ภัคพิงค์เงยหน้ามองเขาตาค้าง ใบหน้าเห่อแดงอย่างรู้ความ ไอร้อนระอุแผ่ซ่านลุกลามมาถึงตัวเธอ ทำให้รู้สึกวูบวาบคล้ายคนครั่นเนื้อครั่นตัว อยากจะขยับตัวออกก็ติดที่มีกายแกร่งกอดรัดพันธนาการเธออยู่แน่นแฟ้น ลมหายใจของนเรนทร์หอบกระเส่าขึ้นเรื่อยๆ มือไม้เริ่มอยู่ไม่สุขยุ่มย่ามจับนั่นขยำนี่ ลูบไล้ไปตามจุดอ่อนไหวลากผ่านเอวบางลงไปตะปบเคล้นคลึงสะโพกกลมกลึง สายตาคมตรึงสายตาเธอไว้ ยามที่เขาขยับโยกส่งตัวตนมาบดเบียดสัมผัสเธออย่างลึกซึ้งแนบแน่น
ร่างของเธอค่อยๆ ถูกนเรนทร์ดันให้นอนหงายอยู่บนโต๊ะอาหาร พื้นหินอ่อนเยียบเย็นทำให้ภัคพิงค์เริ่มมีสติ ดวงตาเบิกโพลงเมื่อรู้ว่าเขาคิดจะทำอะไร
“คุณจะทำอะไร ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!”
เธอตื่นตระหนกและเริ่มจะดิ้นรนขัดขืน แต่ก็สู้แรงสามีไม่ได้ พริบตาเดียวนเรนทร์ก็รวบข้อมือเธอไว้กดแน่นติดกับโต๊ะ ขึงพืดอยู่เหนือศีรษะ แล้วก้มหน้าลงมาดอมดมสูดกลิ่นหอมหวนของเจลอาบน้ำแนบชิดติดซอกคอ ซุกไซ้ไล้ปลายจมูกเคลื่อนไปทั่วลำคอระหง กดจูบหนักๆ ดูดต้นคอขาวผ่องจนเกิดรอยสีระเรื่อเหมือนดอกกุหลาบแสนหวาน
“อ๊ะ อ๊าส์...!” ภัคพิงค์หวีดร้องด้วยความตกใจระคนวาบหวาม ใจสั่นหวิวๆ ทุกที่ๆ ริมฝีปากรุ่มร้อนจูบไซ้ ปลายลิ้นสากที่ตวัดไล้เลียขบเม้มดูดดึงเนื้ออ่อนๆ ทำให้เธอเสียวซ่านเหมือนมีกระแสไฟฟ้าแรงสูงแล่นปราดไปทั้งตัว กระจุกออรวมกันอยู่ที่ปลายเท้าหงิกงอ
คนทั้งคนสูญเสียสติสัมปชัญญะจนลืมที่จะปัดป้อง หัวใจเตลิดไปตามแรงปลุกเร้าที่เร่าร้อนอ่อนหวาน แหงนหน้าเอียงคอให้ริมฝีปากจัดเจนจูบเคล้าอย่างถนัดถนี่ ร่างกายคล้ายไม่ใช่ของตัวเอง พลิกพลิ้วบดเบียดกับกายแกร่งอย่างตอบสนองและต้องการ
นเรนทร์ละจากลำคอหอมกรุ่น มองใบหน้าแดงซ่านตาปรือมองเขาอย่างเย้ายวน ปฏิเสธไม่ได้ว่ายามนี้ภรรยาเขาช่างอ่อนหวานงดงามจับใจ ลมหายใจร้อนแรงติดขัดอยู่ในลำคอมากพอๆ กับแรงปรารถนาในตัวเธอ กล้ามเนื้อทุกเส้นเต้นระริก งุนงงสงสัยตัวเองว่าเขากำลังทำบ้าอะไรอยู่ ทำไมถึงแตะต้องเธอ ทั้งที่ตั้งใจหาเรื่องเพื่อหย่าขาดกับภัคพิงค์แท้ๆ
สมองสั่งให้เขาหยุด แต่แววตาที่หยาดเยิ้มฉาบไปด้วยพิษใคร่ทำให้เขายั้งใจไม่อยู่ ก้มหน้าบดจูบเธออย่างดูดดื่ม ทุกสัมผัสเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ห่างหายระคนโหยหา สอดแทรกแลกลิ้นจูบเคล้าอย่างลึกซึ้งและอ่อนหวาน กอดเกี่ยวแนบชิดราวกับต่างฝ่ายก็ต่างถวิลหากันมาเนิ่นนาน ฝ่ามือที่จับยึดข้อมือเล็กเคลื่อนขึ้นสอดประสานนิ้วเขากับนิ้วเธอเข้าด้วยกัน ถ่ายทอดความอ่อนโยนที่ไม่เผยใจผ่านรอยแยกทางความรู้สึกที่กะเทาะออกมา
จูบของนเรนทร์อ่อนโยนอย่างที่หญิงสาวไม่คาดคิดว่าจะพานพบ มันอบอุ่นหวานละมุนไปทั้งหัวใจ เขาไม่ได้รีบร้อนจูบเธออย่างกักขฬะ ค่อยๆ เล็มค่อยๆ ไล้ไปตามกลีบปากอ่อนนุ่ม ดื่มด่ำกับรสชาติหวานหวามและลมหายใจหอมอุ่น ปัดป่ายพลิกลิ้นกวาดต้อนหยอกเอินลิ้นน้อยๆ ทวีความเร่าร้อนหิวกระหายขึ้นทีละนิด รอให้เธอคุ้นชินปรับตัวและสอดรับเติมเต็มเขาด้วยความยินยอมพร้อมใจ
นิ้วเรียวยาวลูบพรมไปตามลำคอระหงอ่อนช้อย ริมฝีปากซุกไซ้พรมจูบตามมาติดๆ ลากไล้ดูดเลียมาตามสันกรามจุมพิตปลายคางแผ่วผิว ประกบจูบกลีบปากแรกแย้มอย่างดูดดื่มซ่านใจ ทุกการเคลื่อนไหวสร้างแรงกระเพื่อมสั่นสะท้านจนกายสาวสั่นเทาอยู่ในอกแกร่ง ในความเร่าร้อนที่แผดเผาเนื้อตัวเธอมีกลิ่นน้ำหอมปะปนลอยมาด้วย
นี่ไม่ใช่กลิ่นเขา!
ภัคพิงค์ลืมตาโพลง เม้มริมฝีปากแน่น ใบหน้าซีดขาวเบี่ยงหนีรสจูบจากสามี พลางขยับกายคล้ายไม่อยากให้เขาแตะต้อง เธอจำได้ว่าได้กลิ่นน้ำหอมแบบนี้จากตัวของนางแบบสาว นั่นแปลว่าก่อนที่เขาจะจูบเธอ เขาอาจจะเพิ่งมีอะไรกับหล่อนมาหยกๆ ก็เป็นได้
คิดแล้วความรังเกียจก็วิ่งแล่นขึ้นมาจุกในอก เธอผลักเขาออกสุดแรงอย่างไม่คิด รีบลุกขึ้นถอยฉากยืนอยู่ห่างจากเขาเป็นเมตร แววตาปวดร้าวมองสามีที่ยืนหอบหายใจหนักหน่วงอย่างตัดพ้อ เอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชายิ่งกว่าที่เคยว่า
“ฉันว่าคุณมาหาผิดคนแล้วละ ถ้าคุณอยากก็กลับไปหาคนของคุณที่ห้อง ฉันไม่ใช่ที่ระบายความใคร่ของใคร”
นเรนทร์ชะงัก ยืนนิ่งคล้ายเพิ่งรู้สึกตัว อารมณ์รุ่มร้อนในอกตีกันให้ยุ่งเหยิงผ่านแววตาที่มองเธออย่างคุกรุ่น
“คุณเองก็รังเกียจฉัน ส่วนฉันก็ไม่อยากจะยุ่งกับคุณสักเท่าไหร่ เราแต่งงานกันเพราะผลประโยชน์ต่างตอบแทน คุณได้ภรรยาที่ทำให้พ่อแม่พอใจและไม่สร้างปัญหา ไม่ยุ่งวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวของคุณ ส่วนฉันก็ได้ช่วยเหลือบริษัทของครอบครัว ความสัมพันธ์ของเรามีเพียงแค่นี้ก็พอแล้ว”
สีหน้าคนฟังพลันเข้มขรึม หัวคิ้วขมวดมุ่น ริมฝีปากถูกเม้มแน่น ความรู้สึกหวนย้อนกลับไปในวันวานคืนที่เราแต่งงานกัน คลับคล้ายคลับคลาว่าเขาเองก็จะเคยพูดอะไรที่คล้ายๆ กันอย่างนี้ อย่างที่ภัคพิงค์ประกาศใส่หน้าเขาตอนนี้...