลุกลี้ลุกลนคล้ายมีเรื่องอยากจะพูด เป็นณิชาที่สังเกตท่าทางนั้นได้แล้วเอ่ยถามออกไป
“พี่ใจมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“เอ่อคือ...คุณชาคะ”
“คะ ?” หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นอย่างรอว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร แล้วก้มมองลูกน้อยที่นอนตีแขนตีขาไปมากลางอากาศอย่างอารมณ์ดีหลังจากกินนมอิ่ม ครั้นเห็นไม่มีอะไรผิดปกติจึงเงยหน้าขึ้นไปสนใจแม่บ้านวัยกลางคนอีกครั้ง “ว่าไงคะพี่ใจ”
“มะ...ไม่มีอะไรค่ะ พี่ว่าพี่รีบกลับบ้านก่อนดีกว่า พี่ไปนะคะ” บอกจบดวงใจก็รีบหมุนตัวออกไปทันที ทิ้งให้นายจ้างสาวมองตามด้วยสีหน้าฉงนอย่างไม่เข้าใจท่าทางอีกฝ่ายสักเท่าไร ทว่าก็ไม่มีเวลาให้คิดนาน เพราะวินาทีถัดมาก็ต้องหันกลับมาสนใจทารกน้อยที่ส่งเสียงเรียกร้องความสนใจจากผู้เป็นแม่
วินทร์กลับมาถึงบ้านในเวลาสามทุ่มครึ่ง ชายหนุ่มเดินขึ้นไปยังชั้นสอง สืบเท้าตรงไปยังห้องนอนใหญ่ที่กินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของชั้น เคาะประตูส่งสัญญาณให้คนที่อยู่ข้างในรับรู้ ก่อนจะเปิดเข้าไปทันทีโดยไม่รอให้ใครอนุญาต
“อุ๊ย! พี่วินทร์” ณิชาที่นั่งกำลังปั๊มน้ำนมอยู่ตาโตขึ้นด้วยความตกใจ รีบหมุนตัวหันหลังเมื่อประตูห้องถูกเปิดเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว ใบหน้าสวยร้อนผ่าวด้วยคิดว่าเขาอาจจะเห็นหน้าอกที่เปิดเปลือยเมื่อสักครู่
“โทษที ฉันแค่เข้ามาดูลูก” คนที่เข้ามาใหม่เอ่ยเสียงเรียบ แล้วสาวเท้าเดินเข้าไปหาหนูน้อยที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง
หญิงสาวเก็บอุปกรณ์ปั๊มนม ดึงเสื้อลงมาปิดเต้าอวบ แล้วหันกลับมามองชายหนุ่มที่กำลังโน้มตัวจูบหน้าผากลูกสาวอย่างอ่อนโยน ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความปริ่มใจเมื่อเห็นเขาแสดงความรักกับลูก
“ทานข้าวมาหรือยังคะ” หญิงสาวถามอย่างเช่นทุกวัน ครั้นได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ไม่ใช่น้ำยาปรับผ้านุ่มจากตัวเขาเธอก็หลุบตาลง ใบหน้าสวยหวานหมองเศร้าด้วยคิดว่าเขาไปกับใครก่อนจะกลับบ้าน และเขาคงกินข้าวจากข้างนอกมาเรียบร้อยแล้ว
“ฉันกินมาแล้ว” วินทร์ตอบโดยไม่มองหน้าคนที่เป็นแม่ของลูกและภรรยาตามกฎหมายของตน ชายหนุ่มก้มมองลูกน้อยที่นอนหลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราว ใช้ข้อนิ้วเกลี่ยเบา ๆ บนแก้มนุ่ม ก่อนจะก้มลงจูบแก้มเล็กเบา ๆ แล้วหยัดตัวยืนขึ้นเต็มความสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตร “ฉันจะกลับห้องแล้ว เธอปั๊มนมตามสบายเถอะ”
ณิชามองตามหลังคนที่เดินออกไปด้วยแววตาเศร้าลึก ความเย็นชาที่แผ่ออกมาจากตัวเขาทำให้เธอรู้สึกเหน็บหนาวไปถึงขั้วหัวใจ อีกทั้งยังรู้สึกผิดที่มีส่วนทำให้เขาต้องมาตกอยู่ในสถานะสามีและพ่อของลูกโดยที่เขาไม่ได้เต็มใจ
จนถึงวันนี้ก็เป็นเวลาเกือบหนึ่งปีแล้วที่เธอกับเขาแต่งงานและย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ด้วยกัน ทว่าเธอรู้ดีว่าที่เขายอมอยู่ตรงนี้ก็เพราะลูก
...ลูกที่เกิดมาด้วยความไม่ตั้งใจ
และที่สำคัญเขาไม่ได้รักเธอ มีเพียงแค่เธอเท่านั้นที่รักเขาอยู่ฝ่ายเดียว สาเหตุที่ต้องแต่งงานกันเพราะว่าเขาต้องรับผิดชอบอีกหนึ่งชีวิตน้อย ๆ ที่พลาดเกิดมาเท่านั้น…