"หม่อนไม่รู้ว่าพี่รู้ตัวมั้ย แต่หม่อนอยากจะบอกว่าพี่เรนไม่ได้รักหม่อนหรอกค่ะ พี่อาจจะเอ็นดูหม่อน เพราะหม่อนมีอะไรบางอย่างที่คล้ายกับเธอคนนั้น แต่คนที่พี่รักจริงๆ ก็คือเธอ หม่อนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกพี่ แต่หม่อนอยากให้พี่ยอมรับหัวใจตัวเอง แล้วพี่จะมีความสุข”
ตอนนั้นเขาได้แต่เม้มปากที่ณหัยพูดแทงใจกันทุกคำ นเรนทร์ไม่รู้ว่าทำไมณหทัยถึงรู้ เธอพูดเหมือนเข้ามานั่งอยู่ในใจเขา บางทีอาจจะเป็นอย่างที่เธอบอกว่าเขากำลังมองเธอเป็นใครอีกคน คนที่เป็นรักแรกของเขา คนที่เขาฝันจะจับมือเดินไปด้วยกันจนสุดทาง แต่ทุกอย่างไม่เป็นดังฝัน เราสองต้องแยกจากเดินไปคนละเส้นทาง
ตอนที่เขา ‘อกหัก’ ความผิดหวังเสียใจถาโถมทำให้เขาพยายามไขว่คว้าหาใครสักคนมาเป็นตัวแทน แล้วเขาก็พบกับณหทัย ยิ่งได้พูดคุยทำความรู้จักก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คล้ายกับภัคพิงค์มาก ไม่ใช่รูปร่างหน้าตา แต่เป็นเข้มแข็งสู้ยิบตาไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆ ที่ทัชหัวใจเขา เขาเลยทั้งรักและเอ็นดูณหทัย ทุ่มเทและคอยช่วยเหลือเธอทุกอย่าง ทดแทนคนที่เขาไม่อาจทำได้ จะว่าไปก็คล้ายๆ กับว่าเขาทำเพราะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของตนมากกว่า
กระทั่งโลกหมุนให้เขามาเจอคนในใจอีกครั้ง ได้แต่งงานกับเธอ แต่ก็มาพร้อมกับความบาดหมางที่ต่างฝ่ายต่างก็สร้างความเจ็บปวดให้แก่กันและกัน เขาไม่ใส่ใจเธอ ส่วนเธอก็ทำตัวเป็นดอกกุหลาบที่มีหนามแหลมคมเกี่ยวหัวใจเขา ทิ้งร่องรอยที่ไม่เคยจางเอาไว้
เขาไม่มีวิธีลบมันและไม่รู้จะลบลืมอย่างไรด้วย!
จะเลือกมองข้ามแล้วเริ่มต้นใหม่กับภัคพิงค์ แต่ก็ยังคงแคลงใจในการแต่งงานของเรา ไม่รู้ว่าเธอรักเขาหรือผลประโยชน์เงินทองที่ครอบครัวเขามอบให้กันแน่
เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแค่ ‘บันได’ ให้เธอเหยียบขึ้นไปสู่ความสำเร็จเท่านั้น แล้วไหนจะยังมีเรื่องที่เขาปล่อยวางไม่ได้อีกล่ะ
เรื่องที่ว่า...ผู้ชายคนแรกที่เธอไม่เคยเอ่ยถึงคือใคร?
ใช่ว่าเขาเป็นพวกใจแคบที่จะถือสาหรือติดใจกับความบริสุทธิ์ของผู้หญิงหรอกนะ เขาไม่เคยสนใจมันเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะตัวเขาเองก็ไม่ได้ดีเด่มาจากไหน หัวหกก้นขวิดกับสาวๆ มาแล้วนับไม่ถ้วน มันคงจะดีถ้าภัคพิงค์เลือกที่จะเปิดอกคุยกันตรงๆ มากกว่าปิดบัง แล้วตีหน้าซื่อมาแต่งงานกับเขา ทำเหมือนเขาเป็นคนโง่ หลอกใช้ผลประโยชน์จากเขา เธอไม่เพียงหลอกลวงทำร้ายความรู้สึกของเขา แต่กำลังเหยียบย่ำทำลายภาพฝันการแต่งงานของเราด้วย
นั่นละ...สิ่งที่ทำให้เขารับไม่ได้!
ความคิดนี้เฝ้าวนเวียนอยู่ในหัวตั้งแต่ก่อนแต่งงานจนถึงตอนนี้ ทำให้เขาชะงักย่ำอยู่กับที่ ติดแหง็กกับความสับสน...
จะกลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไม่กล้าพอ
นเรนทร์เอื้อมมือไปหยิบเศษข้าวที่ติดใบหูออกแล้วทัดผมให้ภรรยา สายตาที่มองเธอมีแววค้นหาแล้วค่อยๆ กลายเป็นความลึกซึ้ง เมื่อภัคพิงค์เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา ดวงตาคู่หวานที่เขาหลงใหลเบิกโตอย่างประหลาดใจไม่หยุดหย่อน เธอเบนสายตาหนี เอ่ยน้ำเสียงลุกลนนิดๆ ว่า
“ฉันอิ่มแล้ว ขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ” ภัคพิงค์ลุกพรวดจากเก้าอี้โดยไม่รอคำเขา เธอไม่รู้ว่านเรนทร์เป็นอะไร แต่สิ่งที่เขาทำเมื่อครู่สร้างแรงกระเพื่อมอันอบอุ่นคล้ายสายลมในฤดูใบไม้ผลิในใจเธอ พานพาให้คนรังแต่จะอ่อนไหวจนอ่อนแอ
“ผมเองก็มีประชุมตอนสายที่โรงพยาบาลเหมือนกัน เราไปพร้อมกันเลย”
ภัคพิงค์ชะงัก ก้มมองข้อมือที่ถูกเขารั้งเอาไว้อย่างเป็นธรรมชาติ พูดเหมือนเป็นเรื่องปกติทุกวัน แต่มันไม่ปกติสำหรับเธอเลยสักนิด เพราะตลอดสี่ปีที่ผ่านมาเราไม่เคยใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน แล้วจะนั่งรถไปทำงานพร้อมกันได้อย่างไรล่ะ...