บทที่ 2 หิ้วกิ๊กเข้าบ้าน 5

889 คำ
น้ำเสียงไม่หนักไม่เบา แต่ความหมายนั้นราวกับตบหน้ากันจังๆ ใบหน้าของภัคพิงค์ยิ่งซีดเผือด สองมือกำชุดเจ้าสาวแน่น หัวใจสั่นสะเทือนเหมือนแผ่นดินที่ทรุดตัวกลายเป็นหลุมลึกกว้างใหญ่ เธอที่ตกลงไปในนั้นเพียรดิ้นรนเท่าไรก็ไม่อาจตะเกียกตะกายขึ้นมาได้ สุดท้ายก็จมลงสู่ความมืดมิดที่เวิ้งว้างและเหน็บหนาวอย่างสิ้นหวัง “ที่แท้ในสายตาคุณ ฉันเป็นคนแบบนี้เองสินะ” “คุณพูดผิด คุณไม่เคยอยู่ในสายตาของผมเลยสักนิด” ภัคพิงค์ยิ้มขื่น นเรนทร์เสียดสีเธอได้ดีจริงๆ ทั้งสายตาและคำพูดเขาเหมือนเพชฌฆาตที่ถือดาบแทงเธอทีเดียวมิดด้าม ตายสนิทในดาบเดียว! สองมือสองเท้าเธอเย็นเฉียบซึมลึกไปถึงกระดูก รู้ซึ้งแล้วว่าชายหนุ่มรังเกียจเดียดฉันท์เธอมากแค่ไหน เธอหลับตานั่งนิ่งสะกดกลั้นความเสียใจที่เอ่อล้นเก็บลึกลงไปในซอกหลืบของก้นบึ้งหัวใจ เคยคิดว่าความจริงใจจะสามารถเอาชนะใจเขาได้ในสักวัน ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้ ความสุขที่เธอเฝ้าฝันไม่เคยเกิดขึ้นและไม่มีอยู่จริง “หย่ากันเถอะ” เธอลืมตามองหน้าเขา เอ่ยเสียงสั่นอย่างไม่คิดจะควบคุม “คิดว่าผมไม่อยากเหรอ” นเรนทร์กระตุกยิ้มเยาะ “งั้นจะมัวรออะไรล่ะ ไปหย่ากันตอนนี้เลยให้มันจบๆ สมใจคุณ” “ผมไม่เอาชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลผมมาเสี่ยงกับผู้หญิงไร้ค่าอย่างคุณหรอก ขืนเดินไปหย่ากับคุณทั้งเพิ่งแต่งงานกันวันแรก โรงพยาบาลและกิจการในเครือบริษัทของผมก็บรรลัยกันพอดี สู้ทนอยู่ดูคุณทรมานแบบนี้ไม่ดีกว่าเหรอ” “คุณคิดจะทำอะไร” ภัคพิงค์กำมือแน่นด้วยหัวใจที่สั่นไหว “ผมจะช่วยส่งเสริมความกตัญญูรู้คุณของคุณไง ถ้าอยากจะช่วยบริษัทของพ่อคุณไม่ให้ล้มละลายละก็ ทำตัวเป็นหุ่นเชิดในฐานะคุณผู้หญิงเตชะนรากูลให้ดีๆ อยู่ในที่ของตัวเอง อย่าโลภมากและห้ามเรียกร้องอะไรจากผมทั้งนั้น!” พูดจบก็หันหลังเดินออกจากห้องหอเพื่อเดินทางไปเกาหลีทันที ทิ้งเจ้าสาวให้เป็นม่ายร้างผัว นเรนทร์ไม่สนว่าภัคพิงค์จะเข้าใจหรือไม่ เพราะเขาไม่ได้ขอความเห็น แต่เป็นประกาศิตที่เธอจะต้องทำตามสถานเดียวเท่านั้น สีหน้าของคนคิดถึงความหลังทวีความบึ้งตึงขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกราวกับถูกเธอยอกย้อน พูดไปพูดมาภัคพิงค์ก็แค่เห็นเขาเป็นบ่อเงินบ่อทอง ไม่เคยมีความรู้สึกรักใคร่ไยดีกันเลยสักนิด ยังกล้าขีดเส้นความสัมพันธ์ของเรา ประกาศบอกเขาโต้งๆ โดยไม่รู้สึกรู้สา เป็นเขาเสียอีกที่บ้าบอทำอะไรไม่เข้าท่า ทำให้เธอเยาะเย้ยได้ใจถึงเพียงนี้ “ขอโทษที พอดีมันมืดไปหน่อย เลยมองผิดคน” นเรนทร์ยักไหล่ มองสีหน้าแข็งทื่อไร้สีเลือดของภรรยาที่คล้ายจะหายใจไม่ออก แล้วยกมุมปากอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็หันหลังเดินขึ้นบันไดตัวปลิวไปเลย ปิดประตูห้องนอนเสียงดัง ‘ปัง!’ ภัคพิงที่ยืนก้าวขาไม่ออกสะดุ้งโหยง มองประตูบานนั้นแล้วยิ้มสมเพชตัวเองอย่างเคยชิน ทิ้งตัวพิงกำแพงเงยหน้าหลับตาปกปิดร่องรอยความเจ็บปวด รอจนแข้งขาที่อ่อนแรงเมื่อครู่เริ่มจะยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว จึงค่อยๆ เดินกลับเข้าห้อง สั่งใจให้เลิกคิดว้าวุ่นถึงเรื่องของสามีกับนางแบบสาวเสียที เธอเหนื่อยเกินไปแล้วได้เวลาพักผ่อนสกที นอนเถอะ...นอนแล้วก็จะหยุดคิดไปเองนั่นละ หญิงสาวทิ้งศีรษะลงบนหมอน กล่อมตัวเองแม้จะไม่รู้สึกง่วงเลยก็ตาม แถมห้องข้างๆ ก็คล้ายจงใจจะกลั่นแกล้งกัน ทั้งส่งเสียงครวญครางตามมาด้วยเสียงกระแทกกระทั้นจากกำแพง แทรกเข้ามาในโสตประสาทหูเธอดังชัดแจ๋ว ราวกับกลัวว่าเธอจะไม่รู้ไม่ได้ยินว่าพวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่ “อ๊ะ อ๊าส์...คุณเรน ทำไมวันนี้รุนแรงจังเลยล่ะคะ อื้อ...” ภัคพิงค์ดึงผ้านวมมาคลุมศีรษะยกหมอนปิดหู แต่เสียงเย้ายวนของนางแบบสาวก็ยังลอดดังแว่วเข้ามาอยู่ตลอด “อ๊า อ๊าส์...คุณเรน แรงๆ ดีค่ะ แรงอีก... โอ้ววว” คนฟังสุดจะทนสะบัดผ้านวมออกจากตัว แล้วคว้าหมอนเดินเข้าห้องน้าล็อกประตูอย่างเร็วจี๋ เอาหมอนรองหลังเอนกายพิงพนักอ่างอาบน้ำ ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ คืนนี้เธอคงต้องนอนที่นี่ซะแล้วละ ภัคพิงค์นั่งกอดเข่าอยู่บนพื้นอะคริลิกสัมผัสเย็นเฉียบ อุณหภูมิในร่างกายเธอค่อยๆ ลดลงจนไร้ความอบอุ่น ขนตายาวเป็นแพสั่นระริก ในดวงตาที่ว่างเปล่าที่น้ำคลอขัง ก่อนจะหลับตาลงราวกับไม่อยากรับรู้หรือรู้สึกอะไรอีกแล้ว เพียรเฝ้าย้ำเตือนใจตัวเองว่า เขาไม่ได้รัก มันก็แค่ความใคร่ แค่อารมณ์พาไป จะเป็นเธอหรือใครก็ได้ทั้งนั้น จำเอาไว้ให้ขึ้นใจ อย่าไปหวั่นไหวหลงคิดเข้าข้างตัวเองเป็นอันขาด!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม