ความเย็นชา

1704 คำ
บทที่ 1 ความเย็นชา วันต่อมาเด็กหญิงณิศราส่งเสียงปลุกผู้เป็นแม่ตั้งแต่เช้าตรู่ ณิชาจึงจัดการเปลี่ยนผ้าอ้อม ป้อนนม แล้วพาลงมานอนเล่นรับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าที่เฉลียงหน้าบ้านเพื่อให้ลูกรู้สึกสดชื่น หนูน้อยนอนชูแขนชูขาอยู่บนเปลโยก พลางส่งเสียงตอบรับอย่างร่าเริงเมื่อเห็นมารดาส่งเสียงและทำสีหน้าหยอกล้อ “แอ้ แอ้” คุณแม่ยังสาวก้มลงไปฟัดพุงเล็ก ๆ ของลูกที่ยิ้มโชว์เหงือกด้วยความมันเขี้ยว พร้อมดัดเสียงเล็กเสียงน้อยพูดคุยกับทารกตัวน้อยที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอย่างอารมณ์ดี กระทั่งเข็มสั้นของนาฬิกาชี้ไปที่เลขแปด กอปรกับแสงแดดเริ่มแรงขึ้นเรื่อย ๆ ณิชาจึงอุ้มลูกน้อยเข้ามาข้างใน เป็นจังหวะเดียวกับพ่อของลูกที่เดินลงบันไดมาพอดี หญิงสาวขมวดคิ้วมองชายหนุ่มในชุดเสื้อคอโปโล กางเกงผ้าขาสั้นอยู่บ้านสบาย ๆ ด้วยความสงสัย ก่อนจะเหลือบไปมองนาฬิกาที่ติดอยู่บนฝาผนังอีกครั้ง ครั้นเห็นว่าเป็นเวลาแปดโมงกว่าแล้ว มิหนำซ้ำยังไม่ใช่วันเสาร์หรือวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุดของบริษัท เธอจึงหันกลับมาถามเขา “วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอคะ” “หยุด” คนเป็นสามีตอบเพียงแค่นั้น สายตามองลูกน้อยที่หญิงสาวอุ้มแวบหนึ่ง ก่อนจะเดินเลี่ยงเข้าไปชงกาแฟที่เคาน์เตอร์ในครัว โดยไม่เห็นว่าแววตาที่มองตามแผ่นหลังเขาไปนั้นมันหม่นเศร้ามากแค่ไหนกับความเย็นชาที่เขามอบให้ ทั้งที่เมื่อก่อนเขาไม่ใช่คนอย่างนี้เลย... อันที่จริงผู้บริหารอย่างวินทร์ทำงานไม่มีวันหยุด เพราะต้องเข้าไปเคลียร์งานที่บริษัททุกวัน มีบ่อยครั้งที่ต้องออกต่างจังหวัด ไปคุยงานหรือดีลงานกับลูกค้าที่ต้องการมาเป็นพาร์ตเนอร์ธุรกิจค้าปลีกของเขา ทว่าตั้งแต่กลายเป็นคุณพ่อลูกอ่อน เสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ที่ไม่ค่อยมีงานเยอะและบริษัทอื่น ๆ ก็หยุดกันทั่วประเทศเช่นนี้ ชายหนุ่มก็มักจะหอบกลับมาทำที่บ้าน เพื่อที่จะมีเวลาอยู่กับลูกน้อยให้ได้มากที่สุด ถึงแม้ณิศราจะเกิดมาด้วยความไม่ตั้งใจ แต่เขาก็รักหนูน้อยที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตนสุดหัวใจ ครั้นชงกาแฟเสร็จ วินทร์ก็ถือถ้วยกาแฟมาวางไว้บนโต๊ะรับประทานอาหาร สายตาคมกวาดมองไปรอบ ๆ บ้าน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยเมื่อไม่เห็นแม่บ้านวัยกลางคนที่ควรจะมาทำงานตั้งนานแล้ว “ทำไมพี่ใจยังไม่มาทำงาน” ชายหนุ่มเดินออกมาถามภรรยาที่เล่นกับลูกอยู่ในห้องนั่งเล่น สิ้นคำถามของวินทร์ ณิชาที่ยุ่งวุ่นวายกับลูกน้อยมาตั้งแต่เช้าก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้เดี๋ยวนั้นเองว่าวันนี้ดวงใจยังไม่มาทำงาน ใบหน้างามฉายแววความฉงน เพราะเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมวันนี้แม่บ้านวัยกลางคนถึงมาทำงานสาย ทั้งที่ปกติมักจะมาก่อนเวลาทุกวัน “ไม่รู้ค่ะ” เธอส่ายหน้าตอบ ก่อนจะคลำมือหาโทรศัพท์มือถือตามกระเป๋ากางเกง ทว่ามันกลับไม่มีเพราะเธอไม่ได้ถือมันลงมาจากห้องนอนด้วย “พี่วินทร์ ชาฝากหนูณิแป๊บนึงนะคะ ชาจะขึ้นไปหยิบมือถือข้างบน” ชายหนุ่มพนักหน้า ณิชาจึงรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งขึ้นไปยังห้องนอน หยิบสมาร์ตโฟนที่วางไว้บนหัวเตียงขึ้นมาดู ครั้นเห็นว่ามีสายที่ไม่ได้รับจากดวงใจเกือบสิบสาย หญิงสาวก็รีบโทร. กลับทันที ด้วยกลัวจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกจ้าง และรอไม่นานปลายสายก็กดรับ [ฮัลโหลค่ะคุณชา] “ฮัลโหลค่ะพี่ใจ เมื่อเช้าชายุ่ง ๆ กับหนูณิ เพิ่งเห็นว่าพี่ใจโทร. มาหลายสายเลย มีอะไรหรือเปล่าคะ” เจ้านายสาวถามด้วยความเป็นห่วง [เอ่อ...พอดีพี่มาทำธุระที่ธนาคารน่ะค่ะ พี่เลยจะโทร. ไปบอกว่าขอเข้างานสายนิดหน่อย แต่คุณชาก็ไม่รับสาย] “ขอโทษค่ะ วันนี้หนูณิตื่นเช้า ชาเลยพาลงไปข้างล่างเร็ว แล้วลืมหยิบมือถือลงไปด้วย” ณิชาอธิบายด้วยความรู้สึกผิด ก่อนจะถามต่อ “แล้วธุระพี่ใจจะเสร็จประมาณกี่โมงคะ” [น่าจะประมาณเก้าโมงหรือไม่ก็สิบโมงค่ะ เอ่อ...คุณชาคะ คือว่า...] ดวงใจพูดด้วยน้ำเสียงอึกอัก แล้วก็เงียบไป ทำให้คนที่ถือสายรอย่นคิ้วด้วยความสงสัย ครั้นเมื่อนึกถึงสายตาล่อกแล่กและท่าทางลุกลี้ลุกลนของดวงใจเมื่อวานนี้ เจ้านายสาวก็เริ่มรู้สึกแปลกใจ คิดว่าอีกฝ่ายต้องกำลังมีเรื่องเดือดร้อนแน่ ๆ “พี่ใจมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า คุยกับชาได้นะคะ” เธอบอกอย่างใจกว้าง ด้วยคิดว่าดวงใจก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล รู้จักกันมาหลายเดือน ก็เห็นว่าไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร อีกทั้งยังช่วยเหลือและแนะนำการเลี้ยงลูกให้เธออีกมากมาย [คะ...คือพี่อยากจะขอรบกวนยืมเงินคุณชาหน่อยได้ไหมคะ] ดวงใจเอ่ยน้ำเสียงติด ๆ ขัด ๆ ด้วยรู้ว่าการกู้ยืมเงินคนอื่นไม่ใช่เรื่องที่ควรกระทำสักเท่าไร ยิ่งคนคนนั้นเป็นเจ้านายก็ยิ่งไม่ควร แต่ในเมื่อมันอับจนหนทางไม่รู้จะไปหาเงินจากที่ใดให้ได้รวดเร็ว จึงจำเป็นต้องหยิบยืมคนใกล้ตัว “ยืมเท่าไหร่คะ” หญิงสาวถามกลับ หากจำนวนเงินมันไม่มาก เธอก็พอจะมีหยิบยื่นให้ได้บ้าง [สะ...สองแสนค่ะ] คนฟังเบิกตากว้างกับเงินจำนวนนั้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนเงินสองแสนมันไม่ได้มากเลยสำหรับณิชา แต่ตอนนี้มันกลับไม่ใช่อย่างนั้นเพราะสถานะทางการเงินของเธอได้เปลี่ยนไปแล้ว และพอเห็นว่าเจ้านายสาวเงียบไป ดวงใจจึงรีบพูดขึ้นอีกครั้ง [ถ้าคุณชาไม่ไว้ใจพี่ คุณชาจะทำสัญญาและหักจากเงินเดือนพี่ทุกเดือนก็ได้นะคะ แต่พี่สัญญาว่าพี่ไม่หนีแน่นอน] “ชาไม่ได้กลัวพี่ใจหนี แต่ชาถามได้ไหมคะ ว่าเกิดอะไรขึ้น” หญิงสาวถามถึงสาเหตุที่ทำให้แม่บ้านวัยกลางคนซึ่งเป็นคนประหยัดและมัธยัสถ์ต้องมายืมเงินจำนวนมากขนาดนี้ [คือเมื่อเดือนก่อนสามีพี่อยากได้เงินไปลงทุนขายอาหารเกาหลีกับเพื่อนเขาที่ต่างจังหวัด เขาก็อธิบายให้พี่ฟังว่ามีมันเป็นยังไง ทำยังไงบ้าง พี่ก็ไม่รู้เรื่องอะไรเท่าไหร่หรอกค่ะ แต่ฟังดูแล้วคิดว่ามันน่าสนใจ เขาก็บอกพี่ว่ามันน่าลงทุนมาก ถ้าทำแล้วไปได้ดีเราก็จะมีเงินไปสร้างบ้าน ไม่ต้องมาจ่ายค่าเช่าอย่างทุกวันนี้] ดวงใจเล่าด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด ส่วนณิชาก็ตั้งใจฟังเป็นอย่างดี [แต่ประเด็นคือมันต้องใช้เงินลงทุน ซึ่งตอนนั้นพี่กับสามีมีเงินเก็บกันคนละไม่เท่าไหร่ รวมกันแล้วไม่ถึงแสนด้วยซ้ำ จะไปกู้ธนาคารก็ไม่มีอะไรไปค้ำประกัน พี่ก็เลยตัดสินใจไปกู้นอกระบบมา] “แล้วธุรกิจที่ไปทำเป็นยังไงบ้างคะ” หญิงสาวถามด้วยหวังว่าคำตอบจะไม่เป็นอย่างที่ตนคิด หากแล้วเสียงถอนหายใจที่ดังมาจากปลายสายก็ทำเอาความหวังของเธอมอดดับลง [เฮ้อ... เจอพิษเศรษฐกิจเข้าไป เปิดร้านไม่ถึงสิบวันก็ถูกสั่งปิดตามมาตรการป้องกันของรัฐบาล ทีนี้ร้านก็ไม่มีเงินหมุนเวียน เลยเจ้งไม่เป็นท่าเลยค่ะ] ณิชาเข้าใจดีเมื่อได้ฟังเหตุผล และเธอก็อยากช่วยเพราะรู้สึกเห็นใจและสงสาร แต่เธอก็คิดหนักด้วยเงินที่มีในบัญชีนั้นเหลือไม่มากเท่าไร หญิงสาวยกมือขึ้นมาเกาหางคิ้ว ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่นอย่างคิดหนัก หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงไม่ลังเล แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป เธอไม่ได้ร่ำรวยอย่างตอนนั้นแล้ว จริงอยู่ที่วินทร์ซึ่งเป็นสามีของเธอนั้นรวยมาก เขาเป็นทายาทบริษัทค้าปลีกใหญ่โตและมีเงินทองเหลือใช้มากมาย แต่นั่นก็เป็นเงินของเขา ถึงแม้เธอจะแต่งงาน มีลูกและจดทะเบียนสมรสกับเขาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หากเธอก็รู้ดีแก่ใจว่าตนเองนั้นเป็นคนอื่นสำหรับเขา [พี่ขอโทษจริง ๆ ค่ะที่ต้องรบกวน แต่พี่ก็ไม่รู้จะพึ่งใครแล้ว ตอนนี้พี่โดนพวกเจ้าหนี้ตามทวงถึงหน้าบ้านทุกวันเลย ยายเจี๊ยบลูกพี่ก็กลัวจนไม่กล้าไปโรงเรียน วันนี้พี่ก็เลยต้องไปส่ง แล้วจะไปถอนเงินที่เหลืออยู่ในธนาคารมาจ่ายดอกพวกมันก่อน] ได้ยินแบบนั้นณิชาก็ใจหล่นวูบ เพราะกลัวสองแม่ลูกจะได้รับอันตรายหากไม่มีเงินไปจ่ายหนี้ “ได้ค่ะพี่ใจ เดี๋ยวอีกสักครู่ชาจะโอนเงินไปให้ สองแสนถ้วนนะคะ” หญิงสาวถามย้ำถึงจำนวนเงินให้แน่ใจ ก่อนจะวางสายไปเมื่อได้รับการยืนยันที่แน่ชัดมาแล้ว “มีอะไร” ณิชาสะดุ้งนิด ๆ ด้วยความตกใจที่เขามาไม่ให้ซุ่มให้เสียง ก่อนจะรีบหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังอุ้มลูกน้อยแนบอก ก่อนหน้านี้วินทร์ตั้งใจจะเดินขึ้นมาหยิบของ แต่ในจังหวะที่ก้าวพ้นบันไดขั้นสุดท้าย และกำลังจะเดินแยกไปทางฝั่งห้องนอนของตนเอง เขาก็บังเอิญได้ยินน้ำเสียงเคร่งเครียดของหญิงสาว จึงตัดสินใจเดินมาฝั่งห้องนอนใหญ่ด้วยความสงสัย ยืนอยู่หน้าประตูครู่หนึ่ง ก็ได้ยินประโยคสุดท้ายที่เธอพูดกับปลายสายพอดี “พี่วินทร์...”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม